การซื้อของจากต่างประเทศ กับภาษีศุลกากร
ไม่เป็นสมาชิก
การนำเข้าเล็กๆน้อยๆส่วนมากแล้วเราจะสั่งซื้อออนไลน์กัน โดยการขนส่งส่วนมากจะส่งผ่านระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ บางคนไม่ทราบว่าการสั่งซื้อของออนไลน์จากต่างประเทศต้องเสียภาษีอากรขาเข้า บางคนก็ทราบและฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยการให้ผู้ขายในต่างประเทศดีแคลร์หน้าห่อในราคาที่ต่ำเพื่อจะได้เสียภาษีน้อยหรือเพื่อต้องการได้รับการฟรีอากรไป ก็มีรอดบ้างไม่รอดบ้างแล้วแต่โชค ^^
ของนำเข้าทางไปรษณีย์มีอยู่ 3 ประเภท คือ
1. ของที่มีมูลค่าไม่เกิน 1000 บาท จะได้รับการฟรีอากรไม่ต้องเสียทั้งอากรขาเข้าและ Vat
2. ของที่มีมูลค่า เกินกว่า 1000 บาท แต่ไม่เกิน 40000 บาท และไม่เป็นของต้องห้ามต้องกำกัด ***เสียภาษีตามพิกัดอัตราศุลกากร*** ไม่ว่าจะเป็นของใหม่หรือของมือ2
3. ของที่มีมูลค่าเกินกว่า 40000.- ต้องมีใบขนฯ ต้องปฏิบัติพิธีการนำเข้า ณ ด่านศุลกากร
โดยมากแล้วเราๆจะอยู่ในประเภทที่ 2 กัน พิกัดอัตราศุลกากรนั้นแตกต่างกัน ส่วนมากจะนำเข้า เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ มาดูกันว่าของแต่ละชนิดมีอัตราภาษีเท่าไหร่กัน
*เสื้อผ้า 30 % + Vat 7 %
*กระเป๋าไม่ว่าจะทำด้วยผ้าหรือหนัง ปัจจุบันลดลงจาก 40 % เหลือ 30% + Vat 7 %
*รองเท้า 30 % + Vat 7 %
*เครื่องสำอาง ยา อาหารเสริม ของเหล่านี้จัดเป็นของต้องกำกัด คือต้องมีใบอนุญาตในการนำเข้า แต่นำเข้าทางไปรษณี์ย์ เนื่องจากปริมาณของที่เข้าในแต่ละวันมีเยอะมาก เจ้าหน้าจะประเมินเป็น P/E(ของใช้ส่วนตัว) 30 % + Vat 7 % เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้า แต่ต้องมีปริมาณ เหมาะสม ไม่มากเกินไป ถ้านำเข้าในปริมาณมากจะถูกส่งลงคลัง ให้ไปปฏิบัติพิธีการ ขอใบอนุญาตนำเข้า
วิธีคิดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
สมมุติกระเป๋า Prada ใบละ 40000(ในการประเมินราคา เจ้าหน้าทีอาจอิงหน้าที่สำแดงหน้าห่อ หรือถ้าของในห่อกับราคาที่สำแดงมาไม่น่าจะสอดคล้องกันเจ้าหน้าจะอิงจากเว็บไซต์ โดยจะใช้ราคาที่คนทั่วไปสามารถซื้อหาได้ ไม่ว่าคุณจะซื้อมาถูกแสนถูก แต่ราคาศุลกากรต้องเป็นราคากลางๆ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเสียประโยชน์ )
40000 * 30 % = 12000 ราคาอากร
40000 + 12000 * 7% = 3640 ราคาภาษีมูลค่าเพิ่ม
รวมค่าภาษีอากรที่ต้องจ่าย 15640 บาท ***อ้วกอ่ะ***
เมื่อรวมกับราคาของ 40000 + 15640 = 55640 คุ้มมั้ย ??
*****การให้ทางผู้ขายสำแดงราคาต่ำใช่ว่าจะรอดเสมอไป อย่าลืมว่าศุลกากรมีอำนาจในการเปิดตรวจของทุกกล่องที่นำเข้า *****
***เพิ่มเติมนะค่ะ การนำเข้าของหลายๆอย่างในกล่องเดียวกันเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะทำให้คุณเสียผลประโยชน์ เพราของบางชนิด มีอัตราภาษี 0%(แต่ยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม) เช่นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ถ้าคุณส่งมารวมกับของอื่นๆปะปนกันหลายอย่าง เจ้าหน้าที่จะคิดรวมกับของชนิดอื่นเป็นพิกัดอัตราเดียวกัน จขกท.เจอกรณีผู้นำเข้ารายหนึ่ง นำเข้าเครื่องสำอาง เสื้อผ้า โทรศัพท์(มั้งถ้าจำไม่ผิด)ในกล่องเดียวกัน โทรมาสอบถามเรื่องการเสียภาษี ว่าทำไมเสียเยอะ ทั้งๆที่โทรศัพท์ 0 % อย่างที่บอกว่าของเข้าที่ศุลกากรไปรษณีย์ในแต่ละวันกองสูงท่วมหัว เจ้าหน้าที่ไม่มานั่งแยกของเพื่อประเมินหรอก เพื่อความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะประเมินรวมๆเป็นของใช้ส่วนตัวให้ 30 % *******
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ผมอธิบายไปในกระทู้ก่อนละ เพิ่มเติมว่า ทางที่ดี อย่าสั่งมาโดยใช้บริการบริษัทขนส่งอิสระเช่น USP , DHL หรือ FEDEX เพราะพวกนี้เวลาโดนภาษีแล้วจะมีค่าทำเนียมเยอะ ถ้าของโดนกักก็ต้องเสียค่าโกดังด้วย คิดเป็นรายวัน
มีหลายคนที่สั่งมาผ่านพวกนี้แล้วเจอภาษี + ค่าโกดัง + ค่าทำเนียม รวมแล้ว แทบจะเกือบ 100 % ของราคาของเลยทีเดียว
ดังตัวอย่างที่บอกไปแล้ว ที่ว่า ใน Pantip เป็นผู้หญิงคนนึง สั่งกระเป๋า Gucci มา ประมาณ 3 หมื่น โดนภาษีไป 2 หมื่นกว่าบาท เจ้าตัวถึงกับช๊อค
ปล.แก้ให้จขกท.หน่อยนะครับ พวกกระเป๋าหนังนี่ ภาษี 60 % นะครับ แต่ถ้าเป็นถุงมือหนังนี่ ภาษี 100 % เลย ลองไปเช็คดูได้ใน link นี้ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp;jsessionid=5FCE6E1856B5D1E9B55F388EC751B2A7
พิกัดภาษีปี 2555 หมวด 8 ตอนที่ 42 ครับ
ขอบคุณที่เพิ่มเติมค่ะ...
โดยมากแล้วเจ้าหน้าที่ศุลกากรไม่โหดร้ายถึงขั้นเก็บ 60 เปอร์เซ็นต์เต็มหรอกค่ะ เค้ามีหยวนๆให้ เค้าเองก็เห็นใจผู้นำเข้าเหมือนกัน นอกจากว่าเจอใครสำแดงหลักฐานเท็จมา ก็จัดหนักกลับไป โดยมากเจ้าหน้าที่ใจดีนะ ^^
ที่จริงรองเท้าบางชนิดเก็บ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เก็บกัน 30 เหมือนกันหมด เพราะของเข้าเยอะมาก
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google