The Amazing Spider-Man 2 ( 2014 ) Movie Review byFallsDownz

4 พ.ค. 57 21:47 น. / ดู 1,011 ครั้ง / 6 ความเห็น / 5 ชอบจัง / แชร์
The Amazing Spider-Man 2 ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
การกลับมาอีกครั้งของสไปดี้ที่จะต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิม !! ระเบิดตูมตามกว่าเดิม !!
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆและติดตามบทวิจารณ์อันใหม่ได้ที่นี้ครับผม
http://fallsdownz.blogspot.com/





        จะว่าไปแล้ว หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่เข้ามาในโลกแห่งภาพยนตร์ได้อย่างยิ่งใหญ่และน่าจดจำคนหนึ่ง นอกจาก Batman หรือ Superman แล้ว ฮีโร่ไยแมงมุมอย่าง Spider-Man เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยใน Spider-Man ฉบับเก่าภาคแรกถึงภาคสามนั้นเป็นฝีมือการกำกับของ แซม ไรมี่ ซึ่งเรียกได้ว่าสร้างผลงานออกมาได้อย่างน่าจดจำเสียจริงๆเชียว แต่ในท้ายที่สุด ตัวแซม ไรมี่เองก็หาจุดลงตัวกับค่าย Columbia Pictures ไม่ได้ในภาคต่อที่ 4 จึงเป็นเหตุทำให้ต้องมีการรีบู้ทใหม่เป็น The Amazing Spider-Man ซึ่งมีแนวทางการดำเนินเรื่องค่อนข้างจะใกล้เคียงกับหนังสือการ์ตูนจริงๆมากขึ้น

สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้ว ต้องพูดเลยว่าไม่ค่อยจะประทับใจกับ The Amazing Spider-Man ในภาคแรกซักเท่าไรนัก ซึ่งส่วนใหญ่ๆก็มาจากการที่ได้เคยชม Spider-Man ฉบับของ แซม ไรมี่ ทั้งสามภาคมาก่อน จึงทำให้รู้สึกว่าหลายๆสิ่งหลายๆอย่างใน The Amazing Spider-Man มันช่างซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่เหลือเกิน รวมไปถึงฝีมือการกำกับที่ด้อยกว่า แซม ไรมี่อยู่หลายเท่าตัว

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ ในจักรวาลของ Marvel ตอนนี้ก็คือ ความแตกตัวหรือแยกตัวกันอย่างน่าเสียดายของตัวละครหรือกลุ่มต่างๆของ Marvel
หลายๆคนคงอยากจะเห็น Spider-Man เข้าไปมีส่วนร่วมกับทีม The Avengers หรือ X-Men เองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเช่นผู้เขียนเองที่อยากจะชมเหตุการณ์ซุปเปอร์ฮีโร่ตีกันเองอย่าง Civil Wars บทจอภาพยนตร์ใหญ่ๆมากเลยทีเดียว แต่นั้นดูท่าจะเป็นไปได้ยากพอสมควรสำหรับตอนนี้ เพราะ ลิขสิทธิ์ของ X-Men ไปตกอยู่ในมือของค่าย 20 Century Fox ส่วน Spider-Man ก็ดันมาอยู่ในมือของ Columbia Pictures ซึ่งก็คือ Sony อีก ถ้าหาก 3 ค่ายนี้ไม่มาร่วมมือการจริงๆจังๆแล้วล่ะก็ดูท่าคงจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน นี้ยังไม่รวมถึงการที่ตัวละครบางตัวดันใช้นักแสดงไม่เหมือนกันของแต่ละค่าย เช่น Quick Silver ที่ X-Men กับ Marvel ดันใช้นักแสดงคนละคนกันอีกด้วย



เอาล่ะกลับมาเข้าเรื่องบทวิจารณ์ภาพยนตร์ภาคต่อ The Amazing Spider-Man 2 กันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าในเมื่อเป็นภาพยนตร์ภาคต่อ มันก็จะต้องตามมาด้วยความพยายามในการที่จะทำให้มันยิ่งใหญ่มากขึ้น และวุ่นวายมากขึ้น ซึ่งนั้นเป็นปัญหาที่ภาพยนตร์หลายๆเรื่องประสบอย่างมาก อย่างเช่น Rio 2 ที่พยายามที่จะทำให้มันยิ่งใหญ่มากขึ้น เช่นตัวละครที่มากขึ้น หรือด้านใหม่ๆของภาพยนตร์ แต่ในบางครั้งผลของมันก็คือความเยอะมากจนเกินไปของภาพยนตร์จนทำให้รายละเอียดในด้านต่างๆเช่นตัวละครมันหายไปหมด เสมือนกับภาพในคอมพิวเตอร์ที่มีรายละเอียดมากในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณพยายามที่จะบังคับโดยการขยายให้ภาพมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผลของมันก็คือภาพมันจะแตกเละเทะไปหมด และนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ The Amazing Spider-Man 2 เป็นอยู่ในขณะนี้


