ช่วงเวลาสุขและเศร้าเคล้าความทรงจำของผู้ชายชื่อ นัททิว
SZ News
3 ม.ค. 57 16:47 น. /
ดู 1,233 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ผ่านไปอีก 365 วันที่ใช้ชีวิตมา และแน่นอนว่าในแต่ละวันย่อมมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม วันพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและมีช่วงทุกข์สุขเหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ "นัท - ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม" หรือ "นัททิว" ที่เคยคว้ารางวัลชนะเลิศในบ้านล่าฝัน ทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย ฤดูกาลที่ 5 และล่าสุดกับการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ที่จับปากกาเซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการเพลงของเกาหลีใต้อย่าง ซีเจ อีแอนด์เอ็ม และเปิดตัวเป็นนักร้องชายชาวไทยในแดนกิมจิ
ครั้งนี้เราขอล้วงความทรงจำที่ดีและไม่ดีของนักร้องหนุ่มหน้าใสอย่าง นัททิว ซึ่งเจ้าตัวเองก็แบไต๋ออกมาแบบไม่มีกั๊ก เริ่มต้นกันด้วยช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ไม่อาจลืมได้ "ดีใจที่สุดคือตอนที่ได้ทราบฟีดแบ็กตอนที่เราไปทำงานที่เกาหลีครับ คือรู้สึกว่าตอนนั้นผมจะอยู่ที่เกาหลีนะครับ แล้วก็ตอนนั้นผมเดบิวต์เพลง She's Bad ออกรายการ เอ็ม เคาท์ดาวน์ นะครับ แล้วก็ตอนนั้นเนี่ยจำได้ว่าเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วก็เกิดความตกใจครั้งยิ่งใหญ่ คือที่ไทยครับมีคนพูดถึงผมเยอะมาก คือเหมือนเขาคงได้ดู เอ็ม เคาท์ดาวน์ สดกันด้วยนะครับผม แล้วเขาก็เหมือนกับมีคนคงคอยดูนัททิววันนี้จะเดบิวต์ แล้วก็พอเราออกทีวี เอ็ม เคาท์ดาวน์ เสร็จปุ๊บ โชว์เสร็จปุ๊บ ก็เหมือนมีกระแสพูดคุยกันเกิดขึ้นที่ไทยเยอะแยะเลย"
นัททิว ยังเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นว่า "วันนั้นคือแบบอยู่ที่เกาหลีแสดงเสร็จปุ๊บอะไรเสร็จปุ๊บ ดูโทรศัพท์ ดีใจมาก คือหนึ่งเลยเราเพิ่งโชว์ ซึ่งมันประสบความสำเร็จ รู้สึกดีใจ สองคือเราอ่านฟีดแบ็กจากที่ไทยแล้วเรารู้สึกดีใจมากอ่ะ มีคนพูดถึงเยอะ ไม่ว่าจะเป็นแบบแฟนคลับ แฟนติ่งเกาหลี ผมไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรแต่เขาจะเป็นไอดอลที่คนในทวิตเตอร์จะชอบตามชอบอ่าน คนเหล่านี้เวลาเขาทวิตอ่ะ เขาก็จะทวิตถึงเรา เอ็ม เคาท์ดาวน์ ของนัททิวสอบผ่าน เราอ่าน ดีใจ วันนั้นเป็นโมเมนต์ที่ดีใจมาก ตอนนั้นกระแสดีแต่ว่าผมไม่ได้ลงมากับตัว ก็เลยจะได้เช็คผ่านโทรศัพท์ ก็จะรู้ตัวอีกทีนึงเลยคือตอนกลับมาว่าพอตอนกลับมาหลังจากที่เดบิวต์ She's Bad เสร็จปุ๊บ โปรเจ็กต์นั้นเสร็จ นัทต้องกลับมาเพื่อเรียนให้จบต่อไป พอกลับมาคือแบบรวมถึงแฟนๆ ด้วย แล้วก็แฟนที่เป็นติ่งเกาหลีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน คือนานๆ ทีเราก็จะรู้สึก โอ้โห ไมค์เพียบเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) เราก็รู้สึกดีใจ"
