[เล่าให้ฟัง] ประสบการณ์ที่ไม่มีสอนในห้องเรียน แบบเรียลสุดๆ

11 ก.ค. 57 18:05 น. / ดู 2,526 ครั้ง / 12 ความเห็น / 2 ชอบจัง / แชร์
แนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้อายุ จะ 20 ปีนี้ กำลังจะขึ้น ปี 2 ตอนนี้เรียน มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพ คณะ เทคโลโลยีคหกรรมศาตร์ สาขา เทลโนโลยีเสื้อผ้าและแพทเทิร์น
  คิดอยู่นานมากว่าจะมาเขียนดีไหม แต่เขียนดีกว่าอยากแชร์ เผื่อจะเป็นกำลังใจหรืออะไรให้กับใครก็แล้วแต่ มันเป็นช่วงที่แบบคิดว่าจะจำไปจนตายอะ จำไว้เล่าให้คนอื่นฟัง(แบบนี้แหละ) เรื่องเรียนนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตเราอยากมากมายอะ ยิ่งมหาลัยนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากของเรา (ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรใหญ่กว่านี้ล่ะ)  ตอนนี้เราเฉยๆกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เราต้องเดินต่ออะ บอกนิดว่าบ้านเราฐานะปานกลางแต่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เราหาเงินจ่่ายค่าเทอมเอง ค่าเน็ตรายเดือนเอง (ครอบครัวเราทุกคนที่เรียนจบ ม.3แล้ว เขาก็หาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบกันทุกคน)

เริ่มต้นตั้งแต่เราเด็กๆเลยแล้วกันนะ เราเรียนอนุบาล ประถม มัธยม จนถึงมหาลัย ใกล้บ้านหมด อยู่กทม.นะ(มหาลัยนี้ก็ไม่ใกล้มาก แต่เดินทางสะดวก) เราเรียนได้ปานกลาง ไม่เคยแย่ ประถมนี้เรียนเก่นสุดๆ สอบได้เลขตัวเดียวไม่เกิน ที่ 5 ตลอดดดด(โรงเรียนปล่อยเกรดก็เงี้ย)เรารู้ว่าเราต้องห้ามขี้เกียจอีก เพราะตอนเด็กเคยไม่ทำการบ้าน แม่เราเปิดกระเป๋าดูสงสัยทำไมไม่ทำการบ้านถามจนเราหลุดว่าไม่อยากทำ อยากนอน โดนตีแบบ เข็ดอะ ต่อไปต้องทำ เรียนพิเศษตอนเย็นที่โรงเรียนด้วย(เรียนตามเพื่อนๆ) ตอนป.5 เรานี่ก็คุยกับป๊าว่า อยากสอบเข้าจุฬาฯ (จริงจังนะตอนนั้น) ป๊าเราบอกเรียนให้จบประถมก่อน แล้วก็ลั้นลามาถึง ป.6 จะเข้า ม.1 โรงเรียนใกล้ๆบ้าน ไปสอบคัดก็ไม่ได้ จับฉลากโควต้าบ้านใก้ลก็ไม่ได้(ดวงตก) ป๊าเรามีเพื่อนสนิทกันมานมนานเป็นพระในวัดที่เราเรียน ก็ฝากเราเรียน ก็ได้เรียน เราได้เรียนในห้องที่แบบคละเด็ก มีทั้งเด็กเรียน เด็กธรรมดา พวกตีกัน สักก็มี บอกเลย จบ.3 หายไปเกือบ 10 คน จาก 50 คน ตอนนี้เราดีใจนะได้อยู่ในสภาพแว้ดล้อมแบบนี้มำให้เรารู้อะไรเยอะดี(ที่บ้านก็ไม่รู้หรอก 555) เราอยู่ในกลุ่มธรรมดา ถนัดบางวิชาเรียนก็กลายๆได้ที่กลา่งๆของห้อง เราก็ทำกิจกรรมนะ ประกวดทำกระทง เล่นดนตรีอยู่วงโยฯโรงเรียน(แต่ก็ลาออกตอนม.2ไม่ไหวกลับดึกมากที่บ้านไม่โอเค) ได้ลองเล่น เเซกโซโฟน ฟลุ๊ต คารีเน็ต ล้วนแล้วแต่ทำให้ฟันเหยินทั้งสิ้น

