เพิ่งดู Enemy เป็นหนังที่ดูยากมากๆ(spoilตามความเข้าใจของผม)

7 มิ.ย. 57 10:25 น. / ดู 1,399 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
Enemy เป็นหนังที่ดูยาก แทบจะทำให้เรอยู่ภายใตความงงงวยและสัญลักษณ์มากมายที่หนังสาดใส่เราตลอดทั้งเรื่อง Enemy ก็ยังสามารถดึงเราให้�“สนุก”�ไปกับตัวหนังได้ เพียงแต่ความสนุกที่ว่านั้นไม่ใช่ความสนุกบันเทิงที่เน้นกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของเราแบบหนงตลาดเรื่องอื่นๆ หากแต่เป็นความสนุกที่เกิดจากการได้�“ขบคิด”�ค้นหาคำตอบ หาความหมายที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราว ยิ่งเมื่อรวมกับบรรยากาศเหลืองหม่นๆ ดนตรีประกอบที่เนิบๆ แต่ฟังแล้วอึดอัดปนหลอนๆ และที่สำคัญคือการแสดง�“Jake Gyllenhaal”�ทำให้ถ้าเราไม่หลับไปเลยตั้งแต่ 10 นาทีแรก เราก็จะเป็นกลุ่มที่สนุกขบคิดเรื่องราวในหนังเรื่องนี้เพียงแต่โจทย์ที่�“Denis Villeneuve”�วางไว้ให้เราขบคิดค่อนข้างเป็นโจทย์ที่ยาก โดยเฉพาะโจทย์ข้อสุดท้ายที่มาแบบอย่างไม่คาดคิด นั่นทำให้การขบคิดของเราไม่ได้หยุดเพียงแต่ชั่วระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งของหนังเท่านั้น แต่ลากยาวมาถึงหลังหนังจบด้วย และเริ่มกลายเป็นสิ่งรบกวนจิตใจไม่น้อย เมื่อพบว่าจากที่เคยคิดตัวเองเข้าใจ สุดท้ายกลับไม่เข้าใจอะไรเลย จะสลัดหรือทำเป็นลืมไปก็ไม่ได้ เพราะเราดันหลวมตัวขบคิดเรื่องราวไปตามที่หนังชักนำตลอดทั้งเรื่องแล้วผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่หนังต้องการสื่อได้ทั้งหมด ทั้งที่ระหว่างดูก็คิดตามตลอด แต่เจอฉากจบเข้าไปก็เหวอ…ได้เหมือนกัน
สุดท้ายต้องพึ่งไปอ่านบทวิเคราะห์จากคนอื่นๆา ถึงจะพอเริ่มเห็นเค้าว่าอะไรคือประเด็นของเรื่อง แม้ว่ามันจะไม่ทั้งหมด เพราะแต่ละบทวิเคราะห์ก็มีความแตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยมันช่วยให้เราสามารถสร้างชุดคำตอบในแบบของเราสำหรับตอบคำถามเรื่องราวในหนังได้ และเมื่อมองย้อนกลับไปดูอีกทีก็พบว่า จริงๆ Enemy ก็ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราพอสมควร เพียงแต่มันเป็นร่องรอยที่ซับซ้อนจนเราไม่คิดว่ามันเป็นร่องรอย และไม่คาดคิดว่าตอนจบหนังกล้าที่จะพลิกมาในทางนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บทวิเคราะห์คำตอบของ Enemy ในแบบฉบับของผม ซึ่งแน่นอนว่า Spoil เต็มเปี่ยม�
�Enemy�เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ�“Adam Bell”�ครูสอนประวัติศาสตร์ที่ใช้ชีวิตอย่างเป็นแบบแผน และดูเป็นคนตายซากที่ไร้แรงบันดาลใจในการมีชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีเพื่อนอาจารย์แนะนำหนังเรื่องให้ดู แต่สิ่งที่ Adam พบคือมีนักแสดงตัวประกอบคนหนึ่งในหนังที่มีหน้าตาเหมือนกับเขาราวฝาแฝด Adam เริ่มสืบหาชายคนนั้นจนพบว่าเขาคือ�“Anthony�St. Claire”�ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่กับ�“Helen”�ภรรยาที่กำลังตั้งท้องได้ 6 เดือน Adam กับ Anthony นัดเจอกัน จากความตื่นเต้นสงสัย กลายเป็นความหวาดกลัวและสับสนเมื่อทั้ง 2 พบว่า พวกเขาเหมือนกันเกินไป!!! หนังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าทั้ง 2 เป็นอะไรกัน และเลือกจบด้วยฉากที่ทำเอาทุกคนเงิบ!!!

