ปุ้ย พิมลวรรณ ไขข้อข้องใจหลังโบกมือลาจากช่อง 3
SZ News
12 พ.ค. 57 17:08 น. /
ดู 618 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อ "ปุ้ย - พิมลวรรณ หุ่นทองคำ" ลงรูปในอินสตาแกรมคู่กับ "นายประวิทย์ มาลีนนท์" พร้อมยุติบทบาทการเป็นพนักงานช่อง 3 และขอบคุณนายที่ให้โอกาส ซึ่งเจ้าตัวขอไขข้อข้องใจทั้งหมดว่า
จากกรณีในอินสตาแกรมของปุ้ยที่ถ่ายรูปกับนายประวิทย์มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
"คือจริงๆ แล้วเป็นการเข้าไปลาเจ้านายมันเป็นการตัดสินใจของเราที่จะลาออกการเป็นพนักงาน เราทำงานที่ช่อง 3 ตั้งแต่ปลายปี 36 ซึ่งมันก็ 20 ปีมาแล้วเนอะ ซึ่งทางช่องก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับตัวเราและครอบครัว เราเริ่มต้นจากการเป็นพนักงาน เป็นนักข่าว ไปทำข่าว ทำสกู๊ป อ่านข่าวเบรก อ่านข่าวภาคดึก อ่านข่าวภาคเช้า ทำมาทุกอย่างจนมีโอกาสได้มาทำรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ด้วยความกรุณาจากคุณประวิทย์ มาลีนนท์ และคุณอัมพร (อัมพร มาลีนนท์) ซึ่งมองเห็นว่าการเล่าข่าวต้องใช้คนข่าวหรือนักข่าวที่ลงพื้นที่ถึงจะได้เนื้อหาข่าวที่เข้าใจ ละเล่าข่าวได้ดีกว่ามาเป็นนกแก้ว นกขุนทองในสมัยนั้น เราก็ได้พื้นที่ตรงนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้พื้นที่การทำงานหน้าจอที่เรียกว่าพิธีกร และเมื่อเราจะลาออกจากการเป็นพนักงานเราก็ขึ้นไปลาเจ้านายด้วยตัวเอง"
นายประวิทย์ว่ายังไงบ้างกับการเข้าไปลา?
"คุณประวิทย์ก็เหมือนดูแลเราเป็นลูกน้อง เราก็เหมือนเป็นลูกหลานเป็นคนในครอบครัวก็จะมีอวยพรและถามสารทุกข์สุขดิบ เรื่องคุณแม่ที่เพิ่งเสียไปและเรื่องดูแลคุณพ่อมันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราต้องการเวลา คือเราไม่มีเวลาเต็มที่ในการทำงานไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมกับทางช่องขนาดนั้น"
ในส่วนของรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ยังอยู่หรือเปล่า?
"รายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ยังคงมีอยู่ค่ะ แต่เรื่องรายละเอียดก็ต้องเรียนถามทางช่อง แต่เท่าที่ทราบก็จะย้ายไปเลข 13 คือช่องแฟมมิลี่และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย พิธีกรก็จะต้องมีคนใหม่เข้ามาเนอะ ซึ่งเราก็เรียนนายว่าถ้าใครจะมีโอกาสเข้ามาทำงานตรงนี้ได้ เหมือนเราเคยได้โอกาสเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราก็จะดีใจมากเพราะว่าเราเองก็ได้โอกาสจากตรงนี้มาเหมือนกัน"
การลาออกจากการเป็นพนักงานในครั้งนี้เราจะเป็นอิสระมากขึ้นหรือไปทำงานกับที่ไหน?
"ตอนนี้เราไม่ยังไม่ได้มีอะไร นอกจากการมาทำที่ช่อง 2 กับรายการ โชว์แตกฟอง ซึ่งก็ทำมาหลายเดือนแล้วนะ งานหลักตอนนี้ก็คือรายการ โชว์แตกฟอง ที่ช่อง 2 นี่แหละ ซึ่งเราก็สบายใจในการทำงาน ส่วนการไปนั่งประจำยังไม่มีที่ไหนเรารับงานอิสระมากกว่า ซึ่งปกติเราก็รับงานอีเว้นต์อยู่แล้วเรื่อยๆ งานพิธีกรก็มีอยู่รายการเดียว"
ส่วนหนึ่งที่ลาออกจากการเป็นพนักงานช่อง 3 ในครั้งนี้เห็นว่าเป็นเพราะลูกด้วยที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ?
