ลดสิวอุดตัน.ลดปัญหาหน้ามัน

12 มี.ค. 57 22:24 น. / ดู 2,543 ครั้ง / 11 ความเห็น / 17 ชอบจัง / แชร์
ไปอ่านเจอมาแล้วเห็นว่าดีเลยนำมาฝากจ้า
ยาวไปหน่อย แต่ก็คุ้มนะ
 
เรารู้ปัญหาล่ะ ว่าทำไมเราใช้ครีมแพงมากแค่ไหน หน้าก็ไม่ใส สิวก็ไม่หาย


ลองอ่านดูเลยจ้า 

ล้างสารพิษที่ตกค้างในตับ และลำไส้ ลดสิวอุดตัน และปัญหาหน้ามัน ทำให้หน้าเนียนใสได้จริง!!!

ทำไมเราถึงบอกว่าการที่ล้างสารพิษที่ตกค้างในตับและลำไส้จะทำให้หน้าใสได้จริงเพราะ ถ้าวันนี้ตับเรามีของเสียลดลง ตับก็จะทำงานได้ดีขึ้น ตับมีหน้าที่ในการกรองของเสียที่เข้ามาในร่างกาย ถ้าวันนี้ตับเราสกปรก ของเสียต่างๆก็เข้ามาสู้ร่างกายได้เต็มๆ และของเสียเหล่านี้ก็จะมาผสมกับเลือดของเรา มาเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนในร่างกายรวมถึงผิวของเราด้วยจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่ใช้มาทั้งครีม แพงแค่ไหน ใครว่าดีก็ใช้แต่ทำไมเราถึงไม่ดีเหมือนคนอื่นหรือใช้อะไรสิวก็ไม่หาย บำรุงทุกวิธี ก็ไม่หาย ต้นเหตุมากจากตับและลำไส้ที่สกปรก การที่คุณจะมีผิวใสคุณจะต้องทำให้ระบบขับของเสียของคุณสะอาด ไม่มีสิ่งสกปรก สารเคมี หรือสารพิษตกค้าง ถ้ามีก็ควรจะให้น้อยที่สุด อย่าหมักหมมนาน เพราะเมื่อไหรที่ของเสียสะสมในร่างกายนาน ของเสียนี้จะถูกดูดซึมกลับเข้ามาเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกายซ้ำแล้วซ้ำอีก เท่ากับว่าร่างกายคุณถูกหล่อเลี้ยงด้วยสิ่งสกปรก ของเสียและสารพิษ ที่นี้พอจะนึกภาพออกไม๊คะว่าถ้าผิวที่คุณอยากให้ใส ขาว ไร้สิว แต่กลับถูกหล่อเลี้ยงด้วยของเสีย สารพิษ แล้ว ผิวคุณจะใสได้อย่างไร และถ้าคุณมีของเสียสะสมในลำไส้ สิ่งที่ตามมาคือ สิวอุดตัน และหน้ามัน ปัญหาที่ใครหาทางแก้เท่าไหร่ก็แก้ไม่ตก ไปหาหมอก็แล้ว ทายาละลายหัวสิวก็แล้ว ทำเลเซอร์ก็แล้ว ฉีดสิว กินทุกอย่างที่เค้าบอกว่าดีก็แล้ว สิวอุดตันก็ขึ้นมาอีกจนได้ ต้นเหตุมากจาก ลำไส้ของคุณมี มูก เมือก ไขมันเกาะอยู่แล้วมูก เมือก ไขมันที่ว่านี้มาจากไหนกัน ไขมันพวกนี้มาจาก อาหารประเภท ทอด ปิ้ง ย่าง ผัดอาหารที่เป็นของมัน หรือมีน้ำมันเป็นส่วนผสมคะ ให้ลองนึกภาพห้องครัวที่ทำกับข้าวทุกวันนะคะ ผนังจะมีคราบน้ำมันเกาะเป็นสีดำๆ เวลาที่จะทำความสะอาดต้องใช้น้ำยาเคมี แบบแรงพ่นทิ้งไว้แล้วถึงจะเอาคราบออกได้ ใช้แค่น้ำหรือ เอาอะไรไปถูก็ยิ่งเลอะ นั้นแหละคะคือภาพจำลองของของเสียที่สะสมในลำไส้เรา แต่ของเรานี่สะสมมานานมากนะคะ เพราะคงไม่มีใครกินน้ำยาทำความสะอาดลงไปได้ใช่ไม๊คะ คราบมันเหล่านี้เลยสะสมติดไปกับเรานานวันเข้าก็ทำให้เราเริ่มป่วย


อาการของคนที่ควรล้างสารพิษในลำไส้
1. มีสิวอุดตัน หน้ามัน ผิวหมองคล้ำ ผิวไม่สว่างสดใส
2. อ้วนง่าย กินอะไรนิดหน่อยๆก็อ้วน
3. ท้องผูก ติดต่อกันเกิน 2วัน ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ และผายลมบ่อย มีปัญหาริดสีดวงทวาร
4. ปวดหัว หงุดหงิด ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ไหล่ คอ
5. ร้อนในในปาก เป็นประจำ
6. อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา เหนื่อยง่าย
7. มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก
8. มีอาการแพ้ อาการคันตามเนื้อตัว มีแผลผื่นคัน

วิธีการดูแลตับ

ตับกับสิวเกี่ยวข้องกันอย่างไร???

