2001: A Space Odyssey (1968) ภาพยนตร์ที่มีแต่คนบอกว่า "มึน"

27 ต.ค. 56 05:09 น. / ดู 4,359 ครั้ง / 7 ความเห็น / 5 ชอบจัง / แชร์
เอ่ออ เมื่อวันที่ 26 ผมมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องนี้ที่หอภาพยนตร์ศรีศาลายา ฉายช่วงบ่าย 3 ต้องขอขอบคุณทางหอภาพยนตร์และคุณโดม(โปรดิวเซอร์)ด้วยครับ
แต่บังเอิญวันนี้(26)ผมต้องตื่นเช้าไปทำงานกลุ่มกับเพื่อน ซึ่งก็วางแผนว่าหลังทำเสร็จจะไปดู เพราะอยากดูมาก เนื่องจากหนังเก่า หายาก แถมจะได้ดูในโรง และยิ่งได้ยินว่าดูกันไม่ค่อยรู้เรื่อง หลับบ้าง ดูไม่จบบ้าง แต่มีคนบอกว่าดี หนังปรัชญา งานของ Kubrick แบบนี้คงอดใจไม่ไหว อยากลองสัมผัสซักครั้ง

ซึ่งกว่าผมจะทำงานเสร็จก็เลยบ่าย 3 แล้ว หลังจากนั้นจึงรีบบึ่งขึ้นแท็กซี่ ไปถึงประมาณ 4 โมงกว่า เลยได้ชมไม่เต็มทั้งเรื่อง(เสียดาย) ฉะนั้น ผมจึงขอพูดเฉพาะส่วนที่ผมได้ดูและตีความในแบบของผม(เช่นเคย)




ส่วนนี้คนที่ยังไม่ได้ดูอ่านได้**

ตัวหนังนั้นค่อนข้างที่จะมีความยาวที่นานและดำเนินเรื่องเนิบนาบ บทพูดน้อย ยืดยาด ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยทำไมหลายคนดูกันไม่จบหรือหลับขณะดู นี่ยังไม่รวมเนื้อหาที่ดูเรียบง่าย แต่ใช้การตีความระดับนึง และปะติดปะต่อยาก(ไม่รู้ว่าเพราะผมไม่ได้ดูตั้งแต่ต้นหรือไม่)

แต่ผมไม่หลับ เหตุผลที่ผมพอคิดออกคือ ไม่ได้ดูตั้งแต่ต้น กับเพราะผมไม่รู้อะไรในช่วงแรก เลยทำให้คิดพยายามจะจินตนาการช่วงต้นเรื่องให้มันปะติดปะต่อกับส่วนที่ผมเริ่มดู และเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ผมค่อนข้างอึ้งว่าเมื่อปี 68 เขาทำได้ดีขนาดนี้เชียวหรือ เสียงประกอบเข้ากับธีม ปั้นโมเดลได้สวย ออกแบบฉากได้ล้ำ บางฉากผมก็อึ้งว่าเขาทำได้ยังไง มันคงดูพิเศษมากสำหรับสมัยนั้น




ส่วนนี้เป็น Spoil สำหรับคนที่ดูแล้วนะครับ*** ไม่คิดจะดูแต่อยากรู้ก็อ่านได้(ไม่รู้จะเข้าใจมั้ย) 

ผมได้เริ่มดูตอนช่วงที่กลุ่มนักสำรวจ(มั้ง)ประมาณ 6 คน ไปเจอแท่งเหล็กแล้วมีคนนึงไปแตะ จากนั้นก็จะถ่ายรูปกัน แต่มีอะไรไม่รู้ทำให้พวกเขาปวดหัว เป็นวิ้งๆ

ณ จุดนี้ในหัวผมคิดและสงสัยว่า แท่งเหล็กนั่นมันอะไร ? แล้วทำไมอยู่ๆคนพวกนี้ปวดหัว ไม่ทันได้คำตอบก็ข้ามไปอีกฉากนึง

ฉากต่อมาคือทีมสำรวจ 5 คนกับ AI อัจฉริยะอีก 1 ที่คอยควบคุมยาน แต่ 3 คนจำศีล

ฉากนี้ผมได้อะไรพอสมควร คือ
1. AI ถูกสร้างจากมนุษย์และพากันเข้าใจว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เนื่องจากไม่เคยทำงานผิดพลาด

2. AI ที่ไม่น่าจะมีความรู้สึก แต่ถูกสร้างให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ จนมนุษย์มีความเคลือบแคลงว่า AI มีความรู้สึกหรือไม่ เมื่อมีการโต้ตอบต่อกัน