จากความพยายามที่จะยัดตัวละครใหม่ๆเข้ามาถึง 3 ตัวละคร ซึ่งจริงๆแล้วต้องพูดเลยว่า แต่ละตัวละครนั้นมีด้านต่างๆที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว เช่นด้านที่ว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ พื้นหลัง ปมขัดแย้ง หรือความคิดภายในจิตใจของพวกเขา รวมทั้งนักแสดงเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเสริมมิติต่างๆให้กับตัวละครอีกด้วย แต่การที่ยัดเยียดตัวละครถึง 3 ตัวเข้ามาในภาพยนตร์เรื่องเดียวมันล้มเหลวอย่างมาก เพราะนอกจากมันทำให้ตัวละครทั้ง 3 ตัวลดความน่าสนใจลงอย่างมากด้วยแล้ว มิติต่างๆที่มันควรจะมี ความรู้สึกต่างๆที่เราควรจะมีต่อตัวละครเหล่านี้มันก็ลดลงอย่างมากอีกด้วย จนทำให้ผู้เขียนไม่รู้สึกสนใจหรือแคร์ตัวละครเหล่านี้แต่อย่างใดเลย เนื่องจากเวลาในการปลูกหรือเล่าตัวละครต่างๆเหล่านี้มันถูกตัดทอนไปให้ตัวละครอื่นๆในเรื่องจนเวลาของแต่ละตัวละครไม่เพียงพอเลย เราได้รู้เพียงจุดเล็กน้อยๆ จุดสำคัญๆของตัวละครเหล่านี้แบบผิวเผินเท่านั้นเอง ทั้งๆที่มันควรจะไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก

แม้แต่ในด้านของความสัมพันธ์ของตัวละครอย่าง ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ กับ เกวน สเตซี่ เองก็รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติและบีบบังคับสุดๆ ซึ่งมาจากเหตุผล 2 ข้อ
1. ก็คือเวลาที่มีเหลือน้อยของภาพยนตร์ซึ่งมาจากการที่ต้องแบ่งไปให้ตัวละครอื่่น และ 2. เพราะมันส่งผลถึงตอนจบของภาพยนตร์อย่างมาก

ในส่วนของบทภาพยนตร์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย เพราะมันช่างสุดแสนจะซ้ำซาก จำเจ ดิ่งลงทางตรงอย่างเดียว ซึ่งจริงๆแล้วผู้เขียนก็ไม่ได้คาดหวังบทที่แสนจะเลิศเลอหรือเพอร์เฟ็คจากภาพยนตร์แนวนี้เลย แต่อย่างน้อยมันก็ควรจะมีอะไรที่น่าสนใจหรือแปลกใหม่บ้าง ไม่ใช่ตรงเปะเป็นกำปั้นทุบดินอย่างเดียวเช่นนี้
ซึ่งเมื่อนำตัวละครที่จับปนกันมั่วซั่วและยัดเยียด มารวมกับบทที่สุดแสนจะไม่มีอะไรเลยแล้ว ผลก็คือทำให้ภาพยนตร์เต็มไปด้วยความเอื่อยเฉื่อยน่าเบื่อ กับตัวละครที่สุดแสนจะ Cliche ซ้ำซากสุดๆอย่างน่าเสียดาย

วิธีการเล่าเรื่องและตัดต่อเองก็ให้ความรู้สึกมั่วซั่ว วุ่นวายไปหมดจากการที่ตัวละครมันเยอะเหลือเกิน และตัวผู้กำกับ มาค์ เวบบ์ เองก็ยังจะพยายามยัดเยียดเบียดๆให้มันเข้ามาอีกจนได้  ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็คุมภาพยนตร์ไม่อยู่เอาเสียเลย