จุดที่เริ่มลังแลกับชีวิตก็เริ่มจาก ขึ้นม.4 โรงเรียนเดิม เกรดเราก็ 3ขึ้น เข้าได้ทุกสายที่โรงเรียนเปิด ต้องเลือกล่ะ ป๊าบอกเรียนอะไรก็เรียน แต่ให้หัวป๊าไม่มีสายศิลป์กรรมอยู่เลย ตอนนั้นเราก็ชอบวาดรูปนะวาดได้ไม่ขี้เหล่ ก็อยากเรียน ช่วงนั้น ภาษาญี่ปุ่นบูมมากออกข่าวขาดแรงงาน ฉันก็ชอบดูการ์ตูนนี้หว่าถ้าเรียนคงเก๋น่าดู เท่จะตายเก่งภาษาญี่ปุ่น วิทย์คณิตก็เรียนได้อะ เราชอบวิทย์ มันสนุก แต่สมองเราไม่รับคณิต สู้ไม่ไหวแน่ๆ เห็นหลายๆคน พี่ข้างบ้านเราก็เรียน มันไปเรียนพิเศษทุกวันเลย คิดอยู่หลายอาทิตย์ ตัดสินใจบอกที่บ้านว่า อยากเรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่น บอกทุกคน เขาก็ไม่ได้อะไรก็หรอๆๆ สักพัก อาเราทั้ง 2 คน ที่ทำงานบริษัทก็บอกว่า ไม่เรียนจีนหรอ ตอนนี้สำคัญนะ เขาทำงานเกี่ยวกับธุรกิจ มีคนจีนมาติดต่อเยอะขึ้น เขาพูดว่าไม่ได้บังคับนะ แต่เรียนจีนก็ดีกว่า พูดแบบเนี้ยหลายๆครั้ง ทุกครั้งที่เจอหน้า เราก็ลังเลดิ เอาไงดี เรียนจีนไหม แต่เราชอบญี่ปุ่นนะ ลังเลไปลังเลมา วันที่เขาให้กรอกว่าจะเรียนสายอะไร 3 อันดับแรก มันเหมือนหนังเลยอะ กล้องซูมไปที่กระดาษเลือกสายการเรียน ตึง ตึง ตึง ตึง ทันใดนั้น มือก็บังคับปากกา แล้วเขียนคำว่า ศิลป์ภาษาจีน ลงไปในหมายเลข 1 จบแล้ว ชีวิตเรา 3 ปี ภาษาจีน ครับ พูดกันให้ลิ้นไก่สั้นเลย อันดับ 2 เลือก วิทย์คณิต ตามที่เราอยากเข้า ส่วนอันดับสุดท้าย เลือก ศิลป์กรรม แต่กลับไม่มีภาษาญี่ปุ่นเลย เราก็ไม่รุ้เหมือนกันนะ ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วก็เป็นไปตามอันดับ 1 ได้เรียนภาษาจีนสมใจ(ใคร) 5555 รอเปิดเทอมกันคะ
  ก่อนเปิดเทอมก็มีการเรียนปรับพื้นฐาน 5 วิชา หลัก +ภาษาจีน = 6 วิชา คือเขาให้เราลองเรียนก่อนประมาณ 1 เดือน ว่าไหวไหม ถ้าไม่ก็ทำการย้ายสายได้ถ้ามีที่ว่าง เรียนปรับก็ปกติ เรียนได้ พอมาถึงภาษาจีน ห้องเรามีคนมีพื้นฐานสิบกว่าคน บ้านคนจีนบ้าง เรียนมาตอนประถมบ้าง บางจากโรงเรียนอื่นที่เรียนจีนมาด้วย บ้าง แต่ปรับก็คือปรับ เรียนใหม่หมดตั้งแต่ออกเสียง สอนอ่านตัวพินอิน(เขาคิดมาเพื่อนสอนฝรั่งให้อ่านออกเสียได้แต่มันก็สะกดแบบจีนกำหนดอะ) เรียนวันแรก อะไรเนี้ยยย ยากมากก แต่ก็ผ่านมาได้ ครูคนที่สอนเรา เป็นครูเก่าแก่ของโรงเรียน เก่งหลายภาษา สอนดีมากก สนุก+ตื่นเต้น เราว่าเขาสอนให้เด็กตั้งใขอยู่ตลอดเวลา เขาชอบเรียกถาม อยู่ดีๆก็ถาม ให้อ่านต่อจากที่เพื่อนอ่าน ถ้าเหม่อนี่เละอะ เลยไม่มีใครเหม่อเลย เดี๋ยวดวงดีหวยออกที่เรา แล้วอ่านไม่ได้ อายเลยเรา แต่เวลาที่เราอ่านไม่ได้แบบเนี้ย แกก็ว่านะแล้วแกก็สอนจนกว่าจะได้อะ แล้วค่อยไปต่อ ถือว่าเป็นการสอนที่ ดีมากกก เรียนไปก็สนุก พอจบปรับพื้นฐานห้องเราก็มีคนย้ายไปนิดๆหน่อย ไปเรียนญี่ปุ่นบ้าง ศิลปกรรมบ้าง แต่ไม่มีใครไปวิทย์คณิตนะ 55555 และเราก็ยังคงเรียนต่อ เพราะจากเฉยๆเราก็ชอบขึ้นมานิดนึง เพราะครูนี่แหละ หลังจากจบปรับพื้นฐานก็มีรับน้องก่อนเปิดเรียนตามปกติ กิจกรรม ชมโรงเรียน  พอเปิดเรียน เราก็ได้รู้หลายอย่าง
1. การบ้านเยอะมาก เยอะจริงๆ เยอะสุดยอด น๊อคเลยทีเดียว
2.เลิกเย็นกว่าเดิม เคยเลิก 3 โมง นี่เลิก 5 -6โมง เรียนกันยาววววว
3.กิจกรรมเยอะมากกกกกกก เรียนด้วย ต้องทำกิจกรรมอีก ทั้งคณะสี(มหากาฬเงินห้อง ทะเลาะกันได้ทุกครั้ง) งานระดับชั้น และที่สำคัญ งานเลือกตั้งคณะกรรมการนักเรียน ของเราต้องเลือกตั้งแต่ ม.4 เพราะคณะกรรมการ คือ ม.5 เพื่อนที่ว่า ม.6 จะได้ไม่ต้องทำกิจกรรมเตรียมสอบอย่า่งเดียว
4.เพื่อน เจอดีคือโอเค ไม่ดีนี่แบบหนังชีวิตอะ เห็นแก่ตัว เกาะทำงาน ผลประโยชน์ เหมือนเตรียมตัวก่อนไปเจอสังคมข้างนอก
5.รด.ผู้ชายเรียนเกือบหมด ผู้หญิงก็อยากเรียน เราก็อยากเรียน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียน วิ่งไม่ผ่าน บายยย

