The Raid 2 ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
"ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ?"
สำหรับภาพยนตร์ The Raid ภาคแรกนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม แต่มันก็มีปัญหาของตัวมันเองหลายอย่างเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่ค่อนข้างจะจำกัด เพราะไม่ได้มีนายทุนใหญ่แบบภาพยนตร์แอ็คชั่นของ Hollywood จึงสังเกตุได้เลยว่า ในภาคแรกนับเข้าจริงๆสถานที่ถ่ายทำ ก็ถ่ายกันอยู่ตึกๆเดียวแทบจะทั้งเรื่อง รวมไปถึงซีจีที่เลวร้ายพอๆกับภาพยนตร์ไทยบ้านเราเลยทีเดียว นอกจากนั้นในด้านของเนื้อเรื่อง มันก็ถูกจำกัดในการเล่า เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด เราจึงไม่ได้เห็นและได้รู้อะไรมากมายนัก นอกจากฉากแอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำของมัน
แต่ดูเหมือนผู้กำกับ,เขียนบทและตัดต่ออย่าง แกเร็ธ อีแวนส์ จะทราบถึงจุดนี้ดี และในคราวนี้ทุกๆปัญหาแทบจะถูกแก้ไขอย่างหมดจด ถ้าหาก The Raid ภาคแรกคือภาพยนตร์แอ็คชั่นที่น่าจดจำที่สุด The Raid 2 ก็คือภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ในคราวนี้ ตัวภาพยนตร์มีการเคลื่อนไหวแทบจะตลอดเวลา ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้มันมีการเคลื่อนไหวมากกว่าภาคแรก ก็มาจากการที่บทภาพยนตร์มีการพัฒนาและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภาคนี้จึงจำเป็นจะต้องมีการสลับฉากไปมา ระหว่างฉากแอ็คชั่น กับ ฉากเล่าเนื้อเรื่องอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่พัฒนาอย่างเห็นได้ชัดจริงๆก็คงจะเป็นฉากเนื้อเรื่องต่างๆ ซึ่งในภาคนี้ตัวภาพยนตร์ให้เวลากับในส่วนของการพัฒนาบทมากขึ้น จึงทำให้มันเป็นมากกว่าแค่ยัดบทเข้ามากระจุกหนึ่งแล้วก็ค้างอยู่อย่างนั้นจนเกือบทั้งเรื่องแบบภาคแรก
ด้วยสาเหตุที่กล่าวไปนั้นเอง จีงทำให้บทภาพยนตร์จากที่เคยเป็นจุดอ่อนของ The Raid ภาคแรก มันจึงแทบจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของภาคต่อนี้ทันที เพราะนอกจากมันจะขยายประเด็นของการฉ้อโกงและการเมืองที่สกปรกได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นแล้ว มันยังนำเสนอประเด็นนี้ในมุมมองของตัวละครต่างๆที่แตกต่างกันได้อย่างน่าทึ่งและน่าติดตามอีกด้วย
แต่แน่นอน เมื่อพูดถึง The Raid สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ฉากแอ็คชั่นต่อสู้ของมัน ซึ่งถ้าหากคุณคิดว่าภาคแรกนั้นสุดยอดแล้ว ภาคนี้แทบจะยกกำลังความสุดยอดของภาคแรกขึ้นไปอีกขั้น มันยังคงสนุก ตื่นเต้น และออกแบบท่าต่อสู้รุก/รับได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย
สิ่งที่ผู้เขียนถูกใจมากที่สุดในด้านของฉากแอ็คชั่นในภาคนี้ก็คือ จากสเกลความใหญ่ของภาพยนตร์ในภาคต่อนี้ที่ใหญ่มากขึ้น เช่นตัวละครที่มากขึ้น , บทที่ไปไกลมากขึ้น หรือฉากแอ็คชั่นที่ใหญ่มากขึ้น แต่แทนที่มันจะดึงคุณภาพของตัวภาพยนตร์ลง เพราะพยายามจะจับนู้นจับนี้พันกันมั่วซั่วยุ่งเหยิงมากจนเกินไป แบบภาพยนตร์ภาคต่อแทบจะทุกเรื่อง The Raid 2 กลับจับมันได้อย่างอยู่หมัด ไม่พยายามที่จะใส่อะไรที่เกินความจำเป็น และนำสิ่งใหม่ๆมาใช้เป็นจุดส่งเสริมภาพยนตร์ให้ขึ้นไปอีกระดับได้อย่างน่าชื่นชม
จากการที่ตัวภาพยนตร์มีการเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำอยู่หลายต่อหลายครั้ง จึงทำให้ตัวภาพยนตร์มีสีสันและน่าสนใจมากขึ้น แน่นอนว่าก็ตามมาด้วยฉากแอ็คชั่นที่มีความหลากหลายสถานที่มากขึ้นเช่นกัน และตัวผู้กำกับ แกเร็ธ อีแวนส์ ก็นำจุดแข็งนี้มาเล่นกับฉากต่างๆที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี เช่นฉากต่อสู้ในรถไฟฟ้า หรือ ฉากต่อสู้ในห้องครัว นอกจากนั้นการตัดสินใจในการนำตัวละครใหม่เหล่านี้มาเล่าแยกทีละตัว ก็ควรจะเป็นเรื่องที่ผู้กำกับภาพยนตร์หลายๆคนน่าจะจดจำไว้เป็นแบบอย่าง