เมื่อ Adam ที่ตอนนั้นสวมรอยแทน Anthony พบว่า Helen ได้กลายร่างเป็น�“แมงมุมยักษ์”�ไปเสียแล้วก่อนจะไปหาคำตอบว่าตกลง Adam กับ Anthony เป็นอะไรกัน สิ่งแรกที่น่าคิดก็คือเรื่องของ “แมงมุม” เพราะตลอดทั้งเรื่อง มีแมงมุมปรากฎอยู่เป็นระยะๆ ทั้งในรูปแบบแมงมุมปกติ หญิงสาวที่มีศีรษะเป็นแมงมุม แมงมุมยักษ์ที่กำลังเดินอยู่บนเมือง และสุดท้ายของ Helen ที่กลายร่างเป็นแมงมุม ประเด็นคือ�“แมงมุมสื่อถึงอะไร”สิ่งแรกที่คิดออกคือ�“การควบคุม”�สิ่งหนึ่งที่เป็นความสามารถของแมงมุมคือการสร้าง�“ใย”�ซึ่งนอกจากใช้เป็นที่อยู่แล้ว ใยแมงมุมยังสามารถใช้ดักจับเหยื่อและศัตรู และด้วยคุณสมบัติความเหนียวทำให้ยากที่จะสลัดใยเหล่านั้นให้หลุดโดยง่าย ในแมงมุมจึงเป็นเสมือนสิ่งที่ตัวแมงมุมใช้ควบคุมฝ่ายตรงข้าม ซึ่งใน Enemy ก็จะเห็นว่ามีช่วงหนึ่งที่ Adam บรรยายเกี่ยวกับเรื่องการควบคุม ซึ่งเผด็จการมักใช้วิธีำการต่างๆ ซึ่งมีทั้งแบบใช้สื่อบันเทิงมอมเมา รวมถึงการเซนเซอร์ข้อมูลต่างๆ หนังยังมีช่วงที่เล่นกับภาพของสายไฟภายในเมือง ที่ชวนให้นึกถึงใยแมงมุมที่กำลังครอบเมืองเอาไว้ จากประเด็นนี้ชวนให้คิดว่าชีวิตของ Adam รวมถึง Anthony และการที่ทั้งสองมีหน้าตาเหมือนกัน อาจไม่ใช่แค่ความบังเอิญ แต่มีบางคนคอยควบคุมและ�“ชักใย”�ให้เป็นไปในทางนั้น

คำถามถัดไปแล้วใครคือแมงมุมและควบคุมไปเพื่ออะไรถ้าดูจากตอนจบ�“แมงมุม”�ก็คือ�“Helen”�แต่ถ้าลองวิเคราะห์ในมุมกว้างกว่านั้น แมงมุมอาจใช้แทนเพศ�“หญิง”�เพราะในเรื่องจะเห็นว่า แมงมุมจะปรากฎกายพร้อมๆ หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงเกือบทุกครั้ง และข้อมูลอย่างหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับแมงมุมก็คือ มีแมงมุมบางพันธุ์เช่น แมงมุมแม่ม่ายดำ ที่ตัวเมียจะจับตัวผู้กินหลังจากผสมพันธุ์เสร็จ บางสายพันธุ์ตัวเมียยังสามารถเก็บน้ำเชื้อจากแมงมุมตัวผุ้ได้หลายตัวและเลือกได้ว่าจะให้น้ำเชื้อจากตัวไหนผสมกับไข่ของเธอ นั่นหมายความว่าในโลกของแมงมุม ตัวเมียมีอำนาจเหนือตัวผู้ ซึ่งแตกต่างจากโลกมนุษย์ ที่มักมองกันว่าฝ่ายชายมีอำนาจเหนือกว่าการร่วมเพศในแมงมุมนั้นเป็นไปเพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์และจบลงด้วยการตายของเพศผู้ ขณะที่การร่วมเพศในมนุษย์นั้นมีเรื่องของความสนุกและความกระหายเข้ามาร่วมด้วย โดยเฉพาะจากผู้ชาย

