How to ทำอย่างไร ให้ได้ CU Tep เกิน 100

สวัสดีครับ ไปสอบมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คะแนนค่อนข้างพอใจแต่ไม่เท่าไหร่ ได้มากน้อยแค่ไหน ผมค่อยบอกทีหลังแล้วกัน
วันนี้ ผมจะมา Review ข้อสอบ CU Tep ครับ พื้นฐานส่วนตัวด้านภาษาอังกฤษก่อนไปสอบ
-สอบ TOEFL iBT 4 ครั้ง เมื่อปี 2011 ได้คะแนนระหว่าง 61-70 (เต็ม 120)
-สอบ TOEIC 1 ครั้ง เมื่อปี 2009 ได้คะแนน 721 (เต็ม 990)
-ไม่เคยกวดวิชาคอร์ส CU Tep

-Listening 30 ข้อ 30 นาที
ข้อสอบการฟังของ CU Tep จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ Short Conversation (15 ข้อ) , Long Conversation และ Talks and Lecture รวมทั้งหมด มี 30 ข้อครับ
ข้อสอบในส่วนของ Short Conversation  15 ข้อแรกนั้น จะคล้ายข้อสอบ Lisening ของ TOEFL แบบ Paper-Based Testing ( PBT ) ซึ่งในส่วนนี้ ผมทำข้อสอบเก่าๆของ CU Tep ไปนิดหน่อย แต่ข้อสอบเก่าของโทเฟลผมซัดไปเยอะมากๆๆๆๆๆๆครับ ทำไปเป็นพันๆชุดเลย และตอนที่ผมซ้อมทำโจทย์นั้น ผมจะไม่เสียบหูฟังครับ ใช้เปิดลำโพงเอา ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ยินไม่ค่อยชัดนัก เพราะผมคิดว่า ถ้าไปเจอข้อสอบจริงในห้องสอบ เครื่องเสียงของเขาอาจจะแย่มากๆก็ได้ (ไปสอบจริงๆผมก็ซวยไปเจอเครื่องเสียงห่วยมากจริงๆ -_-") ดังนั้น ตอนเราซ้อม ต้องซ้อมในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุดให้ได้ครับ ยิ่งตอนซ้อมยิ่งยากเท่าไหร่ ตอนเจอข้อสอบเราจะรู้สึกว่าข้อสอบมันง่ายมากขึ้นครับ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ Subscript ครับ ตอนผมซ้อมทำโจทย์รอบแรก ผมจะไม่เปิด Subscript ผมจะทำไปเรื่อยๆจนครบชุด ฟังออกไม่ออกผมไม่รู้ พอครบรอบแล้ว ผมจะเปิดSubscription ครับ คราวนี้ผมจะเปิดหลายๆรอบเลย ฟังจนชินกับสำเนียงและการออกเสียงแต่ละคำจนครบครับ
ในส่วนการฟังอีก 2 ส่วนนั้น จะคล้ายคลึงกับข้อสอบ TOEFL iBT ครับ แต่ของ iBT จะยากและยาวกว่ามาก (iBT จะยาวประมาณ 5-8 นาที แต่ CU Tep จะยาวปรมาณ 3-5 นาที) ดังนั้นผมจึงซ้อมทำโจทย์การฟังของ iBT เสียมากกว่า เพราะข้อสอบ CU Tep สองส่วนนี้ หาได้ยากมากครับในท้องตลาด ผมซ้อมทำโจทย์ของ iBT ไปประมาณ 200 กว่าชุดครับ ซึ่งเหนื่อยพอสมควร
การฝึกฟังนอกเหนือจากการทำโจทย์ ส่วนใหญ่ผมจะชอบดูสารคดีและข่าวภาคภาษาอังกฤษเช่น ช่อง Nat Geo Wild , AFC , Australian Network , CNN ส่วนช่องกีฬาก็จะมีอย่างของ Starsport , Eurosport , MUTV(English Version) ส่วนในอินเตอร์เน็ต มีเยอะพอสมควรครับ หาได้เลยจากใน youtube มีคนเอาข้อสอบ TOEFL iBT มาลงไว้เยอะมาก หลายชุดเลย ลองไปหาฟังกันมาได้ครับ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าการฝึกฟังโดยการฟังเพลงภาษาอังกฤษหรือการดูภาพยนต์หรือละครภาคภาษาอังกฤษนั้น จะเป็นการฝึกที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่ามันทำให้พัฒนาการของการฟังช้าไปครับ แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่คนจะชอบ ใครจะฝึกแบบไหนผมไม่ขัดข้องแต่อย่างใดครับ
ข้อสอบในส่วนการฟังของ CU Tep จะเป็นสำเนียง American ครับ