แน่นอนว่ากว่าจะสุขได้ก็ต้องมีช่วงเวลาแห่งความเศร้า นัททิว บอกอีกว่าช่วงที่สุขที่สุดก็เกิดขึ้นที่เกาหลีใต้และช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดก็เกิดขึ้นที่นั่นอีกเช่นกัน "ถ้าเศร้าสุด น่าจะอยู่ในโมเมนต์ที่เกาหลีเหมือนกัน เพราะว่าเป็นช่วงดิ่งกับช่วงสุด ช่วงสุดคือเล่าไปแล้ว แต่ว่าช่วงดิ่งคือช่วงที่ร้องไห้เพราะว่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ๆ คือตอนนั้น คือเหมือนแบบผมไปเทรนที่โน่นเนี่ย ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งการร้องทั้งทุกอย่างเลยอ่ะ แล้วก็มีคนที่เขาเป็นครูสอนร้องเพลงผม เขาพูดกับผมว่าคุณเป็นนักร้องที่แย่ ฉันคิดว่าคุณไม่สามารถทำโปรเจ็กต์นี้ได้ คือเสียใจมากเลยนะ แบบร้องไห้เลย ร้องไห้แบบต่อหน้าเขาเลย คือเราก็นั่งพยักหน้าสักพักน้ำตาคลอ แล้วครูเขาก็บอกว่า ถ้าคุณอยากร้องไห้คุณร้องได้นะ โอ้โห เท่านั้นแหละตู้มเลยครับ อันนั้นคือเศร้าสุด ขนาดกลับมาที่ห้องแล้วก็ยังแบบไลน์หาครอบครัว ฟรีคอลหาครอบครัว ไม่ไหวแล้วอ่ะ เหนี่อยมากรู้สึกแย่มาก"
ผ่านพ้นไปทั้งช่วงเวลาของความสุขและความทุกข์แล้ว นัททิว ยังแถมต่อถึงช่วงเวลาที่เขาภูมิใจและรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว "คงเป็นเรื่องการเรียน เพราะว่ารับปริญญาในปีนี้ครับ ในปีที่ผ่านมา รับปริญญาที่ ม.เกษตร (เกษตรศาสตร์) คณะบริหารธุรกิจครับผม เพราะผมเนี่ยใช้เวลาเรียนทั้งหมดมากกว่าเพื่อนๆ 2 ปีด้วยกัน คือปกติเรียน 4 ปีแต่ว่าผมใช้เวลาเรียน 6 ปี คือนับว่าผมดรอปไปด้วย ผมดรอปไป 1 ปีเต็ม แล้วก็ตามเก็บอีก 1 ปีจนครบอ่ะนะครับผมตามเพื่อน ก็รู้สึกดีใจแบบมากเพราะว่าพ่อแม่ผมแล้วทุกคนก็อยากเฝ้ารอเห็นวันที่เรารับปริญญารวมถึงแฟนๆ ก็แบบว่า นัททิวลูกทำงานเนี่ย แบบคนอายุเยอะแล้วนะครับ แม่อยากถ่ายรูปกับลูกใส่ชุดครุย แล้วก็ทุกวันนี้เขาก็ได้ถ่ายแล้ว เป็นวันที่แฮปปี้มาก"
เป้าหมายใหม่ของ นัททิว สำหรับปีใหม่ปีนี้ บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน "เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว คือการต่อเติมบ้าน อันนี้คือเป็นเรื่องส่วนตัวว่าอยากที่จะต่อเติมบ้าน ต่อเติมห้องส่วนตัว ห้องนอนให้มีนู่นนี่นั่น เป็นความฝันของเราเองโดยส่วนตัวที่อยากจะทำ แล้วก็ถ้าเกิดเป็นในเรื่องงาน ก็คงเป็นว่าอยากที่จะรีเทิร์นสู่หน้าจอทีวีในงานละครอีกครั้งหนึ่ง แต่อันนั้นจะต้องเคลียร์คิวนิดนึงที่เมืองไทยครับ"
นัททิว ยังเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นว่า "วันนั้นคือแบบอยู่ที่เกาหลีแสดงเสร็จปุ๊บอะไรเสร็จปุ๊บ ดูโทรศัพท์ ดีใจมาก คือหนึ่งเลยเราเพิ่งโชว์ ซึ่งมันประสบความสำเร็จ รู้สึกดีใจ สองคือเราอ่านฟีดแบ็กจากที่ไทยแล้วเรารู้สึกดีใจมากอ่ะ มีคนพูดถึงเยอะ ไม่ว่าจะเป็นแบบแฟนคลับ แฟนติ่งเกาหลี ผมไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรแต่เขาจะเป็นไอดอลที่คนในทวิตเตอร์จะชอบตามชอบอ่าน คนเหล่านี้เวลาเขาทวิตอ่ะ เขาก็จะทวิตถึงเรา เอ็ม เคาท์ดาวน์ ของนัททิวสอบผ่าน เราอ่าน ดีใจ วันนั้นเป็นโมเมนต์ที่ดีใจมาก ตอนนั้นกระแสดีแต่ว่าผมไม่ได้ลงมากับตัว