เพราะการเล่าแยกทีละตัวละครเช่นนี้ มันจะนำไปสู่การสร้างคาแรคเตอร์ ทัศนะคติ และรวมถึงสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่างกันได้มากขึ้นกว่าการเล่าแบบรวบๆ เพราะให้เวลาที่มากกว่า
ที่สำคัญก็คือการทำเช่นนี้ มันเสมือนเป็นการสร้างหลักฐานที่จะทำให้ผู้ชมเชื่อจริงๆว่าตัวละครเหล่านี้มีความสามารถจริงและจะสร้างความลำบากให้กับตัวเอกของเราจริงๆ ไม่ใช่เก่งเพราะตัวภาพยนตร์พูดหรือกล่าวไว้เช่นนั้น
ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้เขียนก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ว่า The Raid 2 มีปัญหาเล็กน้อยในด้านของบทภาพยนตร์อยู่บ้าง จุดๆเดียวเลยก็คือ บทภาพยนตร์ซึ่งเล่าประเด็นที่เคยถูกใช้มาก่อนหน้านี้แล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งและ ค่อนข้างจะเดาง่ายไปหน่อยอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะในด้านของบทที่พูดถึง พ่อผู้ซึ่งกุมอำนาจไว้ในมือ และลูกผู้ซึ่งแสวงหาอำนาจ เมื่อพูดขนาดนี้แล้วพวกเราแทบทุกคนคงจะทราบดีว่ามันจะไปจบที่ไหน
ในท้ายที่สุด ภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคต่ออย่าง The Raid 2 ก็จบลงไปแบบชนิดที่คุณจะลืมมันไม่ลงและแทบอยากกลับไปสัมผัสมันอีกครั้งในทันที นอกจากมันจะกำจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคแรกได้แล้ว มันยังลบคำสบประมาทที่ว่า่ภาพยนตร์ภาคต่อมักจะห่วยกว่าภาคแรกเสมอได้อย่างหมดจด ถึงแม้ว่าในด้านของบทภาพยนตร์จะมีบางส่วนที่ค่อนข้างจะเดาง่ายและซ้ำซากไปบ้าง แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะขัดขวางคุณจากตัวภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย
Final Score : [ A ] & [ Must See Badge ]
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆและติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆได้ที่บล็อคนี้ครับ
http://fallsdownz.blogspot.com/
ฝากกดไลค์เพจของผมด้วยนะครับ (บทวิจารณ์ใหม่ๆก็จะอัพเดทลงที่นี้ด้วยนะครับผม) https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ฉากแอคชั่นเกือบ 10 นาทีช่วงท้ายๆ ระหว่าง�Rama�กับ�The�Assassin�ยกให้เป็นหนึ่งในฉากแอคชั่นที่ยอดเยี่ยมอันดับต้นๆสำหรับผมเลย มันไม่ใช่สู้กันออกมาให้มันและสนุกอย่างเดียว แต่มันมีทั้งในแง่อารมณ์ ความตื่นเต้น ความโหดรวมเข้าไปด้วยแถมยังทำให้รู้ถึงความร้ายกาจของ ปัุจจักสีลัก โดยไม่ต้องป่าวประกาศก่อนสู้ว่านี่คือปัจจักสีลักนะ และที่โดดเด่นมากๆอีกเรื่องคือการออกแบบคิวบู๊ในเรื่องงานด้านภาพและงานด้านเสียง หลายฉากๆ ใช้วิธีการเล่นกล้อง เล่นเสียงแบบต่างๆ มาช่วยให้ภาพดูดุเดือดเลือดพล่านยิ่งขึ้น อย่างเช่น การตัดสลับเหตุการณ์อดีต-ปัจจุบันในช่วงต้นเรื่อง เพื่อทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ของ Rama ฉากตะลุมบอนในคุกที่มีการใช้ Longtake เคลื่อนตวัดไปมาแต่ละคนเพื่อให้เห็นความวุ่นวาย การถ่ายภาพมุมบนตอนฉากแอคชั่นบนรถ หรือการเหวี่ยงกล้องตอนสู้กับ�Baseballman�ก็ให้อารมณ์เหมือนหัวเราถูกตีด้วยไม้เบสบอสไปด้วยอีกจุดที่ The Raid 2 ประสบความสำเร็จมากก็คือ การสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ตัวละคร การที่ตัวละครในภาคนี้เยอะขึ้นก็ไม่ไ้ด้เป็นปัญหาเลยสักนิด
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google