ฉีดผิว ฮ้ะะะ!!!!

#1 | okk | 27 ส.ค. 56 18:04 น.

ไม่น่าได้นะคะ ไม่รู้ว่า ที่ฉีดนั้นเป็นสารอะไร วิตบี วิตซี หรือกลูต้า
การงดบริจาคชั่วคราว

v  การใช้ยา

        ยาบางชนิดแม้ผู้บริจาคจะหยุดใช้ยา แล้วยังคงต้องงดบริจาคโลหิต เช่น

* ยาแก้อักเสบ ยารักษาสิว ต้องงดบริจาค 2 สัปดาห์ (กลุ่ม Accutane ต้องงดบริจาคโลหิต 3 เดือน)

        * ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ต้องงดบริจาค 3 วัน

        * กินยาลดน้ำหนักต้องงดบริจาค

v  การฉีดวัคซีน

        * วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อการป้องกัน หลังฉีด2 สัปดาห์ จึงสามารถบริจาคได้ ถ้าถูกสัตว์กัด งดการบริจาค 1 ปีเต็ม หลังฉีดวัคซีนครบ

        * วัคซีนโรคตับอักเสบ บี เพื่อการป้องกัน หลังฉีดวัคซีนแล้ว 2 สัปดาห์ จึงสามารถบริจาคโลหิตได้ แต่ถ้าผู้บริจาคได้ฉีดวัคซีนภายหลังการสัมผัสเลือดจากผู้ติดเชื้อ ให้งดบริจาค 1 ปี

        * การสักยันต์ เจาะหู ฝังเข็ม หรือผ่าตัดใหญ่ จะต้องงดการบริจาคเลือดเป็นเวลา 1 ปี

ก๊อปมาจากเพจคุณสมบัติผู้บริจาคโลหิตค่ะ

#2 | คุณโฉมโฉมงามประการัง | 27 ส.ค. 56 18:42 น.

เป็นกลูต้าอ่ะค่ะ

#3 | |Sometime...* | 27 ส.ค. 56 22:04 น.

หลังบริจาคเลือด ควรเว้นระยะไว้สัก 3 เดือน ถึงจะบริจาคครั้งต่อไป

เดียวร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดไม่ทัน จะมีโอกาสเป็นโลหิตจางนะ

การบริจาคโลหิต เป็นการนำโลหิตออกจากร่างกาย โดยการเจาะเก็บทางเส้นโลหิตดำ ครั้งละประมาณ 350-450 ซีซี. (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้บริจาคโลหิต) คิดเป็น 10% ของปริมาณโลหิตทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคโลหิต  เมื่อบริจาคโลหิตออกไป จะเป็นการกระตุ้นการทำงานของไขกระดูก เปรียบเสมือนการออกกำลังกาย ทำให้ไขกระดูกทำงานดีขึ้น ซึ่งไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนปริมาณที่ถูกถ่ายเทออกไป ทำให้ร่างกายได้เม็ดโลหิตใหม่ ซึ่งแข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเม็ดโลหิตเดิมที่บริจาคไป ทำให้เม็ดโลหิตแดงลำเลียงออกซิเจนได้เต็มที่ เม็ดโลหิตขาวทำลายสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น และเกล็ดโลหิตจะช่วยซ่อมแซมรอยฉีดขาดในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่มีสาเหตุทำให้อ้วน

#4 | flukefred | 28 ส.ค. 56 20:03 น.

คือแบบอยากได้ ไลน์จขกท.อ้ะ 555555555 เรื่องฉีดผิว.