3. AI สงสัยและตั้งคำถาม มีความคิดและความรู้สึก ?

4. AI ทำงานผิดพลาดครั้งแรก มาจากความคิด ความรู้สึกหรือมาจากการคำนวณที่มีความแม่นยำ ?

5. มนุษย์ไม่เชื่อแล้วว่า AI นี้สมบูรณ์แบบ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบที่พึ่งตะหนักกลับเป็นตัวควบคุมยานและแทบทั้งหมด ฉะนั้นจึงคิดว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

6. AI ที่ว่าสมบูรณ์แบบ แต่มนุษย์กลับหาช่องโหว่ได้(แอบคุยกันในยานลำเล็กโดยไม่ให้ AI รู้) เป็นตัวเสริมอีกข้อว่า AI ไม่สมบูรณ์แบบ

7. AI ไม่สมบูรณ์แบบทำงานเกินคาด นั่นคือล่วงรู้สิ่งที่มนุษย์คุยกัน โดยการอ่านปาก และเริ่มมาตรการป้องกัน เพราะมนุษย์คิดจะปิดการทำงานของตน ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินภารกิจที่ถูกโปรแกรมมาได้

8. AI ฆ่ามนุษย์ด้วยคิดว่าเป็นมาตรการป้องกัน ฉะนั้นไม่มีความรู้สึก ?

9. มนุษย์ที่มีความรู้สึก แต่พออยู่ในจุดเดียวกับ AI กลับฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพื่อให้ตนรอด และทำตามเป้าหมาย(เหมือน AI) ชอบจุดนี้มาก

10. AI ตะหนักถึงความหวาดกลัว มีความรู้สึก ?

11. AI ไม่รู้สึกหวาดกลัว แค่ระบบรวนเนื่องจากถูกดึงข้อมูล ไม่มีความรู้สึก ?



สรุปฉากนี้ผมคิดว่า
1. "ไม่มีความสมบูรณ์แบบหรือแน่นอนอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนผกผันได้" เห็นชัดเจนแม้แต่สิ่งที่มนุษย์สร้างและคิดว่าสมบูรณ์แบบแล้ว กลับเอ่ยเองว่า "ไม่มีความสมบูรณ์แบบ แม้แต่มนุษย์ก็ผิดพลาดกันมาตลอด"

2. "AI ถูกสร้างจากมนุษย์ มุนษย์ถูกสร้างจากอะไร ? AI ถูกสร้างจากฐานความรู้ 0 เช่นเดียวกับมนุษย์ที่พึ่งเกิดก็มี 0 เช่นกัน เมื่อ AI ถูกป้อนข้อมูลและสอนการเรียนรู้ที่จะตอบโต้ต่อสิ่งต่างๆ ก็เหมือนกับมนุษย์ที่ค่อยๆเรียนรู้ที่จะตอบโต้ต่อสิ่งต่างๆเช่นกัน บางครั้ง AI เหมือนมีความรู้สึก มีความคิด มนุษย์เหมือนไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ขัดแย้งและใกล้เคียงกัน หรือมนุษย์ก็เป็น AI ของมนุษย์ ?"(ไม่งงกันนะครับ)

3. มนุษย์ไขว่คว้าความก้าวหน้า การพัฒนา การเป็นที่ 1 แต่กลัวสิ่งที่เหนือกว่าตน สร้างสิ่งที่ใกล้เคียงตน อยู่ในอำนาจตน นั่นเท่ากับสร้างเพื่อหลอกตัวเองว่าเหนือกว่า ?

หลังจากฉากที่มนุษย์ปิด AI แล้ว มีฉากเพิ่ม ผมได้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับแท่งเหล็ก กับคำพูดว่า "ค้นพบสิ่งมีภูมิปัญญา"(นั่นคือบความก้าวหน้าที่ถวิลหา) และให้คำตอบก่อนหน้าคือคลื่นสัญญาณอะไรซักอย่างทำให้ 6 คนนั่นปวดหัว



ฉากต่อมา รู้สึกเน้นสัญญะ

ที่ดูเหมือนพระเอก(ขอใช้แทนมนุษย์คนเดียวที่รอดที่กล่าวมาจากฉากที่แล้ว) เข้าไปในห้วงอวกาศ(รูหนอนหรือเปล่า ?) ก่อนหน้านี้มีอะไรไม่รู้ ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่อง บินๆลอยๆมั้ง แล้วเห็นสิ่งต่างๆมากมาย ผมคิดว่าเป็นการข้ามมิติ แล้วเห็นโลก เห็นสิ่งต่างๆมากมายระหว่างนั้น จนไปโผล่ในห้อง และมองเห็นตัวเองอายุมากขึ้นมองตัวเองอีกที

