warrior เกียรติยศเลือดนักสู้ "หนังดี ทีพึงได้ดู"

14 ต.ค. 56 21:01 น. / ดู 1,330 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เรืองย่อ ทอมมี่ ริออร์แดน (ทอม ฮาร์ดี้) ลูกชายคนเล็กของอดีตนักมวยขี้เหล้า (นิค โนลดี้) ได้กลับมาบ้านหลังจากไปรบและได้พ่อของเขาเป็นเทรนเนอร์ในการลงแข่งชิงแชมป์นักชกมาร์เชียลอาร์ต และเส้นทางบนสังเวียนนี้ได้นำเขามาพบกับเบรนแดน (โจล เอ็ดเกอร์ตัน) พี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง ที่หันหลังให้ทอมมี่และพ่อของเขาไปมีครอบครัวที่ดี และเป็นครูฟิสิกห์ แต่จำเป็นต้องขึ้นสังเวียนเพื่อหาเงินมารักษาบ้านของเขาเอาไว้ไม่ให้ถูกยึด
ถ้าจะให้บรรยายเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้สั้นๆง่ายๆนั้นก็คงบอกได้เลยว่า มันคือ The Fighter ในเวอร์ชั่นที่ มันส์กว่า ซึ้งกว่า และ อินกว่า ในทุกองค์ประกอบ เริ่มตั้งแต่องค์ประกอบ ดราม่า ของหนังที่สามารถค่อยๆไกล่เกลี่ยบทความแตกร้าวในครอบครัว ระหว่างน้องชายอย่าง ทอมมี่ ที่มีปัญหากับพ่อขี้เมาของตัวเอง ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง และ กินใจ ในทุกด้าน พร้อมกับการที่หนังกัดจิกประเด็นสังคมทั้งหลายในอเมริกา
และครอบครัวที่มีปัญหาพ่อขี้เหล้าแบบนี้ ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผสมผสานไปกับการแสดงอันเหนือชั้นของนักแสดงที่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง นิค โนลตี้ ในบทของพ่อขี้เมา ที่หนังสามารถปูบท และ ปูมหลัง ของ พ่อ คนนี้ออกมาทำให้คนดูนั้นสามารถอินได้ง่าย และ เป็นตัวละครที่สามารถจับต้องได้มากกว่าตัวละครหลักอย่าง ทอมมี่ หรือแม้แต่ เบรนแดน เสียอีก พร้อมกับการที่ผู้กำกับนั้นรู้สึกอยากจะปล่อยของในหนังเรื่องนี้ซะหน่อย จึงทำหนังเรื่องนี้ยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในทีแรกผมก็คิดว่ามันยาวเกินไปเช่นเดียวกัน แต่เอาเข้าจริงๆนั้น ผู้กำกับนั้นสามารถถ่ายทอดเรื่องราว และ การเล่าบทหนัง

เรื่องนี้ ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ออกมาได้อย่าง ราบลื่น และสามารถหาจังหวะในการใส่ทั้งฉากแอ็คชั่น ตลก ซึ้ง และ ให้กำลังใจ ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา จึงทำให้คนดูรู้สึกว่า 2 ชม. 20 นาที นั้น กลายเป็นเหมือนหนังยาวเพียง 1 ชั่วโมงด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่สนุกของผู้กำกับที่ต้องขอชมจริงๆ และนั้นรวมไปถึงด้านของแถมในหนังเรื่องนี้อย่าง ฉากแอ็คชั่น ที่ฉากเหล่านั้นก็จะมันส์ไม่ได้อีกเช่นกันถ้าหากขาดเสน่ห์ของผู้กำกับ ที่สามารถเล่าเรื่องความเป็นมาของ 2 ตัวเอกได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่แปลกเลยว่า ถ้าในทุกฉากแอ็คชั่น จะมีคนดูในโรงยืนขึ้นมาเชียร์เหมือนดูมวยอยู่ข้างๆสนามแบบของจริง

เพราะหนังสามารถทำให้คนดูอิน และ เข้าถึง ไปกับตัวละครทั้งหมดของหนังได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะการที่หนังไม่ได้เน้นบทไปที่ใครคนใดคนนึง หรือว่า ใส่ร้ายป้ายสี ไปให้ว่าคนนี้ต้องชนะแน่ๆ คนนี้ต้องแพ้แน่ๆ ในฉากสุดท้ายของหนัง ที่เป็นการมาเผชิญกันเองของ 2 พี่น้องนั้น จึงทำเอาจิตใจคนดูทั้งหลายอยู่ไม่เป็นสุขเลยก็ว่าได้ เพราะหนังเรื่องนี้แหละที่สามารถขยายคำว่า 'รักพี่เสียดายน้อง' ออกมาได้ในรูปแบบที่มันส์เกินคาด และสำหรับใครที่กำลังคิดว่า ในตอนจบนั้นยังไง 2 พี่น้องก็ต้องชนะมาเจอกันอยู่ดี กลัวว่าฉากต่อสู้แรกๆนั้นจะดูแล้วไม่ลุ้น เพราะยังไงคนดูก็ต้องรู้ผลการแพ้ชนะในรอบแรกๆอยู่แล้ว