แต่ The Amazing Spider-Man 2 ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว มันยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ได้ผลอยู่บ้างในภาพยนตร์ อย่างเช่นนักแสดงหลักอย่าง แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่ต้องพูดเลยว่าเหมาะสมกับบทสไปดี้ หรือ Spider-Man เสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง น้ำเสียง หรือการแสดงอารมณ์ต่างๆเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดเวลา นั้นยังไม่รวมถึงเคมีของเขากับ เอมม่า สโตนที่รับบทเป็น เกวน เสตซี่ในภาพยนตร์ที่เข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

อีกอย่างหนึ่งที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ไม่เลวเลยก็คือในด้านของฉาก Action ที่สนุก ตื้นเต้น และเร้าใจพอสมควรเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิคที่ขี้โกงไปบ้างอย่างการ Slow-Motion เพราะมันดูเท่ห์ แต่อย่างน้อยมันก็ให้ความบันเทิงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งอีกด้านหนึ่งก็ต้องขอชมผู้กำกับภาพ แดเนีบล มินเดลจริงๆที่ถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม น่าทึ่งจริงๆ โดยเฉพาะในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์


สำหรับผู้ชมบางท่านโดยเฉพาะท่านที่เป็นแฟน Spider-Man มาตั้งแต่หนังสือการ์ตูน อาจจะรู้สึกผิดหวังไปกับภาคต่อภาคนี้อยู่บ้าง ยิ่งภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งของต้นสังกัด Marvel อย่าง Captain America : The Winter Soldier ทำผลงานได้อย่างดีด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกผิดหวังเข้าไปอีก แต่อย่างน้อยมันก็สร้างความบันเทิงอยู่ในระดับหนึ่ง และก็ไม่ได้แย่ไปกว่าที่หลายๆคนคาดคิดไว้ ถ้าหากเข้าไปชมแบบที่ไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไรก็น่าจะสนุกไปกับมันได้ อย่างไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแน่นอน


Final Score : [ C ]
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | michaelangarano | 4 พ.ค. 57 22:24 น.

รู้สึกว่าหนังปูตัวละครไว้เยอะเกิน หนำซ้ำยังเล่าช่วงดราม่าแบบขยักขอน ยอมรับครับว่าคาดหวังว่าจะสนุกแต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้สนุกเหมือนคาดครับ ผมก็ชอบให้ซูเปอร์ฮีโร่แบบมีดราม่ามีเรื่องราว ยกตัวอย่าง BATMAN ของโนแลน แต่สำหรับSPIDERMANภาคนี้ผมว่ายังไม่ตอบโจทย์เลยครับ แต่ก็ยังรอดูภาคต่อไปครับ

ผมชอบหนังที่มีปมดราม่านะครับมันเหมือนจะทำให้เรื่องมีน้ำหนักขึ้น แต่ดราม่าภาคนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย เหมือนยัดเยียดดราม่ามามากเกินไปแล้วมันไม่ค่อยเวิร์คอะ ไม่ค่อยอินเลย สรุปคือหนังไม่ค่อยสุด ตัวร้ายไม่สุด บทซึ้งไม่สุด บทเศร้าไม่สุด บทมันส์ไม่สุด
แต่ใช่ว่าภาคนี้จะไม่มีดีนะ ฉากแอคชั่นต่างๆและนักแสดงที่เคมีเข้ากันสุดๆคือสิ่งที่ดีที่สุดของภาคนี้

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | `My-GraMINg.? | 4 พ.ค. 57 23:34 น.

ยอมรับว่าฉากสวยมากกกกก สร้างไว้ดีทั้งภาพ 3D และภาพปกติ

แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบฉากแอคชั่นที่สู้กับอิเล็คโตรเท่าไหร่ ดูแพ้ง่ายไปหน่อย
อิเล็กโตรเปิดตัวได้ดีมากๆ ฉากจะร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว แต่สุดท้ายก็แพ้พระเอก
แล้วก็ดันแพ้ไปแบบง่ายๆ แล้วตกลงที่ป่วนเมืองไปก่อนหน้านี้มันเป็นใคร?
ประเด็นดราม่ารักๆใคร่ๆก็จัดทำได้ดี แต่เรื่องเพื่อน มันยังดูขัดๆข้องๆงงๆกันอยู่บ้าง
ฉากสู้ก็มีน้อยมาก ถ้าลดแอคชั่นลงสักห้านาที เราได้หนังดราม่าแทนหนังฮีโร่ไปละแหละ 
แต่รวมๆไปดูเล่นก็จัดว่าดูเพลินดี แต่ยังไงก็ดึงอารมณ์ไม่สุดสักอย่าง ปมไม่เคลียร์ ตัวละครอยู่ๆมาแล้วก็ไป
แต่ฉากทุกฉากสวยมากกกก กับคาแรกเตอร์แอนดรูว์ที่เข้ากันกับบทมนุษย์แมงมุมได้พอดี
ข้อดีพวกนี้ก็พอจะช่วยยกระดับหนังขึ้นได้อยู่นะ 5555555555555555