ไล่ลำดับจนแก่ เอื้อมมือจะไปแตะแผ่นเหล็ก แล้วก็เป็นรูปเด็กในครรภ์ ผมคิดว่าหมายถึงอายุขัยของชีวิตมนุษย์ และตอนนี้พระเอกล่วงรู้ทุกอย่างแม้แต่ทั้งโลกและชีวิตจากการผ่านห้วงอวกาศนั้น

ซึ่งไอแผ่นเหล็กนี่แหละทำให้ผมคิดเพิ่ม จากการลำดับอายุขัย เห็นสิ่งต่างๆมาทั้งชีวิตแล้วเอื้อมมือไปแตะแผ่นเหล็ก ผมมองว่าแผ่นเหล็กนี้เหมือนสิ่งที่มนุษย์ไล่ตามหรือเปล่า ? ที่แม้ใช้ทั้งชีวิตเรียนรู้ก็ไม่อาจครอบครองมัน มองให้สอดคล้องกับฉากที่แล้วก็คือ "มนุษย์ไม่ใช่ที่ 1 มีสื่งที่มนุษย์ไม่อาจไขว่คว้าได้ แม้ใช้ทั้งชีวิตก็ตาม"



ส่วนรูปเด็กในครรภ์มองโลก ผมคิดว่าเด็กคือตัวแทนของโลก มันคือจุดกำเนิดของมนุษย์ ฉะนั้นโลกมันก็เปรียบเสมือนเด็กในครรภ์ที่ยังไม่แม้แต่จะลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำ(กลัวงงจัง มันซ้ำคำว่าโลก) เทียบกับจักรวาลเรามันน้อยนิดมากๆ เราคิดว่าเราพัฒนาอย่างก้าวไกลขนาดไปนอกโลก แต่เจอภาพนี้เข้าไปคือเรายังไม่ลืมตาเลย มันยังยาวไกลและมีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมายจนไม่อาจพรรณาได้ เพราะนี่เรายังอยู่แค่ในครรภ์เอง....


หลังจากดูจบคุณโดมก็พูดคุยกับคนดู คนดูก็แสดงความเห็นของตนหลังดูจบบ้าง ตรงนี้ผมได้ข้อมูลมาเพิ่ม เพราะแกเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้า คือยุคดึกดำบรรพ์ที่มีลิงไปพบแท่งเหล็ก และบอกว่าลิงคือวิวัฒนาการของมนุษย์



อืมม นั่นแปลว่ายุคแรกเริ่มของเรานั้นค้นพบสิ่งมหัศจรรย์นี้แล้ว ผมไม่รู้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าลิงทำอะไรกับแท่งเหล็กนั่นหรือไม่ เลยเดาไว้ 2 แบบคือ
1. แท่งเหล็กมีความสำคัญกับลิง
2. แท่งเหล็กไม่มีความสำคัญกับลิง

ขอคิดในกรณีที่ 1 ก่อน แท่งเหล็กมีความสำคัญ แต่ในยุคที่ท่องอวกาศบอกว่าเราค้นพบ นั่นเท่ากับว่าความสำคัญนั้นอาจเคยถูกลืมไปในช่วงไหนของมนุษย์ ทำให้ผมมองลึกขึ้น นั่นคือ เป็นการวนลูป มนุษย์เคยเรียนรู้สิ่งต่างๆ พบเจอสิ่งต่างๆมามากมาย(ขอมองให้สอดคล้องกับฉากก่อนจบ คืออายุขัยของคน 1 คน)

คนนึงมีอายุขัยและเก็บเกี่ยวความรู้มากมาย แต่เมื่อตายลง สิ่งเหล่านั้นหายไปด้วยถ้าเราไม่มีการถ่ายทอด (สอดคล้องกับอาจถูกลืมไปช่วงไหนของมนุษย์)

ตรงนี้เองที่ยุคท่องอวกาศมาเจอแท่งเหล็ก(ซึ่งเคยพบแล้ว) ก็เหมือนกับว่าเราพัฒนาไปแค่ไหน เราคิดว่าสิ่งที่ค้นพบคือความใหม่ แท้ที่จริงมันคือสิ่งเก่าที่เราเคยลืม

ซึ่งชีวิตมนุษย์ 1 ชีวิตมองเป็นแต่ละช่วงยุคได้ เพราะชีวิตใหม่ เริ่มจาก 0 = ลืม เรียนรู้ และแสวงหาอีกครั้ง ต่างกันถ้ามนุษย์ไม่มีวันตาย ไม่มีอายุขัย เราจะไม่วนลูป คือแสวงหาไปเรื่อยๆ แต่ลองคิดดูยุคลิงถึงยุคท่องอวกาศนานแค่ไหน กี่ล้านปี เรายังไม่ลืมตาเลย...

