อันดับ 1 หนังรักที่ดีและโดนที่สุดของผม
ผมอยากเขียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้มากๆตั้งแต่ที่ได้ดูครั้งแรกแล้ว เมื่อปี 2009(ปีเดียวกับที่ใครหลายๆคนจดจำว่า The Dark Knight หรือ Slum dog ว่าเป็นหนังแห่งปี)
แต่ด้วยความที่ประสบการณ์การดูหนังยังไม่มากพอ ประกอบกับผมยังไม่ค่อยได้ดูหนังคุณภาพ สักเท่าไหร่ จนเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมดูหนังเรื่องนี้ไปมากกว่า 10 รอบอัพแล้ว ทุกครั้งที่ดูความรู้สึกที่ดียิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นตามจำนวนครั้ง
ก่อนอื่นผมอยากจะถามว่า
คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมากแค่ไหน?
คุณเชื่อในรักแท้หรือป่าว ?
คุณเคยจีบใครสักคนไหมในชีวิต?
คุณเคยคิดไหมว่าคุณจะไม่มีทางมีความสุขจนกว่าจะได้มีคู่รัก ?
คุณเคยรักใครมากๆจนไม่สามารถลืมได้ไหม?
หากมีสักข้อที่คุณตอบว่า ใช่ คุณก็ควรดูหนังเรื่องนี้ซะ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
หนังเป็นเรื่องราว 500 วันของชายหนุ่ม ทอม แฮนซัน ผู้ซึ่งเชื่อในรักแท้ยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลกนี้และเค้าเชื่อว่า ความรักเท่านั้น ที่จะทำให้เขามีความสุข และหญิงสาว ซัมเมอร์ ฟิน ผู้ซึ่งไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต เธอมีของ 2 สิ่งที่เธอรักมากที่สุดคือ ผมดำยาว และอีกสิ่งคือ เธอสามารถตัดผมดำยาวนั้นได้โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ โดยหนังพูดถึงเรื่องของชายหนุ่มที่ได้มาพบเจอกับหญิงสาว และนั่นมีเพียงสิ่งเดียวที่จะสามารถอธิบายการพบกันของทั้งคู่ได้ว่ามันคือ "พรหมลิขิต"
ทอม ชายหนุ่มทำงานในออฟฟิศทำงานเกี่ยวกับการเขียน คิดคำอวยพรในการ์ดอวยพรเนื่องในโอกาศต่างๆ ซึ่งเขาทำงานได้ดีที่เดียวและโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง แม้แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาใฝ่ฝันคือการเป็นสถาปนิก วันหนึ่ง ทอม ได้พบกับ ซัมเมอร์ หญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์และความสวย นั่นทำให้ ทอม ผู้ชายธรรมดาคนนึงตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกพบ ครั้งแรกที่ ทอม และซัมเมอร์ คุยกันคือในลิฟต์ และนั่นเป็นก้าวแรกของการสานสัมพันธ์ของทั้งคู่
"คุณจะรู้เมื่อรักใครสักคน" จากเพื่อนร่วมงานกลายเป็นเพื่อนสนิท จนพัฒนาขึ้นเป็นคู่นอน แต่ซัมเมอร์ไม่เคยที่จะบอก สถานะ ให้ชัดเจน เธอพอใจกับความสัมพันธ์นั้น(ประมาณว่า ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน) แต่ทอม กลับคิดว่า นี่แหละคือคู่ชีวิต ความรู้สึกที่เกิดจากความรักทำให้ทอมเกิดความรู้สึกที่เขาสรุปว่ามันคืออาการของ "คนตกหลุมรัก" ทอม สามารถเข้าไปในโลกของซัมเมอร์ โลกที่น้อยคนนักจะได้เข้าถึง นั่นทำให้ทอม เชื่อว่า เขาสามารถทำให้เธอรู้จักความรักได้แล้ว
ทั้งคู่ดูเหมือนคู่รักที่หวานแหวว ปานจะกลืนกิน จนนานวันเข้า ทอม ต้องการทราบว่า แท้จริงแล้วความสัมพันธ์คืออะไร ทั้งที่ก่อนหน้าเขากลัวว่าคำตอบที่ได้จะทำร้ายความฝันอันแสนหวานตลอดมาที่เขาสร้างขึ้น นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แปรเปลี่ยนไป หรือบางที มันอาจไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ทีแรกแล้ว