  แล้วเด็กชอบหาอะไรทำอย่างเราก็ได้เป็นคณะกรรมการนักเรียนเฉยเลย เพราะแค่อยากไปค่ายที่เชียงใหม่(ที่มีแต่หัวหน้าห้องกับรองได้ไป) นี่ก็ไปขอเพื่อน ขอไปด้วย แค่อยากลองไปเชียงใหม่ดู ไม่เคยไป (ที่บ้านเคยไปกันหมด แต่ตอนนั้นยังเด็กป๊าไม่ให้ไปเลยเหมือนปม พอมีโอกาส ฉันต้องไป) เป็นค่ายที่สนุกมากอะ สนุกสุดๆ นอนในศูนย์อนุรักษ์ที่ดอยสุเทพ นอนในเต้นต์ ตรงตรีนเขาเลย  นอนดูดาว รอบกองไฟ(ที่ไม่ใช่แบบลูกเสือ) ไปดูที่อนุบาลสัตว์ที่จับได้จากลักลอบจับผิดกฎหมายขึ้นรถแดงไปดอยสุเทพ เดินขึ้นดอย(นับขั้นด้วย) ไปตอนหน้าหนาวแต่บางวันร้อนจนเหงื่อออก555 สนุกมาก สนุกจนไม่รู้ว่ากลับมาแล้วจะเจออะไร  แล้วก็ได้รู้ว่าเขาให้ไปเที่ยวแล้วกลับมาต้องทำงานตอบแทนให้โรงเรียนนะจ๊ะ กลับมาคณะกรรมการรุ่นเก่าก็เรียกประชุมเราบอกว่าต้องค่อยมาดูงานเรื่องการเลือกตั้งนะ แต่พวกเราทุกคนในนี้คืนทีมงานคณะกรรมการรุ่นต่อไป (เงิบบบ อะไรกัน) ทั้งกิจกรรมทั้งเรื่องเรียนนี้ หนักไปหมด กลับบ้านไม่ตำกว่า 6โมง ทุกวัน  ภาษาจีนที่เรียนนี่ก็เรียนสนุกสนานแต่ไม่ได้เก่งเลย เกือบรั้งท้ายตลอดเวลาสอบ พยายามฝึกๆๆๆๆๆๆ แล้วจุดหักเห(อีกล่ะ) ครูที่สอนสนุกๆเขาจะเออรี่ แกบอก เหนื่อยสู้กับเด็กมานาน ไปนอนเป็นคุณนายดีกว่า แล้วก็มีครูใหม่ที่เคยเป็นนักเรียนที่นี่มาสอนต่อ เขาเก่ง แต่ไม่เหมือนครูคนเก่า เขาปล่อยเด็ก สอนแบ้วเราไม่อยากเรียนอะ ความอยากเรียนเราลดลงไปเกือบไม่เหลือ พอเราไม่มีคนมาจี้ ก็ไม่เรียนล่ะ หลับบ้าง หลบบ้าง แต่วิชาอื่นก็ปกติ ไทยสังคมวิทย์ ที่ชอบนี้ก็ทำได้ดีอะ แล้วก็มาหนักกิจกรรมเรื่อยๆ จนหนักมาก ทำทุกกิจกรรมเลย