ในหนังเราจะเห็นว่าความกระหายนี้สะท้อนผ่านตัวของ Anthony ที่สวมรอยเป็น Adam เพื่อที่จะได้มีโอกาสมีอะไรกับ�“Mary”�แฟนสาวของ Adam ทั้งที่ตัว Anthony นั้นมีภรรยาอยู่แล้วคือ Helen แต่อาจเพราะ Helen กำลังตั้งครรภ์ Anthony จึงไม่สามารถมีอะไรด้วยได้ (หรืออาจไม่อยากมีขณะตั้งครรภ์) ความเก็บกดในเรื่องเพศทำให้ Anthony มุ่งเป้าหมายไปที่ Mary แทน เป็นการสื่อว่า Sex สำหรับ Anthony มีแค่เรื่องความกระหายเท่านั้นตรงกันข้ามกับ Helen ที่ต้องการมากกว่านั้น เธอต้องการความรัก การดูแล การเอาใจใส่ ในฐานะสามีและคนที่กำลังจะเป็นพ่อคน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้จาก Anthony แต่กลับรู้สึกได้จาก Adam ในช่วงท้ายเรื่องเมื่อ Adam และ Anthony สลับตัวตนกัน Helen รู้ว่าผู้ชายที่เธอกำลังนอนด้วยไม่ใช้สามีคนเดิมของเธอ แต่เธอก็รับรู้ถึงคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อคนได้จาก Adam สุดท้ายเธอจึงมีอะไรกับเขาแม้จะอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ก็ตาม

ตรงนี้อาจวิเคราะห์โดยเทียบกับธรรมชาติแมงมุมได้ว่า Helen คือแมงมุมตัวเมียที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และ Adam ก็คือคนถูกเลือก และเมื่อเธอได้สิ่งที่ปรารถนาแล้ว ขั้นตอนต่อไปตามธรรมชาติก็คือตัวเมียจะเริ่มกินตัวผู้ ซึ่งในหนังถ่ายทอดมาในแบบการกลายเป็นแมงมุมของ Helenซึ่งจุดนี้ไปประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่ Adam ได้รับ�“กุญแจ”�ทำให้คิดได้ว่า บางทีความหมายของกุญแจและห้องลึกลับที่มีหญิงสาวโชว์เปลือยอยู่ในนั้นแล้ว มันอาจเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนการไขความลับต่างๆ เมื่อ Adam ได้รับกุญแจและคิดจะเดินทางไปยังห้องนั้น จึงสามารถเห็นความลับร่างแมงมุมในตัว Helen ได้

และถ้าลองคิดว่่านี้ไม่ใช่กุญแจดอกแรก เพราะตามข้อมูลจากยามในคอนโดของ Anthony ระบุว่าเขาและ Anthony เคยเข้าไปในห้องนั้นครั้งหนึ่งแล้ว ก็เป็นไปได้ว่า Anthony เข้าใจและรู้ถึงความลับของ Helen แล้ว และอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาเลือกถอยห่างจาก Helen แล้วมุ่งไปหา Mary แทน เพราะความสุขที่ Anthony จะได้รับจาก Helen คงไม่ต่างจากการนั่งดุสาวเปลือยในห้องนั้น ไม่สามารถแตะต้องได้ เพราะอาจมีอันตรายถึงชีวิต