-Reading 60 ข้อ เวลา 70 นาที
อันนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเรื่องคำศัพท์สำคัญมาก ยิ่งถ้าคุณมี Word Power ที่แข็งแรงมากเท่าไหร่ คุณจะทำข้อสอบได้ดียิ่งขึ้นมากตามไปด้วย ข้อสอบในส่วนของ Reading จะแบ่งย่อยเป็นสองส่วนครับ คือ Cloze Test กับ Passage ในส่วนของ Cloze Test นั้น เค้าจะมีบทความยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษ A4 มาให้เราอ่านครับ แล้วเค้าจะเว้นวรรคคำบางคำในบทความนั้นไว้ ให้เราไปเลือกจากตัวเลือกมาเติมเอง ซึ่งมันต้องใช้ทั้งความรู้ด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ด้วย เพราะตำแหน่งที่เว้นว่างให้เราเติมนั้น อาจจะต้องการคำนาม แต่ในตัวเลือกมีทั้ง คำกริยา คำวิเศษณ์ คำนาม และคำคุณศัพท์ ดังนั้น เราต้องเลือกคำให้ถูกกับ Part of Speech มาเติมครับ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เพียงแค่รู้ศัพท์อย่างเดียว จะต้องรู้หลักแกรมม่าร์ด้วย ในส่วนของ Cloze Test จะมีข้อสอบให้ทำ 15 ข้อครับ ผมฝึกเอาจากหนังสือข้อสอบเก่าๆนั่นแหละ พยายามดูว่าควรจะเลือกคำใดเติมลงไป ซึ่งมันก็ยากพอสมควร แต่มันไม่ได้ยากมากเกินความสามารถแน่นอนครับ
ในส่วนของ Passage อีก 45 ข้อนั้น เราจะต้องอ่าน บทความอีกประมาณ 6-7 Passage แต่ละ Passage มีความยาวตั้งแต่ 300 คำ ไปจนถึง 600 คำก็มีครับ แต่ละ Passage มีคำถามประมาณ 6 ข้อ จนถึง 10 ข้อก็มีครับ โดยบทความหลังๆนั้นจะมีความยาวมากกว่าบทความในช่วงต้นๆ
คำถามในส่วนนี้จะไม่ยากมาก แต่ต้องรู้ศัพท์เยอะพอสมควร ความยากของศัพท์ก็จะอยู่พอๆกับข้อสอบ TOEFL iBT ครับ เพียงแต่บทความ CU Tep อาจจะไม่ยาวเท่า (TOEFL iBT ยาว passage ละ 700-900 คำ)
ส่วนใหญ่คำถามก็จะคล้ายๆกับ TOEFL iBT ประมาณว่าถามหา Main Idea , Details , ทรรศนะของผู้เขียนที่มีต่อเนื้อเรื่อง และ Word Reference ครับ
ในการซ้อมทำโจทย์ นอกจากจะเอาข้อสอบ CU Tep ที่มีอยู่ในท้องตลาดมาทำแล้ว ผมยังเอาข้อสอบ TOFLE ทั้งของ PBT และ iBT มาทำด้วยครับ ผมทำไปเป็นร้อยๆชุดเลยครับ และผมจะไม่ทำแค่รอบเดียวแน่นอนครับ
หนังสืออ่านเพิ่มเติม National Geographic (English Version) เล่มนี้สุดยอดมากครับ เพราะมีการใช้ภาษาเขียนที่เจ๋งจริงๆและอาจารย์ของผมหลายๆท่านก็แนะนำด้วย , TIME , Newsweek , FourFourTwo ที่ผมอ่านก็ประมาณนี้แหละครับ