หนังเล่าเรื่องราวตัดสลับไปมา ในระหว่าง 500 วัน ไม่เรียงลำดับก่อน-หลัง โดยหนังเลือกที่จะนำเสนอช่วงเลาที่แสนสุขและช่วงเวลาที่แสนเศร้า แต่เดี๋ยวก่อนคุณอย่าคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเศร้าเหมือนใน Blue Valentineหนังเรื่องนี้นั้นเล่าออกมาได้อย่างสนุก น่ารัก และรู้สึกได้ถึงอารมณ์ตัวละคร ทำให้เราอินไปกับเรื่องราวในหนังได้อย่างง่ายดาย เข้าถึงคนดูทุกคนที่เคยรู้จักความรัก
ก่อนจะจบบทวิจารณ์ต้องขอชมผู้กำกับ Marc Webb ที่เลือกนำเสนอเรื่องราวเก่าๆให้ออกมาได้น่าจดจำ และทำให้คนดูมีความสุขตลอดการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงตอนจบ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยตอกย้ำให้หนังเรื่องนี้ กระโดดเด้งไปอยู่ในใจใครหลายคน นักแสดงหลัก Joseph Gordon-Levitt และ Zooey Deschanel แม้จะไม่ใช่คู่ที่หล่อ-สวยที่สุดในยุค แต่ผมต้องขอบอกเลยว่า เป็นนักแสดงที่มี เสน่ห์ มากๆที่สุด ไม่เพียงแต่การสวมบทบาทแต่ทั้งคู่เข้าถึงตัวละคร ทำให้ดูแล้ว ราบรื่น เอาอยู่ทั้งเรื่อง รวมถึงนักแสดงที่รายรอบทั้งเรื่องล้วนแล้วแต่เสริมสร้างให้หนังเรื่องนี้เป็นมากกว่าหนังรัก
มีหลายๆฉากที่ผมไม่คาดว่าหนังจะนำมาใช้ อย่างเช่น ฉากเต้นรำกลางท้องถนน ความจริงและความฝันในเหตุการณ์หนึ่งๆ แต่ฉากเหล่านี้แหละ ที่ทำให้ผมนึกถึงเป็นอันดับต้นๆเมื่อเอ่ยชื่อ (500) Days of Summer
เป็นหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่ดูแล้วไม่อยากให้จบ ด้วยความยาวเพียง 95 นาที แต่หนังสามารถเล่าเรื่องราว 500 วัน ได้ออกมาอย่างดีเยี่ยม ดูแล้วคุณจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จริงๆนะ
เป็นหนังที่ผมอยากให้คนทั้งโลก ได้ดูจริงๆ ครับ
10/10 A+
ขอบอกอันดับหนังรักในใจผมหน่อยนะคับ
1.(500) Days of Summer
2.Up in the Air (หนังรักกระแทกใจคนโสดอย่างแรง)
3.Brokeback Mountain(หนังรักที่จริงจัง หนักแน่น และพุ่งเข้าชนเพศที่สาม(เช่นผม))
4.รถไฟฟ้า มาหานะเธอ(หนังเรื่องนี้ดูแล้ว อยากมีแฟน(อีกครั้ง))
5. The Proposal (หนังรักอารมณ์ตลกมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ผมชอบได้)
6.Blue Valentine (หนังรักอะไรก็ไม่รู้ หดหู่ มากๆ ดูแล้วไม่มีความสุขเลย มันเศร้า เจ็บ ทุกข์ ทรมาณ ทั้งเรื่อง ฉากรักหวานแหววแต่กลับถูกนำเสนอมาได้รันทดใจ มากๆ เจ็บจรง อะไรจริงต้องเรื่องนี้)
7.Love and Other Drugs(หนังรัก เกินๆ ล้นๆ ขาดๆ หายๆ ในสายตาของใครหลายๆคน ด้วยรายละเอียดยิบย่ิอยมากมายในหนัง เลยทำให้บางช่วงดูอืดๆไปบ้าง แต่กับผมนั้นกลับหลงรักพระเอก(เจค)อย่างเต็มเปาด้วยความพยายามที่จะทำให้คนรักหายจากโรคร้าย)
8.กุมภาพันธ์ (หนังรักอีกเรื่องที่ดูแล้วไร้ซึ่งความสุขใดๆทั้งสิ้น เศร้า ดราม่า อาร์ต และทำให้ผมร้องไห้โฮ พร้อมกับตามหาข้อมูลว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือถูกแต่งขึ้น เพราะหากเป็นจริงมันคง ทรมาณ เป็นอย่างยิ่ง)