น่าสนใจอีกตรงที่ว่าสุดท้าย Mary ก็ปฏิเสธที่จะร่วมรักกับเขา เมื่อพบว่าเขาไม่ใช้ Adam เป็นการตอกย้ำอีกครั้งในสิทธิอำนาจที่เหนือกว่าของเพศหญิง�พอถึงจุดนี้ ทำให้ส่วนตัวคิดไปว่า ตัว Adam กับ Anthony นั้นน่าจะเป็น�“คนเดียวกัน”�แต่ถูกแยกออกเป็น 2 บุคลิก โดยที่ Helen อาจเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ในช่วงแรกตัวตนหลักก็คือ Anthony ที่ออกแนวรักสนุก มีความมั่นใจในตัวเอง และรักที่จะแสดงหนัง แต่อาชีพนักแสดงก็ไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงนัก ทำให้เขาอาจตัดสินเปลี่ยงานไปเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ที่มั่นคงกว่า (ข้อมูลตรงนี้ได้จากการที่ รปภ.เอเยนซี่ของ Anthony บอกว่าเขาหายไปถึง 6 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเดือนตั้งครรภ์ของเฮเลนพอดี) แต่แล้วในช่วงเดือนที่ 6 ตัวตนแบบ Anthony คนเดิมก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งตัวตนแบบนี้ไม่น่าจะใช่ตัวตนที่ Helen ชอบนัก

ดังนั้น เธอจึงจัดการแยกเขาออกเป็น 2 คนคือ Adam และ Anthony เพื่อให้เกิดการแข่งขันและคัดเลือกให้เหลือเพียงตัวตนเดียว ตัวตนที่เหมาะจะเป็นพ่อของลูก Helen ต่อไป ถามว่า Helen ทำแบบนั้นได้อย่างไร เอาเข้าจริงคือ ไม่รู้เหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานตรรกะแบบปกติอยู่แล้ว และในเมื่อแมงมุมสามารถมีพิษได้ Helen ก็อาจมีพิษได้เช่นกัน และอาจเป็นพิษหลอนประสาทก็เป็นได้ในธรรมชาติ ถ้าแมงมุมตัวเมียต้องเลือกตัวผู้ที่ดีสุดเพื่อผสมกับไข่ของตน วิธีที่จะสามารถหาตัวที่ดีที่สุดได้ ก็คือต้องมีมาให้เลือกหลายตัว หากมีตัวเดียว ตัวเมียก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้

การแยกตัวตนอีกฝ่ายออกเป็น 2 และสร้างความเป็นศัตรูระหว่างกัน ทำให้เธอสามารถเลือกคนตัวตนที่เหมาะ และตัดตนที่ไม่เหมาะออกไปได้ ในธรรมชาติมีแมงมุมพันธุ์หนึ่งคือ แมงมุมหลังคาแดง ซึ่งตัวผู้ต้องใช้เวลาในการเกี้ยวพาราสีเพื่อขอผสมพันธุ์ด้วยกว่า 4.5 ชั่วโมง แต่ในกรณีที่มีตัวผู้หลายตัว ตั้งผุ้เหล่านั้นต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งสิทธิในการผสมพันธุ์ ตัวผู้ที่ชนะจะใช้เวลาเกี้ยวพาราสีตัวเมียเพียง 50 นาที นั่นแสดงว่า ตัวเมียพอที่จะให้มีการแข่งขัน

ดังนั้น คำว่า�Enemy�(ศัตรู) จึงหมายถึง�Adam�กับ�Anthony�แต่ความเป็นศัตรูของทั้งสองนั้นถูกชักใยโดย�Helen�อีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การบอกว่า Helen คือแมงมุม ไม่ได้หมายความว่าเธอคือแมงมุมจริงๆ แต่เป็นการเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังคิดไม่ตกจนถึงตอนนี้ หลายประเด็นที่เหมือนจะคิดออกแล้ว พอลองคิดดูอีกทีก็ยังงงๆ อยู่ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นการได้ลับสมองไปในตั

ปล. เป็นหนังที่ดูแล้วต้องใช้สมองกับประสบการณ์ในการดูหนังของผมทั้งหมดในชีวิตเลยทีเดียว ต้องพยายามคิด ตีความ ค้นหา สัญลักษณ์ต่างๆ เหมือนกับว่าเรากำลังเตรียมสอบช่วงเข้าเรียนมหาลัยใหม่เลย ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วเหนื่อยมาก เป็นหนังที่ต้องใช้ความคิดในรอบหลายปี

เพื่อนๆคนไหนที่ดูแล้วเข้าใจหรือตีความไม่เหมือนกันโปรดแสดงความคิดเห็นได้คับ!!!!
แก้ไขล่าสุด 7 มิ.ย. 57 17:25 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | MTH.Channel | 7 มิ.ย. 57 15:29 น.