แก้ไขล่าสุด 4 พ.ค. 57 23:47 | ไอพี: ไม่แสดง

#3 | [W]in[D]i[L]ien | 5 พ.ค. 57 00:42 น.

รู้สึกเฉยๆตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ภาคนี้เลยไม่ค่อยหวังอะไรเท่าไหร่อ่ะ แต่ถามว่าภาคนี้สนุกมั้ย..ก็โอนะ ดูได้เรื่อยๆ

เรื่องเคมีสัมพันธ์ของนักแสดงนี่ขอตัดไปเลยนะ เพราะตั้งแต่ภาคแรกมันก็ดีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว(จริงๆเป็นข้อดีเพียงไม่กี่ข้อในภาคแรกที่คนพูดถึงกันเยอะมากด้วยซ้ำ) พอมาภาคนี้มันเลยดูไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

อย่างที่คนอื่นๆบอกอ่ะค่ะ ฉากต่างๆมันดูสวยนะ ชอบ แต่มันไม่สุดเลยซักด้านอ่ะ จะโทษบทอย่างเดียวก็ไม่ได้มันต้องโทษที่ทีมตัดต่อด้วย คือแต่ละฉากเหมือนจะปล่อยของแต่กั๊กๆไว้เหมือนกลัวว่ามันจะอลังกว่าฉากไคลแม็กซ์อ่ะ แต่กลายเป็นว่าฉากไคลแม็กซ์ก็น่าตื่นเต้นพอๆกัน จะมีเพิ่มมากขึ้นหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากขึ้นถึงขั้น WOW กราฟการเดินเรื่องมันเลยเป็นกราฟแบบกั๊กๆงงๆ ขึ้นก็ขึ้นไม่สุด ลงก็ลงไม่สุด

ถ้าถามว่ามีภาคต่อจะดูมั้ย ดูนะ..เพราะเชื่อว่าหนังมันสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกไกล แต่หนังจะยอมพัฒนาต่อไปรึเปล่า หรือจะยอมย่ำอยู่กับที่แล้ว Play safe แบบภาคนี้..อันนั้นมันขึ้นอยู่กับทีมผู้สร้างละล่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | FallsDownz | 5 พ.ค. 57 02:46 น.

ผมว่ามาจากที่ตัวละครมันเยอะแหละครับ แล้วมันจะต้องปูตัวละครด้วยก็เลยยัดๆมันลงไปเลย เพียงแต่ว่ามันไม่เวิรค์สุดๆเลย เพราะรู้สึกได้ถึงความยัดเยียด มันทำให้เราไม่เชื่อเรื่องราวของตัวละครเหล่านี้เลยครับ ส่วนตัวโดยรวมๆ แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าภาคนี้มีบทจริงๆ มันเหมือนมีแต่อะไรบางอย่างที่พยายามยัดเยียดเข้ามาแต่ก็หลุดออกไปอยู่ดีซะมากกว่า

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | บริทหนี้_สะเพลีย | 5 พ.ค. 57 15:46 น.

ตื่นตระกาลตากับฉากสไปดี้ต่อสู้กับอีเล็กโตรมากกกกกกกก สวยมากๆ เลยอ่ะ ไม่รู้สิบอกไม่ถูก แต่เราชอบมากๆ เลยอ่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | Lisbeth@Salander | 7 พ.ค. 57 18:07 น.

ขอนอกเรื่องหน่อย ชอบ Dane Dehaan มากเลยเรื่องนี้ คือแย่งซีนพระเอกมาก ทรงผมแนวมาก ดูดีกว่าพระเอกอีกอ่ะ ลุคนี้เข้ามาก ต่างกับลุคในโครนิเคิลเลย 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google