เคยสงสัยมั๊ยว่าทำไมหาหมอก็แล้ว ทาครีมลดสิวก็แล้ว ทำทุกทางแล้วแต่สิวก็เป็นๆหายๆ แก้ไม่หายขาดสักที วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณได้ไขข้อข้องใจกันคะ
ตับเป็นอวัยวะที่ทุกคนรู้จัก แต่ให้การดูแลกันน้อยเพราะไม่รู้ว่าอะไรที่จะไปทำร้ายตับ หรือ ตับมีหน้าที่อะไร หรือสำคัญอย่างไรกับเรา เอาง่ายๆเลยนะคะ ถ้าเราไม่มีตับเราก็ตายคะ เหมือนกับเราไม่มีหัวใจแบบนั้นเลยคะ เพราะหน้าที่ ที่สำคัญของตับคือ เป็นตัวกรองสารพิษ สารเคมีที่อันตรายกับร่างกายทุกอย่างให้กลายเป็นสารที่ไม่อันตราย เพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าคุณจะใช้อะไรที่มีอันตราย ทุกอย่างจะไปผ่านตับก่อนเสมอ นอกจากที่จะเป็นตัวกรองที่สำคัญของร่างกายแล้ว ตับยังเป็นคลังเก็บเลือดและเป็นแหล่งที่เก็บสะสมของวิตามิน A และวิตามิน D อีกด้วย อีกหนึ่งหน้าที่ ที่สำคัญคือเมื่อร่างกายทำการย่อยแป้งแล้ว ตับจะทำการเก็บแป้งที่ย่อยแล้วให้อยู่ในรูปของไกลโคเจน แล้วไกลโคเจนสำคัญกับเรายังไง ไกลโคเจนจะถูกปล่อยออกมาเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด เวลาที่เราอดอาหาร ตับก็จะทำการปรับสมดุลให้ร่างกายเรา หน้าที่ต่อมาคือ การสร้างน้ำดี น้ำดีคือตัวที่จะช่วยย่อยไขมัน ย่อยไขมันให้เป็นเนื้อเดียวกัน(กระบวนการอีมัลซิฟิเคชัน) และน้ำดีจะถูกขับออกมาทางลำไส้ โดยสรุปแล้ว สารเคมีที่เรารับเข้าไปสู่ร่างกายไม่ว่าจะ สัมผัส สูดดม หรือรับประทาน ทุกอย่างที่อันตรายเข้าสู่ร่างกาย ตับจะทำหน้าที่รับไว้ทั้งหมด และทำการแยกย่อยให้เป็นประโยชน์มากที่สุดกับร่างกาย อาหารที่เป็นของมัน ของทอด ปิ้ง ย่าง ของหวาน ช็อคโกแลตที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือไขมันอิ่มตัว น้ำดีก็จะเป็นตัวช่วยย่อยคะ และถ้าวันหนึ่ง ตับเราสะสมของเสียไว้จนเกินกว่าที่จะแบกรับภาระอันหนักหน่วงนี้ไว้ได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา?????


อะไรคือสัญญาณว่า ตับเริ่มป่วย หรือมีของเสียสะสมอยู่เยอะ
1. เป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ มีหนอง บวมแดง เป็นแบบเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ
2. นอนไม่ค่อยหลับ
3. อารมณ์แปรปรวนง่าย
4. ผิวมีอาการแพ้ง่าย
5. ผดผื่นขึ้น
6. คันตามส่วนต่างๆ
7. อาหารไม่ย่อย
8. ปวดท้องบ่อยๆ
9. ร้อนใน
10. จุกเสียดบ่อย
11. ท้องเสียบ่อย
12. ปวดศรีษะบ่อย
13. ปวดเมื่อยและเหนื่อยง่าย
14. ภูมิต้านทานต่ำ แพ้ง่ายเจออะไรก็แพ้
15. ความจำแย่
16. ท้องผูก ระบบขับถ่ายมีปัญหา