9.รักแห่งสยาม (หนังเกย์ไทย ที่ไร้มลพิษ มีประเด็นที่ต้องการนำเสนอ ยิ่งเด็กในวัยเรียน(อย่างผม)แ้ลวด้วยมันเข้าถึงจิตใจเหลือเกิน)
10.The Reader (หนังรักระหว่างช่วงสงคราม เพศ เด็ก และแฝงไปด้วยนามนัย มากมาย)
คิดถึงรักครั้งแรกจริง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
(500) Days of Summer เห็นหลายคนบอกว่าดี แต่ยังไม่ได้ดูเลย
Brokeback Mountain ยังดูไม่จบ มันดราม่าเกิน
The Proposal ฮา+น่ารักๆ
Blue Valentine ช่วงใกล้จบ+ตอนจบ ชอบๆ
Love and Other Drugs ชอบ Anne น้ำตาแตกเลย
รักแห่งสยาม ชอบมากๆ ^^
แต่อีกเรื่องที่ผมอยากแนะนำ คือ Amelie' (2001) ถึงจะไม่ค่อยออกแนวรักๆ แต่ออกแนวโรแมนติกดี
(500) Days of Summer ก็สนุกดี ดูได้เมื่อมีเวลาว่าง
Up in the Air หลับ น่าเบื่อมากๆหนังเรื่องนี้
Brokeback Mountain ไม่อยากบอกว่าเสียทิชชู่ไปหนึ่งม้วน เอาไว้ซับน้ำตา อย่าคิดลึก
The Proposal
Love and Other Drugs คุ้มดี มีดารามาแก้ผ้าให้เจริญหูเจริญตา
(500) Days of Summer : ตอนแรกชอบนางเอก ดูๆ ไป
จนจบ เคืองนางเอกมากกกกกกกกก
Blue Valentine : หดหู่จริงๆ
Love and Other Drugs : ไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็โอเคนะ
(500) Days of Summer ว่าจะหามาดูหลายรอบละ ลืมทุกที ชอบพระนาง
ส่วนหุบเขาเร้นรักอันนี้เคยดูอยู่ครั้งนึง แบบว่าหดหูมากกกกกกกกก อารมณ์อึดอัดในตัวนักแสดงนำมันบอกไม่ถูกอ่ะ ล้วตอนจบนี้แบบว่าสะเทือนใจมากกก
รถไฟฟ้า อันนี้ส่วนตัวคิดว่าบทด๋อยมาก เน่าหนอนมากเลยอ่ะ ไม่มีอะไรเลยนะ แต่ดูแล้วเอารอยยิ้มก็ได้นะ แต่ถ้าให้มาขึ้นแท่นหนังโรแมนติกในดวงใจคงไม่มีทาง
ส่วนรักแห่งสยาม อันนี้ก็ดูแล้ว สนุกดีนะ ไม่ใช่แค่ความรักเกย์อย่างเดียว เคยเขียนรีวิวด้วยเรื่องนี้
The Proposal อันนี้พออมยิ้มได้ดี น่ารักมาก แซนดร้าก็เล่นได้ฮาดีอ่ะ
ส่วนตัวนะ หนังรักโรแมนติกที่ขึ้นหิ้งบูชาไว้ 3 อันดับแรกคือ
1. The Notebook
2. A Walk To Remember
3. Love Actually (เรื่องนี้นั่งดูไปก็อมยิ้มไปตลอดทั้งเรื่องเลย หนังอะไรอ่ะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข)
อันดับ 1 ของเราคือ eternal sunshine of the spotless mind
ชอบหลายเรื่องเลยที่ จขกท.และ คห.บนๆกล่าวมา
แต่เราชอบอีกเรื่องคือ A lot like Love เป็นหนังรักที่แปลกดี
ชอบเรื่องนี้อะ
Uploaded with ImageShack.us
หนังที่เหมือนจะตลก (ตอนแรกคิดแบบนั้น) .
แต่ดูไปเรื่อยๆ .. สอนเรื่องความรักได้หลายอย่าง
ทำร้องไห้เลย
มาการันตี 500 days of summer ครับ ตอนนี้ก็ขึ้นแท่นหนังรักกินใจอันดับ 1 ของผมไปเลยครับ ว่าจะไปหา DVD มาดูแบบพากษ์อังกฤษล่ะครับ เพิ่งดูจบไปไม่กี่นาทีนี้เอง ดูแล้วแบบยังค้างอยู่เลย
เดี๋ยวเรื่องอื่นผมจะมาตามเก็บดูนะครับ
- ขอบคุณ จขกท. อ่านแล้วทำให้เราอยากดูหลายเรื่องเลย
เคยดู The Proposal ดูแล้วก็ดูอีกเลย 555.
แปะ
ไว้ไปดูเรื่อง ที่รีวิวมากับอันดับหนังในใจของ จขกท. ให้ครบ แล้ว
จะมาเวิ่นให้ฟัง
ความจริงก็ดูไปแล้วหลายเื่รื่อง แล้วก็ชอบมาก ๆ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google