ผมรู้สึกว่า Enemy เป็นหนัง Mystery ที่ธรรมดามากๆ สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นและถูกกล่าวถึงคือการใส่ “แมงมุม” เข้าไปแค่นั้นเอง ส่วนอื่นๆเป็นการทิ้ง Clue แบบปกติของหนังประเภทนี้ (สัญลักษณ์ไม่เยอะนะ เป็น Clue ซะมากกว่า)  ซึ่งต้องยอมรับอย่างนึงจริงๆว่า “แมงมุม” ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ดูยากขึ้นมาทันที (ลองสลัดภาพแมงมุมออกแล้วนึกให้เป็นความธรรมดาสิ จะดูง่ายขึ้นและกลายเป็นหนัง Mystery ธรรมดาเลยครับ)

ส่วนตัวผมชอบ Enemy ในระดับนึงเลย (ชอบแนวนี้เป็นทุนอยู่แล้ว) ผมมองแมงมุมเป็นแค่ “ตัวสร้างสิ่งยึดเหนี่ยว” เฉยๆ ไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมนัก และ “ใย” คือผลลัพธ์ที่เกิดจากแมงมุม

ซึ่ง “ใย” ก็ทำหน้าที่ของมันคือยึดเหนี่ยว  แน่นอนว่าไม่ใช่การควบคุมให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นแค่การยึดเหนี่ยวเท่านั้น

ตอนแรกผมก็คิดว่าแมงมุมแทน ผญ แต่คิดไปคิดมาผมว่ามันต้องมากกว่านั้น เพราะถ้าแทนแค่ ผญ ฉากแมงมุมเดินในเมืองไม่จำเป็นต้องใส่ หรือแม้แต่การถ่ายภาพภายในเมืองที่ดูเหมือนมีใยเต็มไปหมด

คำพูดที่ชวนขบคิดคือการสอนของ Adam ในชั้นเรียน ซึ่งตรงนี้พูดถึงการ “ควบคุม” แต่การควบคุมที่ว่านี้ไม่ใช่ในเชิงผู้ชักใย เป็นในเชิงการ “จำกัด” มากกว่า ซึ่งเป็นเหมือนการที่เราเข้าไปติดอยู่ในใยที่ถูกวางไว้ และมีโอกาสที่เราจะเข้าไปติดอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจเพราะเราพลั้งพลาดเดินไปติดเองหรือมีสิ่งล่อใจให้เราไปติดก็ว่ากันไป ในคำพูดของ Adam ดังกล่าวยกตัวอย่างถึงการมอมเมา

พอยึดตามนี้แล้วหลายๆอย่างก็ค่อนข้างจะชัดแจ้งขึ้น ซึ่งแมงมุมไม่ได้แทนแค่ ผญ แน่ๆ (ส่วนตัว)

หากมองว่า Helen ถูกแทนที่ด้วยแมงมุม ส่วนใยก็ถูกแทนที่ด้วยการตั้งครรภ์นั่นเอง เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากแมงมุมและทำหน้าที่ยึดเหนี่ยว ในที่นี้คือยึดเหนี่ยวพระเอกนั่นแหละ

หากมองว่าแทน ผญ ก็ค่อนข้างชัดเจนจากฉากที่เห็น ผญ มีหัวเป็นแมงมุม ซึ่งใยก็แทนการตั้งครรภ์นั่นแหละ ภาพตอนแรกที่เหยียบแมงมุมก็คือการที่ ผญ ไม่ได้ตั้งครรภ์ ประเด็นที่ตามมาคือห้องนั้นคืออะไร มีคนบอกว่าเป็น Sex Room ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วย อีกทั้งคนรู้จักกับ Anthony ก็บอกว่าอยากไปอีกครั้งให้ได้ จึงเหลือให้เดาไม่กี่อย่างว่าที่นั่นคืออะไร และถ้าหากคือ Sex Room มันจะสอดคล้องกับการที่ผู้ชายไม่ได้ถูกยึดเหนี่ยวด้วยการตั้งครรภ์ของ ผญ ปัญหาเดียวที่ผมยังไม่แน่ใจก็คือการไป Sex Room ต้องมีการเชิญเป็นพิเศษด้วยหรือ อันนี้ใครรู้ช่วยตอบทีนะครับ อิอิ

