การศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนของวัยรุ่น

29 ม.ค. 57 20:22 น. / ดู 1,886 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
- - - - -
- - - - - - - - - -lllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll
- - - - - - ⋰╳การศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนของวัยรุ่นไทย╳⋱
- - - - - - - -- รายงานการวิจัยโรงเรียนสมุทรปราการ รายวิชา IS2 ภาคเรียนที่ 2/2256 -
- - - - - - - - - - - - - - - - - -∶: ที่ปรึกษางานวิจัย : ดร.นิรมล ตู้จินดา :∶
- - - - - - - - - -lllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll
บทนำ
- - - - -ปัจจุบันสังคมไทยเปลี่ยนไปมากทั้งด้านการดำรงชีวิตด้านค่านิยมต่างๆซึ่งทางผู้วิจัยได้ยกเอาประเด็นของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมาศึกษาเพราะเห็นถึงประโยชน์และแนวทางการแก้ไขป้องกันปัญหา
วัถุประสงค์
- - - - -1. เพื่อศึกษาสาเหตุและแนวทางการลดปัญหา
- - - - -2. สำรวจความรู้ความเข้าใจของวัยรุ่นในเรื่องพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- - - - -3. ส่งเสริมทักษะการปฏิเสธและปลูกฝังจิตสำนึกให้ถูกต้อง

กรอบความคิด
- - - - -ตัวแปลต้น ⇨ 1.ระดับชั้น  2.อายุ  3.เพศ
- - - - -ตัวแปลตาม ⇨ 1.สาเหตุของปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น  2.แนวทางการแก้ไขปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น

สาระสำคัญในกระบวนการวิจัย
- - - - -การทำแบบสอบถามเพื่อสำรวจว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนสมุทรปราการ มีความรู้ความเข้าใจถึงปัญหามากน้อยเพียงใด

วิธีการดำเนินงาน
- - - - -1.กำหนดหัวข้อ ประเด็นที่จะศึกษา นำเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
- - - - -2.วางแผน เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และคัดเลือกข้อมูลที่มีมาตรฐาน
- - - - -3.ตั้งสมมติฐานการวิจัย วัตถุประสงค์ และกำหนดขอบเขตที่มาของเรื่องที่จะศึกษา
- - - - -4.ทำแบบประเมินสอบถาม เพื่อสำรวจกลุ่มตัวอย่าง
- - - - -5.ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามโดยใช้ค่า X-BAR และ S.D.
- - - - -6.สรุปและอภิปรายผลการวิจัย

ผลการวิจัย
- - - - -พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเห็นว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจาก‘ความอยากรู้อยากลอง’ และแนวทางการป้องกันและลดปัญหาคือการให้คำปรึกษาที่ถูกต้องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์

สรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์
- - - - -ลำดับที่ 1 คือข้อที่ 4  ลำดับที่ 2 คือข้อที่ 7  ลำดับที่ 3 คือข้อที่ 5

เอกสารอ้างอิง
- - - - -1.นายยุทธชัย เฉลิมชัย นักวิจัยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เรื่อง เด็กไทยใช้เวลาเรียนมากที่สุดในโลก วันที่ 2 ก.ค. 2554 ( www.dailynews.co.th )
- - - - -2.รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง เห็นสมควรในการลดจำนวนชั่วโมงเรียนของเด็กไทย ( www.nationmaster.com )
- - - - -3.ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฎิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง การปฎิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาไทย ( http://www3.moe.edu.sg/bluesky/tllm.htm )
- - - - - - - - - -lllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll
-
-
-
-
-
แก้ไขล่าสุด 4 ก.พ. 57 18:30 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | @fa็ilsํtyฺ้leqิ์x- | 29 ม.ค. 57 20:23 น.

-
-
-
-
-
-
-
-

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google