ม.4เทอม 2 นี่ เรียกว่าเด็กกิจกรรมเลย เตรียมรับน้อง งานพิธีการของโรงเรียนเราต้องทำหมด เริ่มไปค่ายนอกโรงเรียน เจอเพื่อนต่างโรงเรียน ปิดเทอม ขึ้นม.5 นี่ไปโรงเรียนทุกวัน เตรียมงาน ทำเองทุกอย่าง คิดกิจกรรม ตารางกิจกรรม  ทำป้ายชื่อน้อง แต่เราเป็นคณะกรรมการที่มีตำแหน่ง ไม่ใช่แค่ลูกทีม เราต้องว่างแผนแ้ก้ปัญหา เรียนรู้วิธีเข้าหาผู้ใหญ่ ทงานกับครูทั้งโรงเรียน ต้องสั่งงานเพื่อนอะ(ดูยิ่งใหญ่)แต่งานที่เราสั่งเราต้องทำเป็นด้วยถึงจะไปสั่งมันได้ เพราะต้องสอนมันทำ เราบอกเลยอะ งานคณะกรรมการนักเรียนนี้ฝึกให้คนทำงานเป็น เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ประสบการณ์ที่ไม่มีสอนจริงๆอะ ผ่านรับน้องไปด้วยดี ร่างแทบแตก

ขึ้นม.5 ได้ทำเต็มตัวเรียนเป็นเรื่องรองล่ะ ต้องไปยืนหน้าเสาธง ดูนักเรียนหน้าโรงเรียน ไปค่ายนอกโรงเรียนบ่อยมาก เรียกว่าถี่ ป๊านี่แบบพูดว่า ไปอีกแล้ว กระเป๋านี้จัดรอไว้เลย บางค่ายกระทันหันมาก แถมกิจกรรมที่ต้องทำในโรงเรียนเยอะโฮกก กีฬาสี แห่เทียน ทุกงาน ม.5 คือ **าน เราก็ต้องทำทั้งในห้องทั้งกรรมการนักเรียน เราเคยทำจนไม่ได้เข้าห้องเรียนนาน ขนาดที่ว่า พอเดินเข้าไปเรียน เพื่อนถามมาด้วยหรอ หัวหน้าห้องนี้เตรียมใบขอเวลาเรียนไว้เลยอะ เราก็ต้องไปตามงานอาจารย์ขออะไรนิดๆหน่อยๆ(เเหม่ก็ทำงานให้โรงเรียนไม่ใช่ไม่มาเรียน) เกรดเรานี่อยู่กลางๆยังไม่แย่มาก ที่บ้านก็เริ่มบอก ทำกิจกรรมน้อยๆหน่อย เรียนก่อน ม.5 นี่เป็นช่วงที่น้อยที่สุดแล้วอะเป็นเกือบทุกคน ครูมักจะบอกว่า ม.4 ไม่มีอะไรต้องรีบทำเกรด เป็นช่วงนาทีทอง ต้องรีบคว้าเอาไว้