กรณีที่ 2 ไม่มีความสำคัญ ทำให้มองเห็นว่า แต่ละช่วงของมนุษย์ สิ่งเดียวกัน แต่ความสำคัญไม่เท่ากัน ยุคลิงอาจมองไม่เห็นประโยชน์ของเหล็กแท่งนั้น แต่ยุคท่องอวกาศกลับคิดว่าเก็บเกี่ยวได้ สอดคล้องกับฉากแรกที่ผมเล่าว่า "ไม่มีความแน่นอน" ผกผันไปเรื่อยๆ




มีการเปรียบเทียบย้อนแย้งหลายชั้น โยงกันไปโยงกันมา จนผมก็เขียนให้อย่างที่ผมคิดลำบากพอสมควร 

แต่ตรงนี้แหละเป็นทางเลือกว่าจะคิดแบบไหน ซึ่งทางไหนคงไม่สำคัญเท่ามันทำให้ผมได้คิด...

คนที่ดูแล้วหลับหรือบอกว่ามึน งงบ้าง ซึ่งผมก็ค้างๆเหมือนกันตอนดูจบ เพราะหนังเปิดให้คนดูคิด ดีนะ ให้อิสระ ซึ่งไม่ได้ย่อยมาให้เรา จึงต้องใช้เวลาทบทวนซักนิด

แม้หนังที่ดูจะหาจุดเชื่อมโยงกันยากพอสมควร ถ้าเราลองคิดไปเรื่อยๆ มันเจอจุดเชื่อมโยงที่ไม่รู้จบเลยด้วยซ้ำ เหมือนสัจธรรมของโลกเลยแฮะ

ทีนี้ผมลองไปหาวิเคราะห์ - วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละท่านเขียนได้กว้างและเข้าใจง่าย ซึ่งพอเทียบกับของผม รู้สึกว่าของผมมันออกทะเลจังแฮะ คิดตลบไปมั่ว ไม่ค่อยเหมือนกับของท่านอื่นเลย(ได้ยินว่าแต่ละคนตีความไม่เหมือนกัน) 

เฮีย Kubrick แกก็บอกเองว่า "แล้วแต่คนดูว่าจะตีความภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นไร" นี่แหละเหตุผลที่ผมชอบหนังปรัชญา เปิดให้คนดูคิดอย่างอิสระ สำคัญที่เราได้คิด คนดูจะได้อะไรก็อยู่ที่ตัวคนดูเรียนรู้และเก็บเกี่ยวมากเท่านั้น...

เรื่องนี้ผมคงไม่ให้คะแนน เพราะผมไม่ได้ดูเต็มเรื่อง (ขนาดไม่เต็มเรื่องร่ายซะยาว) 

แล้วก็ขออภัยที่ริวิวแปลกมาก พูดแค่ส่วนที่ดู ฮ่าๆๆๆ(ก็ไม่ได้ดูหมดนี่เนอะ) 

ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว ติชม แบ่งปัน ร่วมแชร์ความเห็นกันเถอะครับ
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | jackie | 27 ต.ค. 56 08:27 น.

ขอบคุณครับที่หยิบหนังอม-ตะเรื่องนี้มาreviewให้เด็กๆยุคใหม่ได้รับรู้กัน
หนังเรื่องนี้สะกดผมตั้งแต่ดูครั้งแรกๆ น่าจะตั้งแต่ยุค90นะ ดูครั้งแรกก็เข้าใจระดับหนึ่งเลยครับ ไม่มึนมาก ตอนนั้นได้แต่ตะลึงพรึงเพริดไปกับการนำเสนอของคูบริค คล้ายกับเราว๊าวเมื่อดูgravityแบบ3d ตอนนี้ แต่ปรัชญาของแกลึกล้ำกว่ามากๆๆๆ  ที่นับว่าแปลกมากสำหรับสมัยนั้น(สมัยนี้ด้วยป่าวว)??
  แปลกอีกอย่าง ดูจบแล้วอยากดูอีก เหมือนกับไม่เคยได้ดูมาก่อน(งงมั๊ย)  มันชวนให้ค้นหาอีกต่อไปๆๆไม่สิ้นสุด ทุกวันนี้ผมยังต้องเอามาดูอยู่นั่นแหละ จัดเป็นหนังมะหัดสะจอรอหัน ของมนุษย์ชาติที่ ผกก คูบริคทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลัง พัฒนาต่อยอดต่อไปอีกไม่สิ้นสุด

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | Zenon_ | 27 ต.ค. 56 09:56 น.