ก็เลยจะได้เช็คผ่านโทรศัพท์ ก็จะรู้ตัวอีกทีนึงเลยคือตอนกลับมาว่าพอตอนกลับมาหลังจากที่เดบิวต์ She's Bad เสร็จปุ๊บ โปรเจ็กต์นั้นเสร็จ นัทต้องกลับมาเพื่อเรียนให้จบต่อไป พอกลับมาคือแบบรวมถึงแฟนๆ ด้วย แล้วก็แฟนที่เป็นติ่งเกาหลีด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน คือนานๆ ทีเราก็จะรู้สึก โอ้โห ไมค์เพียบเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) เราก็รู้สึกดีใจ"
แน่นอนว่ากว่าจะสุขได้ก็ต้องมีช่วงเวลาแห่งความเศร้า นัททิว บอกอีกว่าช่วงที่สุขที่สุดก็เกิดขึ้นที่เกาหลีใต้และช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดก็เกิดขึ้นที่นั่นอีกเช่นกัน "ถ้าเศร้าสุด น่าจะอยู่ในโมเมนต์ที่เกาหลีเหมือนกัน เพราะว่าเป็นช่วงดิ่งกับช่วงสุด ช่วงสุดคือเล่าไปแล้ว แต่ว่าช่วงดิ่งคือช่วงที่ร้องไห้เพราะว่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ๆ คือตอนนั้น คือเหมือนแบบผมไปเทรนที่โน่นเนี่ย ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งการร้องทั้งทุกอย่างเลยอ่ะ แล้วก็มีคนที่เขาเป็นครูสอนร้องเพลงผม เขาพูดกับผมว่าคุณเป็นนักร้องที่แย่ ฉันคิดว่าคุณไม่สามารถทำโปรเจ็กต์นี้ได้ คือเสียใจมากเลยนะ แบบร้องไห้เลย ร้องไห้แบบต่อหน้าเขาเลย คือเราก็นั่งพยักหน้าสักพักน้ำตาคลอ แล้วครูเขาก็บอกว่า ถ้าคุณอยากร้องไห้คุณร้องได้นะ โอ้โห เท่านั้นแหละตู้มเลยครับ อันนั้นคือเศร้าสุด ขนาดกลับมาที่ห้องแล้วก็ยังแบบไลน์หาครอบครัว ฟรีคอลหาครอบครัว ไม่ไหวแล้วอ่ะ เหนี่อยมากรู้สึกแย่มาก"
ผ่านพ้นไปทั้งช่วงเวลาของความสุขและความทุกข์แล้ว นัททิว ยังแถมต่อถึงช่วงเวลาที่เขาภูมิใจและรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว "คงเป็นเรื่องการเรียน เพราะว่ารับปริญญาในปีนี้ครับ ในปีที่ผ่านมา รับปริญญาที่ ม.เกษตร (เกษตรศาสตร์) คณะบริหารธุรกิจครับผม เพราะผมเนี่ยใช้เวลาเรียนทั้งหมดมากกว่าเพื่อนๆ 2 ปีด้วยกัน คือปกติเรียน 4 ปีแต่ว่าผมใช้เวลาเรียน 6 ปี คือนับว่าผมดรอปไปด้วย ผมดรอปไป 1 ปีเต็ม แล้วก็ตามเก็บอีก 1 ปีจนครบอ่ะนะครับผมตามเพื่อน ก็รู้สึกดีใจแบบมากเพราะว่าพ่อแม่ผมแล้วทุกคนก็อยากเฝ้ารอเห็นวันที่เรารับปริญญารวมถึงแฟนๆ ก็แบบว่า นัททิวลูกทำงานเนี่ย แบบคนอายุเยอะแล้วนะครับ แม่อยากถ่ายรูปกับลูกใส่ชุดครุย แล้วก็ทุกวันนี้เขาก็ได้ถ่ายแล้ว เป็นวันที่แฮปปี้มาก"
เป้าหมายใหม่ของ นัททิว สำหรับปีใหม่ปีนี้ บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน "เอาเป็นว่าถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว คือการต่อเติมบ้าน อันนี้คือเป็นเรื่องส่วนตัวว่าอยากที่จะต่อเติมบ้าน ต่อเติมห้องส่วนตัว ห้องนอนให้มีนู่นนี่นั่น เป็นความฝันของเราเองโดยส่วนตัวที่อยากจะทำ แล้วก็ถ้าเกิดเป็นในเรื่องงาน ก็คงเป็นว่าอยากที่จะรีเทิร์นสู่หน้าจอทีวีในงานละครอีกครั้งหนึ่ง แต่อันนั้นจะต้องเคลียร์คิวนิดนึงที่เมืองไทยครับ"
แก้ไขล่าสุด 5 ม.ค. 57 12:34 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google