เราก็ยังคงทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องหนักกว่าเรียนอีก ภาษาจีนเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เพื่อนก็เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่ค่าย สังคมเรากว้างขึ้นมากๆ เราดูโตขึ้นเรื่องการทำงานกับการหัดเข้าหาคน ฝึกรับมือกับคนหลายๆแบบ

และที่คัญเราเริ่มคิดเรื่องที่เรียนต่อ คิดเองอยู่คนเดียว เราอยากเรียน วนศาสตร์ (เป็นคณะเดียวที่มีอยู่ในหัวตอนนั้น) แต่เราไม่ได้เรียนวิทย์คณิต ก็ไปหาวิธีมา(ไม่รู้ถูกไหมเราก็ลืมๆไปบ้างแล้ว) อ้อ เราแอดได้ แค่สอบpat 2 วิทย์นี่เราไปได้อยู่แล้ว เราก็คิดไว้อย่างมุ่งมั่น  ม.แม่โจ้ เท่านั้นที่ราอยากเรียน ! เราอยากเรียนคณะนี้ เรามีที่มา เรามีแรงบันดาลใจคือค่ายที่เชียงใหม่เรารักที่นี่มาก และรายการเนวิเกเตอร์ พี่ติ๊กอย่างเท่ เราต้องเป็นแบบนั้นมั่ง

ชีวิตเราเข้าเรื่องเรียนพิเศษอีกครั้ง เราก็อยากมีที่เรียน เริ่มไปติวฟรี ที่แรกคือ แปปทีน (บอกเลยจะไม่ไปอีกมัันวุ่นวายมากถึงมากกกกกกก รอดูเทปดีกว่า แต่ก็ได้ความรู้มากใช้เรื่องแกทเชื่อโยงได้เต็มๆ) เริ่มเรียนพิเศษ สังคมไทย กับอังกฤษ เรียนที่เดียวนะ คอร์สสั้นๆ
พอขึ้น ม.6 ความคิดเรื่อง คณะวนศาสตร์ก็ยังอยู่ในหัว และกลับมาเรียนอีกครั้งเต็มที่อีกครั้ง ก็ยังมีกิจกรรมมาบ้าง ลงไปดูรุ่นน้องทำงานบ้าง  ภาษาจีนเรียกได้เลยว่าปล่อยเต็มที่ สอบตก ทำแต่งานซ่อมอย่างเดียวเลย ทิ้งกันไปเลยยย  และก็ไปเรียนพิเศษอีก เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง เพราะเราเรียนกับคอม ระหว่างนั้น ก็มีสอบตรงมามากมาย ประกาศกันทุกวัน เพื่อนก็ไปสอบกับเพียบ เราก็ดูไว้เฉยๆไม่ได้ไปเปิดบ้านก็ไป (ไปเดินดูเล่น) เริ่มมีคณะอื่นแวบๆเข้ามา นิเทศบ้าง จิตวิทยา ศิลปศาสสตร์ภาษาไทย(ชอบเรียนไทยกับสังคมมากนะคะ) ที่บ้านก็เริ่มมาคุยบ้างล่ะ ว่าอยากเรียนอะไร เราก็บอกยังไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่ได้บอกไปนะว่าจะอยากเรียนวนศาสตร์ที่แม่โจ้ แล้วในเทอม 1กลางๆเทอม ก็มีโค้วต้าเด็กกิจกรรม หรือเด็กที่ทำงานโรงเรียน จิตสาธารณะ มาหลายที่ แต่เราไม่ผ่านเลย เกรดรวมเราไม่ถึง(แย่มากอะ ได้ 2.61)หมดสิทธิ
วันไหนในเทอม 1 นี่แหละ ครูห้องแนะแนวก็เรียกเราไปพบ (ตกใจมากว่ามีเรื่องอะไร) เราก็ไปเจอเพื่อนห้องอีกประมาณ 5 คน มีเพื่อนห้องเรา 1 คน ทั้งหมดนี่เคยได้ทุนเรียนดีของโรงเรียน (เคยได้นะตอนม.4ตั้งใจเรียนสุดล่ะ)  มันมีทุนของ ม.ธรรมศาสตร์มา ชื่อทุนว่า "เรียนดีในเขตเมือง" มีแต่ในกทมที่มีสิทธิ์(เท่าที่จำได้ลางๆนะ) มันเป็นทุนฟรีทั้งเต็มจำนวน(ค่าเรียน+ค่าครองชีพ)กับทุนบางส่วน (ค่าเทอม) โดยที่เราไม่ต้องใช้คืน เป็นทุนให้เปล่า แล้วก็จะมีกรณีพิเศษที่คุณสมบัติผ่านแต่ไม่มีทุน ได้แค่ที่เรียน เขาก็ให้เราสมัคร เราก็สมัครเลย ไม่ได้บอกที่บ้านด้วย ใช้เวลาเลือกคณะ 1 วัน เราจะเลือกศิลปศาสตร์ภาษาไทยกับอีกคณะ คือศิลปกรรม ออกแบบพัสตราภรณ์แล้วอยู่ๆ**คณะหนังนี่ก็โดนใจอะไรไม่รู้เลยเลือกสมัครไป เอาออกแบบแฟชั่นนี้แหละไม่ยากเกินไป วาดรูปก็ได้อยู่ เตรียมเอกสารให้ส่งไปให้ ตอนสมัคร บอกเลยว่าไม่คิดอะไรเลย ไม่หวังด้วย ส่งๆไป คงไม่ผ่านหรอก ผลก็รอกันยาวนานแบบข้ามเทอม(ในกำหนดการ)