ทู้นี้น่ายกย่องยิ่งนัก

รู้ตัวว่าเป็นคอหนังไซไฟ
แต่ดันไม่เคยดู 2001 a space odyssey
รู้สึกเหมือนรู้จักไมโครซอฟต์แต่ไม่รู้ว่าบิลเกตต์คือใครงั้นแหละ!?

ขอบคุณสำหรับรีวิวเจ๋งๆครับ จะพยายามขวนขวายหามาดูให้ได้!!

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | michaelangarano | 27 ต.ค. 56 12:31 น.

หนังมันล้ำมากคับ ถ้าใครดูแล้วเข้าใจเนี่ย ก็เปรียบได้ว่าคุณได้บรรลุทุกอย่างเลยก็ว่าได้

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | MTH.Channel | 27 ต.ค. 56 19:16 น.

C.1 จริงๆครับ ผมลองย้อนมองว่าถ้าได้ดูยุค 68 นี่มันมหัศจรรย์มากๆ ทำได้ล้ำและ Real แต่ก็มีความลึกลับ หลอกหลอนคอยซ่อนอยู่เช่นกัน
เรื่องปรัชญาแกล้ำกว่า Gravity เยอะ มันครอบจักรวาล ไม่สิ เหนือจักรวาลไปแล้ว ใหญ่มากๆจนรู้สึกไม่สิ้นสุด ส่วนสำคัญของปรัชญาคือมันอมตะ จะสมัยนี้หรือจนผมตาย มันก็ยังใหญ่อยู่แหละผมว่า
แอบอิจฉานิดนึง ผมรู้จักเรื่องนี้มานานละ แต่หาดูไม่ได้ 

C.2 ขอบคุณครับ
ลองขอ C.1 ดูสิ ผมว่าเขามีนะ เห็นบอกว่าหยิบมาดูอยู่

C.3 ใช่เลยล้ำมาก แต่ละคนยังตีความได้ไม่เหมือนกัน ขนาดเรื่องเดียวกันแท้ๆ ฮ่าๆๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | Researcher | 28 ต.ค. 56 09:01 น.

ผมดูเรื่องนี้จากแผ่น DVD เมื่อซักประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว
ผมเปิดดูเรื่องนี้ทั้งหมด 4 รอบ (นั่นเพราะ 3 รอบแรก ผมดูไม่จบ หลับ)
ทั้งๆ ที่แต่ละรอบ มีแรงบันดาลใจ และความตั้งใจดูอยู่ในระดับสูง
แต่อาจผิดพลาดที่ท่าดู และช่วงเวลาดู...ที่ผมเลือกนอนดูหลังช่วง 4 ทุ่ม
จนรอบ 4 ต้องเอาเน้นๆ และตั้งใจว่าไม่หลับ ถึงขนาดเอายาหม่องป้ายตา

หลังจากดูจบเต็มๆ ก็ได้มุมมองบางอย่าง และได้ทึ่งในงานสร้างของหนังยุคนั้น
มันเป็นการตีความที่หลากหลายมากๆ มันไม่ใช่เป็นการบอกว่าดูรู้เรื่องแบบถูก-ผิด
และอาจจะต้องหาข้อมูลมาอ่านประกอบจากหลายๆ ส่วนด้วยซ้ำ
เพื่อผสมกับความเข้าใจของเรา และเราอาจจะได้ประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม

ไม่มีมนุษย์คนไหนดู  2001: A Space Odyssey ครั้งแรกแล้วจะเข้าใจได้หรอกครับ
ถ้าเขาบอกดูรู้เรื่อง นั่นเท่ากับเขาโกหกคุณแล้ว

มันเปรียนเสทือนศิลปะแบบนามธรรม ที่คน 10 คนอาจจะมองเป็นรูปที่ต่างกัน
จากทั้งประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ทัศนคติ

แก้ไขล่าสุด 28 ต.ค. 56 09:03 | ไอพี: ไม่แสดง

#6 | MTH.Channel | 28 ต.ค. 56 21:00 น.

เอายาหม่องป้ายตา นับถือความพยายามจริงๆครับ 

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | blackhair. | 1 พ.ย. 56 18:54 น.

ทั้งกระทู้นี้และความเห็นต่างๆ ทำให้เรารู้สึกว่า หนังมันมีอะไรให้คิดมากกว่าดูเพื่อความบันเทิง

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google