-Grammar (Error Identification)
ข้อสอบไวยากรณ์มีทั้งหมด 30 ข้อครับ ให้เวลาทำ 30 นาที ข้อสอบไวยากรณ์ของ CU Tep มีความคล้ายคลึงกับข้อสอบ Error ของ TOEFL PBT ครับ ดังนั้นแล้ว นอกจากผมจะซ้อมทำโจทย์ CU Tep แล้ว ผมยังต้องซ้อมทำโจทย์ของ TOEFL PBT ด้วย ข้อสอบในส่วนนี้ต้องมีเบสิคด้านแกรมม่าร์มากพอสมควร มันมีบางข้อที่ยากๆก็หลุดออกมาก็มีครับ ข้อง่ายๆก็มีเหมือนกัน ปนๆกันไป แต่ผมรู้สึกว่าตอนสอบทำไมมีแต่ข้อยากๆก็ไม่รู้ ผมทำโจทย์ไปเยอะมากๆครับ หลายรอบเลย และก็หลายชุดด้วย หนักพอสมควร แต่มันจะทำให้เราคุ้นเคยกับการทำข้อสอบ Error มากขึ้นจริงๆครับ

วันสอบ
ทานอาหารเช้าให้อิ่มเต็มที่ครับ ควรไปถึงก่อนเวลาสอบสักชั่วโมงหนึ่ง เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไร

หนังสือและแผ่นซีดีที่ใช้อ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ
- CU Tep เล่มสีชมพู (สำนักพิมพ์ TGRE) มีทั้งหมด 4 เล่ม ครอบคลุมทุก part
- CU Tep (ของ PostGrad Team) มีทั้งหมด 4 เล่ม ครอบคลุมทุก part
- TOEFL iBT ของ Barron 2008 (เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเป็น 2011)
-TOEFL iBT ของ ETS
- TOEFL iBT ของ Princeton Review
- รวมข้อสอบ Listening TOEFL PBT ทุกเดือนตั้งแต่ 1960-2008 Subscript พร้อมเฉลย

โดยเฉลี่ยผมจะใช้เวลาวันละ 4-5 ชั่วโมงในการอ่านเตรียมตัวสอบ CU Tep เป็นเวลา 2 เดือนครับ วันไหนวันหยุดก็อาจจะมากกว่านี้สักเล็กน้อย ช่วงผมเตรียมตัว ผมงด Social Network ทุกชนิด ยกเว้น SZ ที่ผมจะเข้ามาตอบกระทู้บ้างครับ

ผมคิดอยู่เสมอว่า "ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เมื่อนั้นเรายังต้องสู้ต่อไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้"

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่ากระทู้นี้จะพอมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ

ด้วยความปรารถนาดี

spit_it_out

ปล.ผมได้108/120 ครับ

คลังกระทู้ของผม


10 อันดับโรงเรียนที่มีผู้หญิงหน้าตาดีที่สุด(ขวัญใจหนุ่มๆ)<<<


How to ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ(ฟัง พูด อ่าน เขียน)<<<


How to...เรียนม.ปลายอย่างไร ให้ได้ 4.00<<<


แนะนำหนังสือสำหรับใช้อ่านในระดับม.ปลาย สายวิทย์-คณิตฯ<<<


แนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามหิดลวิทยานุสรณ์<<<