วิจารณ์ Divergent

22 มี.ค. 57 00:00 น. / ดู 6,385 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
Divergent
By Bigtum

: แบ่งแยกเพื่อนำไปสู่รากฐานแห่งความแตกหัก
หากไอเดียเรื่องการแบ่งกลุ่มเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว กับคำกล่าวที่ว่า "กลุ่มย่อมข้นกว่าเลือด" ก็คงดูจะไม่เกินเลยไปนัก เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัย 16 หนุ่มสาววัยรุ่นทุกคนจะต้องผ่านขั้นตอนการเลือกกลุ่ม ซึ่งก็ประกอบไปด้วย กลุ่มทรงปัญญา, กลุ่มผู้คุมกฎ, กลุ่มรักสันติ, กลุ่มผู้กล้า, กลุ่มผู้เสียสละ และกลุ่มรักประเทศไทย เย๊ย! เกินมาได้ไง กลุ่มอันสุดท้ายแซวเล่น อิอิ ซึ่งแต่ละกลุ่มต่างก็มีหน้าที่และบทบาทที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน โดยภาพรวมในหนังจะเน้นอยู่เพียง 2-3 กลุ่ม คือกลุ่มผู้กล้า กลุ่มทรงปัญญา และกลุ่มผู้เสียสละ กลุ่มที่เหลือเป็นเพียงลูกเมียน้อยนะฮ๊าบบบ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน หากอยากจะรู้ลึกถึงรายละเอียดว่ากลุ่มลูกเมียน้อยเค้าทำอะไรกันบางทีจะต้องไปตามหาอ่านในหนังสือเอา หรือไม่ก็รอหนังทำภาคต่อ (ถ้ามีนะ)

ตัวดำเนินเรื่องของหนังคือนางเอก เธอชื่อว่า "เบียทริซ" สาวติสท์ผู้ที่มีผลการทดสอบออกมา "แปลกแยก" (ไดเวอร์เจนท์) ไม่สามารถระบุผลได้ว่าควรต้องไปอยู่กลุ่มไหนกันแน่ เธอก็เลยทำตัวเป็นสาวฟรีดอมขอเลือกชีวิตอิสระเองโดยไม่สนคำแนะนำของใคร ไม่สนว่าพ่อแม่ของตัวเองที่อยู่กลุ่มผู้เสียสละจะเสียใจ ซึ่งเธอเลือกเดินไปยังเส้นทางของกลุ่มผู้กล้า ที่ชะตาชีวิตเเมร่~งเกือบขาดตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้ากลุ่ม ทำไมน่ะเหรอ? เพราะเธอต้องกระโดดขึ้น กระโดดลงบนรถไฟที่กำลังวิ่งอยู่ ให้อะดรีนาลีนมันพลุ่งพล่านเสียวซ่านเล่นๆน่ะสิ! โดยมีเหตุผลว่าถ้าแค่นี้ไม่กล้าทำก็ไม่ควรจะมาเข้ากลุ่ม เออ! มีเหตุผล

เหมือนความสนุกของหนังจะไปเน้นอยู่ตรงที่ภารกิจทดสอบในการเข้ากลุ่มของนางเอกที่ไม่รู้ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร จะต้องไปกระโดดอะไรให้เสียวเล่นอีกมั้ย ซึ่งปรากฏว่ามีอีกแล้ว คราวนี้นางกระโดดลงจากตึกเลยจ้า เป็นการกระโดดคนแรกที่โคตรวัดใจสุดๆอ่ะ แต่ที่ผู้เขียนชอบมากสุดคือฉากกระโดดอันต่อมา (อีกแล้วเรอะ!) ห้อยโหนทะลุตึกดุจนกที่กำลังกางปีกโผบิน ร่อนถลาชมวิวทิวทัศน์ยามราตรี สวยมากๆ แต่เกือบได้จูบกำเเพงเล่นละ ถ้าแตะเบรคช้าไปกว่านี้อีกนิ๊ดดด

พูดถึงเรื่องการแบ่งกลุ่มบ้างดีกว่า เป็นประเด็นที่อยู่ใกล้ตัวดี กลุ่มผู้กล้าที่นางเอกเลือกสังกัดอยู่นั้น ดูๆไปมันก็คือกลุ่มทหารที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองนั่นแหละ เบื้องหลังเสื้อผ้าเท่ห์ๆโทนสีดำ รอยสัก และอาวุธปืน ซ่อนการฝึกฝน การแข่งขันที่เสี่ยงตายมา มีการจัดอันดับแต่ละคนอย่างชัดเจน ใครที่ได้คะแนนต่ำๆ ลำดับท้ายๆจะถูกอัปเปหิออกจากกลุ่ม กลายเป็นพวกไร้กลุ่มไป ซึ่งพวกที่ไม่มีกลุ่มสังกัดจะมีสภาพที่ไม่ต่างอะไรจากคนจรจัด พวกเรร่อน สังคมเราเองก็เช่นกัน การแบ่งแยกพวกคนรวย คนจน ผู้มีอิทธิพล มีสี ไม่มีสี ชาวบ้าน หรือคนไร้บ้าน ก็เหลื่อมล้ำเป็นปัญหาให้เห็นอยู่ร่ำไป เราทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน อันนี้เเม้แต่เด็กก็รู้ว่าเป็นไปได้ยาก

การแบ่งแยกนี้ยังรวมไปถึงชุดแต่งกาย ที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน นอกเหนือจากชุดสีดำของกลุ่มผู้กล้าที่ชอบการสัก และเจาะแล้ว กลุ่มผู้เสียสละจะแต่งกายในโทนสีเทา เรียบง่าย กลุ่มรักสันติใส่เสื้อผ้าสบายๆ ไม่แดงก็เหลืองตามคอนเซ็ปต์ กลุ่มทรงปัญญาจะเน้นสีน้ำเงิน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสีที่ส่งผลดีต่อการทำงานของสมอง ขณะที่กลุ่มผู้คุมกฎชัดเจนมากดำ-ขาว หรือใส่สูทเน้นความภูมิฐาน สัญลักษณ์ก็เป็นอีกส่วนที่ปรากฏสื่อออกมา มือประสาน ต้นไม้ ตราชั่ง ไฟ และดวงตา ว่างๆก็ลองจับคู่กันดูเล่นๆว่าสัญลักษณ์อันไหนเป็นของกลุ่มใด ไม่น่ายาก ส่วนตัวแล้วชอบสัญลักษณ์ไฟของกลุ่มผู้กล้า เหตุผลง่ายๆเลยคือมันดูเท่ห์ดี

จากประเด็นหลักเรื่องการแบ่งแยกที่มีเรื่องราวของครอบครัว สังคม และมิตรภาพเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ความรักของคนหนุ่มสาว สูตรป๊อปขนานแท้ของหนังที่สร้างมาจากวรรณกรรมวัยรุ่น มันจะฮิตจะจิ้นกันต่อก็อีตรงเนี้ยแหละ! และต้องบอกตรงๆอย่างคนใจร้ายว่า ความรักของพระนางในเรื่องนี้ไม่อิน ไม่จิ้นครับ ไม่ใช่ว่าพระเอกไม่หล่อหรอก แต่เคมีดูแล้วยังไม่ค่อยเข้ากัน แหม พระเอกท่าทีทำเป็นเก๊กฟอร์ม "เธอมีสิทธิ์ได้รับอนุญาตให้คุยกับฉันได้เหรอ" ทั้งที่ใจจริงอยากงาบนางเอกตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บแบบนี้ ไม่จิ้นเฟ้ย!!! จะให้อินแบบพระนางในฮังเกอร์เกมส์ หรือทไวไลท์ คงยาก เอ๊ะ หรือต้องมีสมการรักสามเส้าจะได้อิน อ้าว งั้นก็เลียนเเบบกันดิ โอ๊ย เรื่องมากจัง (กรูเนี่ย!)

แบ่งแยกเพื่อนำไปสู่รากฐานแห่งความแตกหัก ดูเหมือนว่ากลุ่มทรงปัญญา ที่มีตั้งแต่ระดับครู หมอ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์จะเป็นตัวชี้ขาดตัดสินความเป็นตายของกลุ่มอื่นๆ นอกจากจะถือวิสาสะตัดสินยุบกลุ่มผู้เสียสละให้หายไปเพราะเพียงเหตุผลตื้นๆแล้ว ยังตัดสินว่าพวกไดเวอร์เจนท์คือพวกที่อันตราย เป็นภัยต่อสังคม นี่มันกลุ่มเบาปัญญาชัดๆ แต่ก็ไม่แปลกนะถ้าหากเรารู้สึกอยากเอาใจช่วยพวกไดเวอร์เจนท์มากเป็นพิเศษ ง่ายๆเลย ถ้าเกิดว่าเราต้องเลือกกลุ่มบ้างล่ะ เราก็คงรู้สึกเหมือนนางเอก คือเกิดความลังเลขึ้นมาว่าตนเองต้องการจะอยู่กลุ่มไหนกันแน่?

คนเราจะมีเลือดความกล้า ความเสียสละ ความสันติ ความทรงปัญญา รวมอยู่ในตัวคนเดียวๆไม่ได้เชียวหรือ? ถ้ามีใครค้านมาอย่างนี้ พวกเราคงจะเห็นดีเห็นงามด้วยอยู่แล้วกับหลักความคิดนี้อย่างไม่ยาก นี่คงเป็นจิตวิทยาง่ายๆที่ เวโรนิก้า ร็อธ ผู้ประพันธ์นิยายใช้จูงใจให้เราติดตามเอาใจช่วยนางเอกที่เป็นพวกไดเวอร์เจนท์ แม้หลักการจะเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่อย่างน้อยมันก็กลายเป็นนิยายระดับเบสต์เซลเลอร์ไปแล้ว ส่วนสิ่งที่เป็นจุดของด้อยของหนังคงหนีไม่พ้นการสาละวนเสียเวลาไปกับการฝึกของนางเอก และเคมีที่ไม่เข้ากัน จนฉากรวบยึดอำนาจของเจ๊เคท วินสเล็ต ผู้นำกลุ่มทรงปัญญาที่เป็นอริศัตรูกับกลุ่มผู้ปกครองในตอนท้ายขาดความเร้าใจและไร้ความน่าเชื่อถือไปอย่างน่าเสียดาย

ระดับคะแนน "C+"

ยังมีอีกหลายเรื่องที่รอให้เข้ามาอ่านที่เพจนี้เลย https://m.facebook.com/profile.php?id=101573433344532
แก้ไขล่าสุด 22 มี.ค. 57 00:03 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | michaelangarano | 22 มี.ค. 57 00:08 น.

ดูมาแล้วเมื่อวาน ก็โอเค สนุกเพลินดี แต่!ไม่โดน ธรรมดามาก ถ้าเทียบกับหนังที่ทำมาจากนิยาย

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | Anymore. | 22 มี.ค. 57 19:12 น.

ต่างคนต่างความเห็นเนอะ เราว่าเรื่องนี้โอเคเลย

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | Kwarddy | 23 มี.ค. 57 08:13 น.

เท่าที่อ่านจบนะ เหมือนว่า กลุ่ม Erudite มายึดเขตนี้เพีราะต้องการข้อมูลลับบางอย่าง ไม่ใช่แค่อยากกุมอำนาจ

แต่ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด เพราะถูกกล่าวไว้ในบทต้นๆของ นิยายเล่ม2 ซึ่งถ้าอ่านจบ คงจะได้ข้อมูลที่แท้จริงอีกที

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google