ฉากสุดท้ายที่ Helen หรือแมงมุมตกใจ ก็จะสอดคล้องกับการที่พระเอกไป Sex Room ซึ่งเป็นการหลุดออกจากใยที่ถูกยึดเหนี่ยว การตกใจจึงดูสมเหตุสมผล

และแมงมุมตัวใหญ่ในเมืองผมมองว่าเป็นการแอบจิกกัดผู้มีอำนาจที่มักตีกรอบจำกัดความคิดและการกระทำของผู้คนรวมถึงมอมเมาให้อยู่ในทิศทางที่ตนต้องการ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการแอบจิกกัดแบบเนียนจริงๆ เพราะหนังเล่นเน้นย้ำฉากที่ Adam สอนซ้ำไปมาแต่ตัวหนังกลับนำเสนอและเพ่งบทสรุปไปในเชิงความสัมพันธ์ของคนไม่กี่คนในเรื่อง

ใจความสำคัญจริงๆที่ผมติดใจไม่ใช่แมงมุมแต่คือคำโปรยแรกของหนังอย่าง “ความโกลาหล คือความมีระเบียบที่ยังไม่ได้ถูกตีความ” ซึ่งชวนให้ตีความจริงๆ

เพราะหากคิดดูแล้ว ความโกลาหลในรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้นอาจเป็นความตั้งใจของใครซักคนทำให้มันเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น สงคราม ปัญหาทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งก็คือความยุ่งเหยิงทั้งหมดถูกจัดระเบียบไว้แล้ว (เหมือนแมงมุมที่วางใยไว้) มองที่ตัวหนังอย่าง Enemy ก็เช่นเดียวกัน ตัวหนังถูกทำให้ยุ่งเหยิงโกลาหลยุ่งยากด้วยการใส่ “แมงมุม” เข้ามา  แต่แท้ที่จริงแล้วถูกจัดระเบียบไว้อย่างดีด้วยความตั้งใจของ ผกก. นั่นเอง..

ปล. Enemy อาจหมายถึง “ตรงข้ามหรือแตกต่าง” ซึ่งชื่อเรื่องก็เป็น Clue ที่บอกว่าพระเอกเป็นคนหลายบุคลิกที่มีความแตกต่างกัน

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | michaelangarano | 7 มิ.ย. 57 17:52 น.

คห.1 ขอบคุณมากคับสำหรับความคิดเห็นต่างๆ(สำหรับผมหนังเรื่องนี้มันดูยากใช้ความคิดในการดูเยอะอยู่เหมือนกัน ปกติไม่ค่อยได้ดูหนังแนวนี้บ่อยนัก ช่วงหลังๆเลยทำให้ตีความและต้องใช้สมองกับเรื่องนี้พอสมควรแต่มันก็สนุกดีเหมือนกันในการหาคำตอบและชิ้นส่วนต่างๆของเรื่อง)

ประมาณว่า Enemy�มันเป็นหนังที่ชิ้นส่วนต่างๆในเรื่องสามารถถูกบิดไปได้อีก 360 องศาเพื่อนำมาประกอบให้ลงตัว แถมผลลัพธ์ของภาพที่ออกมาของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันอีกด้วยเนื่องจากคิด วิเคราะห์และการเข้าใจเนื้อเรื่องที่ต่างกันออกไป ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสังเกตคำใบ้ต่างๆ ที่ผู้กำกับจงใจเล่นกับคนดูทั้งภาพที่ขมุกขมัวไม่เท่ากัน สัญลักษณ์อย่างแมงมุม + ใยแมงมุม�เครื่องหมายที่แยกแยะคนสองคน บทพูดที่สื่อความหมาย ทั้งหมดนี้ล้วนต้องอาศัยประสบการณ์และการตีความอย่างมากเพื่อที่จะบิดชิ้นส่วนต่างๆนี้ให้ลงล็อคเข้ากับชิ้นส่วนอื่นๆของเรื่องให้ได้

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | mninho | 16 มิ.ย. 57 18:28 น.

ส่วนตัว ของผู้กำกับคนเดียวกัน ชอบเรื่อง Prisoners มากกว่า

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google