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมองมากกว่าเรายังไม่ได้มองขนาดนั้น หลักๆ คงดูแลคุณพ่อเพราะเราเพิ่งเสียคุณแม่ไปแบบกะทันหันอันนี้เป็นส่วนสำคัญที่เราไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เราก็เกิดความเกรงใจมากกว่าถ้าเรายังอยู่ในตำแหน่งพนักงาน และไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เราก็เกิดความละอายใจและอึดอัดใจของเราเอง"
สรุปว่าการที่ลาออกจากการเป็นพนักงานช่อง 3 ในครั้งนี้คือเอาเวลาไปดูแลพ่อและลูก?
"ในส่วนความคิดของเราเป็นแบบนั้นนะ ส่วนเรื่องของลูกที่ไปเรียนต่างประเทศเราก็ไม่ได้ไปอยู่ที่โน้นเลย แต่อาจจะบินไปหาเขาบ้าง ตอนนี้เขายังไม่ได้ไปเราก็เลยยังไม่วางแผนอะไรมากมาย มันยังเป็นอนาคตที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจ สำหรับอนาคตของเราเองคือเราเป็นพิธีกรก็คงยังรับงานพิธีกร และมีอะไรที่ทำได้โดยไม่เบียดเบียนงานหลักที่ทำอยู่เราก็จะทำ ปกติเราเป็นคนที่ถ้าวันนี้มีงานอยู่แล้วเราก็จะไม่วิ่งงานอื่นเป็นการให้เกียรติกับผู้จ้าง"
ด้วยความที่เราอยู่กับช่อง 3 มานานพอออกมาอย่างนี้ก็ถูกมองว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
"เราทำงานกับที่ที่หนึ่งมานานมากก็มีความผูกพัน ซึ่งคนก็จะมองไปหลายๆ แบบแต่ถามว่ามีปัญหาไหม เราบอกเลยว่าไม่มีปัญหาเลยช่อง 3 เป็นบ้านที่อบอุ่นมากการออกมาครั้งนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหา แต่วันหนึ่งเราทำงานแล้วรู้สึกว่าอิ่มตัว เมื่อเราทำให้เขาไม่เต็มที่เราก็รู้สึกว่าไม่สบายใจก็เลยปรึกษาผู้ใหญ่ คือเราไม่ได้ลาจากแต่เราใช้สิทธิ์จากการลาออกจากการเป็นพนักงานเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็เรียนนายไปว่าจะเรียกใช้งานยังไง เราก็เหมือนเดิมทุกอย่างเพราะยังไงเราก็ยังมีละครที่ช่อง"
"คือจริงๆ แล้วเป็นการเข้าไปลาเจ้านายมันเป็นการตัดสินใจของเราที่จะลาออกการเป็นพนักงาน เราทำงานที่ช่อง 3 ตั้งแต่ปลายปี 36 ซึ่งมันก็ 20 ปีมาแล้วเนอะ ซึ่งทางช่องก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับตัวเราและครอบครัว เราเริ่มต้นจากการเป็นพนักงาน เป็นนักข่าว ไปทำข่าว ทำสกู๊ป อ่านข่าวเบรก อ่านข่าวภาคดึก อ่านข่าวภาคเช้า ทำมาทุกอย่างจนมีโอกาสได้มาทำรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ด้วยความกรุณาจากคุณประวิทย์ มาลีนนท์ และคุณอัมพร (อัมพร มาลีนนท์) ซึ่งมองเห็นว่าการเล่าข่าวต้องใช้คนข่าวหรือนักข่าวที่ลงพื้นที่ถึงจะได้เนื้อหาข่าวที่เข้าใจ ละเล่าข่าวได้ดีกว่ามาเป็นนกแก้ว นกขุนทองในสมัยนั้น เราก็ได้พื้นที่ตรงนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้พื้นที่การทำงานหน้าจอที่เรียกว่าพิธีกร และเมื่อเราจะลาออกจากการเป็นพนักงานเราก็ขึ้นไปลาเจ้านายด้วยตัวเอง"
นายประวิทย์ว่ายังไงบ้างกับการเข้าไปลา?
"คุณประวิทย์ก็เหมือนดูแลเราเป็นลูกน้อง เราก็เหมือนเป็นลูกหลานเป็นคนในครอบครัวก็จะมีอวยพรและถามสารทุกข์สุขดิบ เรื่องคุณแม่ที่เพิ่งเสียไปและเรื่องดูแลคุณพ่อมันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราต้องการเวลา คือเราไม่มีเวลาเต็มที่ในการทำงานไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมกับทางช่องขนาดนั้น"
ในส่วนของรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ยังอยู่หรือเปล่า?
"รายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ยังคงมีอยู่ค่ะ แต่เรื่องรายละเอียดก็ต้องเรียนถามทางช่อง แต่เท่าที่ทราบก็จะย้ายไปเลข 13 คือช่องแฟมมิลี่และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย พิธีกรก็จะต้องมีคนใหม่เข้ามาเนอะ ซึ่งเราก็เรียนนายว่าถ้าใครจะมีโอกาสเข้ามาทำงานตรงนี้ได้ เหมือนเราเคยได้โอกาสเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราก็จะดีใจมากเพราะว่าเราเองก็ได้โอกาสจากตรงนี้มาเหมือนกัน"
การลาออกจากการเป็นพนักงานในครั้งนี้เราจะเป็นอิสระมากขึ้นหรือไปทำงานกับที่ไหน?
"ตอนนี้เราไม่ยังไม่ได้มีอะไร นอกจากการมาทำที่ช่อง 2 กับรายการ โชว์แตกฟอง ซึ่งก็ทำมาหลายเดือนแล้วนะ งานหลักตอนนี้ก็คือรายการ โชว์แตกฟอง ที่ช่อง 2 นี่แหละ ซึ่งเราก็สบายใจในการทำงาน ส่วนการไปนั่งประจำยังไม่มีที่ไหนเรารับงานอิสระมากกว่า ซึ่งปกติเราก็รับงานอีเว้นต์อยู่แล้วเรื่อยๆ งานพิธีกรก็มีอยู่รายการเดียว"
ส่วนหนึ่งที่ลาออกจากการเป็นพนักงานช่อง 3 ในครั้งนี้เห็นว่าเป็นเพราะลูกด้วยที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ?
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมองมากกว่าเรายังไม่ได้มองขนาดนั้น หลักๆ คงดูแลคุณพ่อเพราะเราเพิ่งเสียคุณแม่ไปแบบกะทันหันอันนี้เป็นส่วนสำคัญที่เราไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เราก็เกิดความเกรงใจมากกว่าถ้าเรายังอยู่ในตำแหน่งพนักงาน และไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เราก็เกิดความละอายใจและอึดอัดใจของเราเอง"
สรุปว่าการที่ลาออกจากการเป็นพนักงานช่อง 3 ในครั้งนี้คือเอาเวลาไปดูแลพ่อและลูก?
"ในส่วนความคิดของเราเป็นแบบนั้นนะ ส่วนเรื่องของลูกที่ไปเรียนต่างประเทศเราก็ไม่ได้ไปอยู่ที่โน้นเลย แต่อาจจะบินไปหาเขาบ้าง ตอนนี้เขายังไม่ได้ไปเราก็เลยยังไม่วางแผนอะไรมากมาย มันยังเป็นอนาคตที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจ สำหรับอนาคตของเราเองคือเราเป็นพิธีกรก็คงยังรับงานพิธีกร และมีอะไรที่ทำได้โดยไม่เบียดเบียนงานหลักที่ทำอยู่เราก็จะทำ ปกติเราเป็นคนที่ถ้าวันนี้มีงานอยู่แล้วเราก็จะไม่วิ่งงานอื่นเป็นการให้เกียรติกับผู้จ้าง"
ด้วยความที่เราอยู่กับช่อง 3 มานานพอออกมาอย่างนี้ก็ถูกมองว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
"เราทำงานกับที่ที่หนึ่งมานานมากก็มีความผูกพัน ซึ่งคนก็จะมองไปหลายๆ แบบแต่ถามว่ามีปัญหาไหม เราบอกเลยว่าไม่มีปัญหาเลยช่อง 3 เป็นบ้านที่อบอุ่นมากการออกมาครั้งนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหา แต่วันหนึ่งเราทำงานแล้วรู้สึกว่าอิ่มตัว เมื่อเราทำให้เขาไม่เต็มที่เราก็รู้สึกว่าไม่สบายใจก็เลยปรึกษาผู้ใหญ่ คือเราไม่ได้ลาจากแต่เราใช้สิทธิ์จากการลาออกจากการเป็นพนักงานเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็เรียนนายไปว่าจะเรียกใช้งานยังไง เราก็เหมือนเดิมทุกอย่างเพราะยังไงเราก็ยังมีละครที่ช่อง"
แก้ไขล่าสุด 12 พ.ค. 57 19:06 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google