สาเหตุที่จะทำให้ตับป่วย
1. นอนดึก ตื่นสาย
2. ตื่นนอนแล้วไม่รีบปัสสาวะ
3. ทานอาหารมากเกินไป จนจุก
4. ไม่ทานอาหารเช้า
5. ใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป เช่น สารสเตียรอย หรือการใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยหรือสารปรอทผสม (ครีมหน้าขาว หน้าใส)
*การฉีดสิวบ่อย ก็มีผลต่อตับนะคะ
6. ทานอาหารที่มีการปรุงรส มีสารกันบูด หรือสารปรุงรสเยอะๆ
7. ทานอาหารที่เป็นของมัน ทอด ปิ้ง ย่าง อาหารรสจัด และใช้น้ำมันเก่าในการปรุงอาหาร น้ำมันที่ดำแล้วในการทอด
8. ทานของปิ้ง ย่าง ที่ ไหม้เกรียม
9. ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือของ มึนเมา

การดูแลรักษาและล้างพิษตับ

การดูแลสุขภาพร่างกายและตับ หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าการทานอาหาร การพักผ่อน ออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ดีที่สุด และทำให้สุขภาพแข็งแรง แต่ก็มักบอกว่ายาก ไม่มีเวลา งานยุ่ง แต่จริงๆแล้ว ถ้าเราสามารถทำได้ ไม่เพียงแต่สุขภาพดี ช่วยให้ตับทำงานได้ดี สิวเราก็จะลดลงเรื่อยๆ การดูแลตัวเองไม่ได้ใช้เวลาเยอะมาก ค่อยๆปรับพฤติกรรมของเราไปทีละนิด ง่ายกว่าการที่เราต้องมานั่งเครียดเรื่องสิวและรักษากันที่ปลายเหตุและก็ไม่หาย โดยเริ่มจากการลดภาระให้ตับก่อน ไม่ว่าจะเป็นการ งดอาหารที่เป็นของมัน ทอด ปิ้ง ย่าง ของหวานแล้ว เราก็ควรทานน้ำให้ได้วันละ 2-3 ลิตรนะคะ ทานผักและผลไม้ที่มีกากใย และวิตามิน เช่น กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง ส้ม ผัก5สี เข้านอนก่อนห้าทุ่ม ขั้นตอนง่ายๆที่สามารถทำได้ทุกวันเพื่อช่วยลดภาระให้ตับ ถ้ามีโอกาสก็ควรล้างสารพิษในตับของเราบ้าง จนถึงการทำดีท็อกซ์ ลองเริ่มกันตั้งแต่วันนี้นะคะ ด้วยการดูแลสุขภาพและตับของเรา ตลอดจนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีอันตราย แค่นี้ก็จะได้ผิวพรรณที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง สดใส กลับคืนมาที่สำคัญปลอดภัยด้วยคะ

วิธีการดูแลลำไส้และการล้างสารพิษในลำไส้

1. ทานอาหารจำพวกเส้นใย และอาหารที่มีวิตามิน เช่น ผัก ผลไม้ ทุกชนิด ลดการทานของมัน ทอด ปิ้ง ย่าง ของที่มีความมันมากๆลง(เพราะมีผลทำให้หน้ามันมาก เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ)

2. ทานน้ำให้ได้วันละ 2-3 ลิตร (ผู้หญิง2-2.2 ลิตร ผู้ชาย 2-3ลิตร หรือจะคำณวนจากการ เอาน้ำหนักตัว หาร30 จะออกมาเป็นจำนวนลิตรของน้ำที่ควรทานในแต่ละวัน)

3. ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้มีการขับของเสียออกมาทางเหงื่อและกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย

4. ตื่นมาต้องขับถ่าย เวลาที่ดีที่สุดที่ร่างกายต้องขับถ่ายคือ 05.00-07.00 น. เพราะเป็นเวลาที่ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงาน

5. ทานอาหารเช้า ช่วงเวลาที่ควรทานอาหารเช้าคือ 07.00-09.00 น. เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะทำงานได้ดีที่สุด

6. ไม่ควรทานอะไรในช่วงเวลา 13.00-15.00 น. เพราะเป็นเวลาที่ลำไส้เล็กของเราจะได้ทำงานลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรบผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อยก็ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

เมื่อลำไส้สกปรก สารอาหารที่ลำไส้ควรดูดซึม ก็ไม่สามารถดูดซึมได้ทำให้ร่างกายเสื่อม แม้ว่าจะบำรุงแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