ก็ต้องให้คุณคิดใหม่ได้เลย เพราะความดีความชอบทั้งหลายต้องยกให้คนออกแบบคิวบู๊ ในฉากการต่อยมวยแบบผสมผสานศิลปะเหล่านี้ ที่สามารถทำออกมาได้ มันส์ มากจนลืมไปแล้วว่านี้มันคือหนังแนวดราม่านะเว้ย แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะนอกจากหนังจะจริงจังกับฉากแอ็คชั่นของหนังแล้ว ในด้านของดราม่า หนังก็ยังจริงจังด้วยเช่นกัน เพราะในฉากที่หนังพยายามทำ ซึ้ง ทั้งหลายนั้นต้องขอยกนิ้วให้เลยว่า เล่นเอาน้ำตาลูกผู้ชายของใครหลายๆคนนั้น ต้องไหลออกมาจนแทบหยิบกระดาษมาซับไม่ทันเลยก็ว่าได้ พร้อมกับประเด็นด้านของ ความรักชนะทุกอย่าง ของหนังก็ยังสามารถผสมผสานได้ไม่ยัดเยียดมากไปอีกด้วย

แต่ถ้าหากจะให้ลองคิดข้อเสียของหนังเรื่องนี้สักข้อ สองข้อ นั้นก็คงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้คงจะเพอร์เฟ็คสุดๆ ถ้าในตอนท้ายของหนังนั้นมีฉากบทสรุปที่ยาวกว่านี้หน่อย เพราะอารมณ์ในฉากจบของหนังเรื่องนี้มันคล้ายกับว่าตัดบทไปเลยมากกว่า ส่วนข้อที่ 2 นั้นคือด้านการแสดงของ โจล เอ็ดเกอร์ตัน ที่ในด้านฉากแอ็คชั่นนั้น การแสดงของเขาดูแล้วไม่หนักแน่นเหมือน ทอม ฮาร์ดี้ ส่วนในด้านฉากดราม่าก็ยังรู้สึกไม่สุดมากสักเท่าไหร่นัก โดยส่วนตัวชอบการแสดงใน The Thing ที่ออกมาเล็กน้อยมากกว่าอีกครับ แต่ยังไงก็ตามโดยรวมแล้วเรื่องนี้มันเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมจริงๆครับWarrior เป็นหนังแนวต่อยมวย ที่สามารถเล่าเรื่องทั้งประเด็นด้านความรัก ความแตกแยก ในครอบครัวออกมาได้ในรูปแบบที่ดูสนุก และจริงจังมากทั้งด้านฉากแอ็คชั่นมันส์ๆของหนัง หรือแม้แต่ฉากซึ้งๆของหนังที่ทำเอาคนดูต้องร้องไห้ไปตามๆกัน
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Dorothy | 15 ต.ค. 56 10:13 น.

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ หลงรัก ทอม ฮาร์ดี้ จากเรื่องนี้เลย
ฉากที่พี่แกเข้ากรงไปต่อยคู่ต่อสู้แล้วหันหลังกลับทันทีเป็นอะไรที่เท่มาก

นั่งร้องไห้อยู่ในโรง แบบประทับใจ
สงสารคนเป็นพ่อมาก แต่ก็เข้าใจตัวละครทุกตัว ดูจบแล้วรู้ว่าเป็นหนังบิ้วแต่ไม่ได้เป็นดราม่าแบบที่ป้ายสีตัวละครอย่างที่คุณเจ้าของกระทู้กล่าว

เรื่องนี้ถูกเอามาเปรียบเทียบกับ The Fighter ที่ คริสเตียน เบล กับ มาร์ก วอลเบิร์ก แสดง เพราะเป็นเีรื่องพี่น้องและเกี่ยวกับการต่อสู้ในสังเวียนเหมือนกัน แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันเปรียบกันไม่ได้เลยค่ะ หนังมันคนละเรื่องเลย

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | Magellan | 15 ต.ค. 56 11:29 น.

หนังเรียกน้ำตา ที่ทำได้น่าประทับใจ แม้บางฉาก บางตอนจะดู fake ไปบ้าง

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | .::นู๋กระต่าย::. | 17 ต.ค. 56 13:48 น.

หนังดูแล้วบิ้วสุดๆ

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google