ตอนนั้นก็เรียนพิเศษอย่างเดียวเลยจริงๆ เลิกเรียนไปตึก เรียนๆๆๆๆๆๆ กลับมาอ่านหนังสือ อ่านๆๆๆๆๆ หนักที่ ไทย สังคม อังกฤษ วิทย์ ดูคลิปสอนออนไลน์ หนังสือนี่เป็นตั้งๆอะ สอบเเกทแพทตรั้งที่ 1 ก็มีถึง สอบๆๆๆ  สอบเสร็จคือโล่ง ปิดเทอมนี่เราก็ลองคุยแบบจริงๆกับอาที่เราสนิทที่สุด บอกเขาไปว่า "หนูอยากเรียนวนศาสตร์นะ ที่แม่โจ้หนูคิดว่าหนูแอดติดแน่" ผลที่ได้กลับมา เขาไม่อยากให้เรียน เพราะมันไกลมาก และบ้านเราไม่ได้ทำไร่ อาว่ามันหางานทำยาก ทำไมไม่ลองเรียนอะไรกลางๆ อย่างครูหรือนิเทศ(แปลกไหมบ้านเราไม่ได้อคติกับคณะนี้ เพราะพี่(ลูกพี่ลูกน้อง)เราเรียนจบมาคณะนี้ที่ม.เอกชนแล้วมันก็มีงานทำเรียบร้อย เราเหี่ยวเลย เฉาไปเลยอะ เราก็บอกว่า ก็มีดูไว้ที่อื่น แต่ในใจอะ ถ้าอาพูดแบบนี้ ไม่ได้เรียนแน่ แน่นอน เสียใจเลยอะ  ตอนนี้ก็ยังเสียใจอยู่นะ และก็อยากเรียนอยู่ ก็เลยบอกเขาไปว่า "สมัครทุนพิเศษของมธ.ไป นะ ไม่รู้จะติดป่าว ต้องรอผล" เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราก็เอาเรื่องนี้ไปบอกทั้งบ้าน ทั้งป๊าทั้งญาติสนิท ป๊าก็บอกว่าเรียนไปไหนก็ได้นะ แถวบ้านก็ได้ (ราชภัฎบ้านสมเด็จ/ธนบุรี)ไม่ต้องมหาลัยดังๆก็ได้ แต่เราก็อยากให้เขาภูมิใจอะ อยากลองว่า เราก็เก่งนะ เปิดเทอมมา วันประกาศผลก็ใกล้ๆเข้ามา เราก็มาเรียนปกติ เข้าเว็บมธ.บ่อยโคตร (ก็เผื่อมันหลุดประกาศก่อน) นี่ขนาดไม่หวังอะ
  วันประกาศผลก็มาถึง (รู้ช้าไปประมาณ 2 วัน) รีบเข้าห้องแนะแนวให้ครูเชคให้ (มันต้องใช้รหัสโรงเรียน) ตอนนั้นรีบมาแต่เช้าเลย แต่ไม่มีใครอยู่ห้อง เชคไม่ได้ ต้องรอตอนกลางวัน(ใจยังเต้นอยู่) อาจารย์ก็ลนอะ หารหัสไม่เจอ ลุ้นๆ เหมือนหนังเลย (อีกล่ะ)แล้วหน้าที่ให้เชคก็ค่อยๆเลือนขึ้นๆ มี 5 คน คนแรกไม่ผ่าน คนที่ 2 ไม่ผ่าน คนที่ 3 ไม่ผ่าน คนที่ 4 ไม่ผ่าน ชื่อเราชื่อสุดท้าย นางสาว------- --------- คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขา ออกแบบพัสตราภรณ์  ผ่านการพิจารณา ดูข้อมูลเพื่อนการาอบสัมภาษณ์วันที่ ...(จำวันไม่ได้) แต่รู้ว่า เฮ้ยยยผ่านได้ไง พอเลือนมาดูวันสอบสัมภาษณ์ วันเสาร์นี้ เฮ้ยยยย มีเวลาแค่ 3 วัน พระเจ้าาาาาา 3 วัน 3 วันนนนนน เราไม่มีอะไรเลยยยยยย แฟ้มสะสมก็ไม่มี  3 วันจะทำแฟ้มยังไงให้เสร็จ สาขาเราเขาต้องหนามากๆเลย ผลงานต้องเยอะๆ ตายๆ ทำไงดีๆ
 