การล้างสารพิษในตับและลำไส้

สมุนไพรที่สามารถล้างสารพิษในตับได้ แบบปลอดภัยและไม่มีสารตกค้างนั้นคือ " รางจืด"
สมุนไพรที่หลายคนรู้จักแต่บางคนไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อ
รางจืด เป็นพรรณไม้ชนิดเถา ต้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้ง 5ส่วน
แต่ส่วนที่นำมาใช้เป็นตัวล้างสารพิษคือ ใบ ราก และเถา
สรรพคุณ: ใช้ในการถอนพิษจากสารเคมี ยาปฎิชีวนะ สารปรอท สารสเตียรอย พิษจากพืช หรือแมลง สามารถถอนพิษเบื่อ เมาได้ สามารถถอนพิษนิโคติน(สำหรับคนที่จะอดบุหรี่) แก้อักเสบ แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ล้างสารพิษในกระแสเลือด และยังช่วยลดความร้อนในร่างกาย แก้ไข้ เพราะว่าเวลาที่เรามีสารพิษในร่างกาย เรามักจะมีไข้ รางจืดช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ลดความเป็นกรดของเลือดซึ่งเกิดจากการที่ได้รับยาเคมี หรือสารเคมี รางจืดจึงเป็นสมุนไพรที่ลดสารพิษ สารเคมีในตับได้ และไม่มีผลข้างเคียงแต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม รางจืดเป็นสมุนไพรรสจืดเย็น และสมุนไพรที่เราเลือกมาผลิตเป็นสมุนไพรที่ปลอดสารเคมีเจือปน ผ่านขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ดูแลการผลิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จึงทำให้รางจืดของเรามีคุณภาพสูงและปลอดภัย


หลังจากนั้นเรามีวิธีการล้างลำไส้อย่างต่อเนื่อง ทำได้ง่ายๆทุกวันโดย การทานโยเกิร์ต น้ำผึ้ง มะนาวและนมสด เป็นอาหารมื้อแรกของวัน ควรทานก่อน09.00 ทานตอนเช้ายังเป็นสูตรช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยคะ

ส่วนผสม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1ถ้วย
นมสด 1กล่อง
มะนาว 1ลูก
น้ำผึ้ง 1-2ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วทาน

**(สำหรับคนไหนที่ธาตุหนัก ให้ตั้งทิ้งไว้ 10-15นาทีก่อนทาน รับประทานทุกวันเพื่อเป็นการขับของเสียอย่างต่อเนื่อง )

ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลจาก
-หนังสือ นาฬิกาชีวิต เล่ม1และ2 ของอาจารย์ นวลฉวี ทรรพนันทน์
-ตำราแพทย์แผนโบราณ
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | :ฮริ๊งฆ์ | 12 มี.ค. 57 22:29 น.

ขอบคุณมากมากค่าาาาาาาา

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | misty | 12 มี.ค. 57 22:36 น.

ขอบคุณค่า

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | theq | 12 มี.ค. 57 22:53 น.

ขอบคุณค่าาาา 
แต่สูตรโยเกิร์ตล้างลำไส้ทำมากๆจะเป็นอะไรรึเปล่าอ่า ?
เหมือนเราเคยอ่านเจอ ว่าทำบ่อยๆจะเป็นอะไรซักอย่างนี่แหละ
ถ้าเราจำผิดก้ขอโทษด้วยน้าาา y_____y

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | `Maprhx___.? | 12 มี.ค. 57 23:55 น.

ขอบคุณค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | sleepwell | 13 มี.ค. 57 00:52 น.

-เด็กหญิงอินดี้พลัส  - ทำมากๆ ก็มีผลจ้า น้ำหนักขึ้น ไขมัน ความดันถามหา ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องทานทุกวันก็ได้จ้า กลางๆดีกว่า กินวันเว้นวัน หรือ อาทิตย์นึง กินสัก 2 ครั้งต่อสัปดาห์   

หรือว่า หันมากินน้ำรางจืด แบบเราก็ได้ 

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | papermild | 13 มี.ค. 57 11:02 น.

ขอบคุณนะคะ  ^_________^

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | ปลาของเหมียวน้อย | 13 มี.ค. 57 11:36 น.

ขอบคุณค่า เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆเลย 

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | (-tomato`) | 13 มี.ค. 57 17:26 น.

ขอบคุณค่าาาาา

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | sleepwell | 13 มี.ค. 57 20:34 น.

papermild - ค่ะ 
ปลาของเหมียวน้อย - ยินดีจ้า 
(-tomato`) -  ไม่เป็นไรจ้า 

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | _Rmy*~Chan. | 14 มี.ค. 57 21:03 น.

ขอบคุณค่าาา เคยคิดจะทำนะ แต่ขี้เกียจทุกทีเลย 

ขอบคุณค่าาา เคยคิดจะทำนะ แต่ขี้เกียจทุกทีเลย 

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | Me_ | 27 ก.พ. 58 23:06 น.

ขอบคุณค่าา เราคงมีปัญหากะลำไส้เล็กจริงๆ  เป็นแทบทุกข้อที่กล่าวมา 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google