    พอเดินเข้าห้องกลับมาเรียน เพื่อนนี้แบบ "ว่าที่เด็กมธ.มาแล้วครับ" แล้วก็ถามๆกันใหญ่เลย วันนี้เป็นวันที่รีบกลับบ้านที่สุดในชีวิต บอกที่บ้านก่อนเลย แล้วโทรบอกอาบอกเขาว่าให้ขับรถไปส่งหน่อยวันเสาร์ ติดสอบสัมภาษณ์ที่ มธ.รังสิต ตามด้วยเปิดคอม หารูปกิจกรรมตอนเป็นคณะกรรมการทุกรูป (รุ่นพี่ของเราเคยบอกว่า ถ่ายรูปเยอะๆถ่ายทุกงาน) ต้องขอขอบคุณพี่จริงๆไม่มีพี่ เราคงทำอะไรไม่ถูกเลย รื้อใบประกาศ ผลการเรียน เอกสารทุกอย่างที่เขาต้องมีในแฟ้มอะ ดึงความทรงจำจากคาบแนะแนวที่หลับบ้างตื่นบ้าง รีบเอารูปไปล้าง ตอนเย็นวัน2 เลิกเรียนก็เข้าห้องแนะแนวให้อาจารย์คอยสอนตอนทำเอกสารการใส่แฟ้ม จัดหน้าจัดรูปแบบ กลับมาบ้านก็ไปเอารูป ปริ้นเอกสากทั้งหมดยัดใส่แฟ้ม (แฟ้มเราก็ไม่ได้ซื้อนะ อาจารย์ให้มา เป็นแฟ้มตราช้างอย่างดี ปกเเข็งสีแดงสด) ก็ทำแบบไม่ได้นอนอะ ตอนเช้าไปเรียนก็แบกแฟ้มไปให้เพื่อนช่วยแปะรูป นั่งสร้างผลงาน(ไม่เคยมีรูปวาดเกี่ยวกับการออกแบบเลย เปิดในเน็ตแล้วก็วาดตามใจฉัน) แล้วก็ต้องรีบกลับเพราะต้องไปบ้านอา แฟ้นก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์หอบไปทำตอนที่บ้านโน้น ทำจนถึงวินาทีสุดท้าย ได้นอนประมาณ ตี 3 ต้องหาแผนที่ขับรถไปด้วย





พรุ่งนี้มาต่อนะคะ
ปล. พิมพ์ผิดตรงไหนบอกนะ
แก้ไขล่าสุด 11 ก.ค. 57 21:13 | เลขไอพี : ไม่แสดง

มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย 'jellygreen'

แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Realbmjy:! | 11 ก.ค. 57 20:13 น.

ต่อออออ อยากรู้ค่า เพราะพอเข้าม.4 ก็คิดว่าจะเรียนศิลป์-จีนเหมือนกันค่ะ หนูก็อยู่วงโย เล่นยูโฟ 555555 

แก้ไขล่าสุด 11 ก.ค. 57 20:13 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | 'jellygreen' | 11 ก.ค. 57 21:15 น.

ต่อแล้วนะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | AMEHEX'. | 12 ก.ค. 57 01:42 น.

ลุ้นอ่า รอนะค่ะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | Realbmjy:! | 12 ก.ค. 57 19:16 น.

หูยยยยยยย จขกท.สุดยอดมากเลยค่ะ รอนะคะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | Mrs.Wang | 13 ก.ค. 57 15:58 น.

ต่อค่าต่อ ลุ้นมาก 

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | 'jellygreen' | 14 ก.ค. 57 21:36 น.

ต่อ นะคะ



เช้าก็ตื่นตั้งแต่ตี 5 (เรียกว่านอนไม่หลับ) อาบน้ำแต่งตัว ขับรถมาถึงประมาณ 7 โมงนึดๆ ก็แวะทานข้าว แถมยังมาหลงอยู่ในหมาลัยเือบครึ่งชม. หาตึกไม่เจอ เรามาที่ตึก เจซี คนอย่างมหาศาลทีเด็กมาเยเอะมาก แล้วทุกคณะก็มาสัมภาษณ์ที่ตึกนี้หมดเลย ไปไหนก็ต้องไหว้เราก็มีไหว้สิ่งศักสิทธิ์หน้าตึก เข้าไปก็รีบหาบอร์ด ดูห้องสอบ เราก็งงๆก็มีรุ่นพี่มาคุยด้วยถามว่าสอบอะไรคณะไหน เราก็บอก พี่เขาก็บอกมีเอกสารมาไหมคะ เราบอก ไม่มีคะ เขาก็ว่า อ้าวทำไมไม่มี ต้องปริ้นมานะคะ มาจากหน้าเว็บ อ้าว ทำไมราไม่รู้** ไม่เห็นีอะไรเลย แล้วพี่เขาก็หยิบของอีกคนมาให้ดูแบบนี้ เราไม่มีทำไงอะ ทำไงดี (ใจเริ่มเสียระดับ 1 ) เขาบอก ไม่เป็นไร เดี๋ยวขึ้นไปที่ห้องก่อน ตึกนี่จะเปิดให้ขึ้นมาณ 8.30 หรือ 9.00 ไม่มั่นใจ เราก็ไปยืนรอกับอา นัดแนะกันว่าเสร็จแล้วจะมาเจอกันตรงไหน แล้วก่อนขึ้นตึก อาก็พูดขึ้นมาว่า "ไปตั้งใจนะ อะไรจะเกิดก็เกิดแต่ทำให้เต็มที่นะ ทุกคนภูมิใจในตัวเรานะ เราจะได้เรียนที่ดีๆ" แกพูดไปเสียสั่นมากอะ เราก็จะร้อง อาก็จะร้อง (ตอนพิมพ์นี่ก็จะร้องไม่รู้เป็นไร 555)  ถึงเวลา ให้ขึ้นตึก ทุกคนก็เห่กันขึ้นไป เราก็เดินไปตามที่พี่บอกไปรอหน้าห้อง เจอ เพื่อน 1 คน รออยู่ก่อนแล้ว แล้วก็ทะยอยกันขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกคนที่มาก็มีแฟ้ม แต่ี่เราเอะใจคือ ทุกคนมีกระดานวาดรูปพร้อมกระดาษ ทำไมเราไม่มี** (ใจเริ่มเสียอีกครั้งระดับ 2) แล้วอาจารย์ก็มาเปิดห้อง ให้ไปนั่งรอในห้อง เขามาชี้แจงว่ารอบเช้าจะมีการสอบวาดเส้น และต่อด้วยการสัมภาษณ์เลย ทุกคนก็นั่งรอ เราก็มองไปรอบๆ มีมาทั้งหมด 8 คน (น้อยดีแท้เมื่อเทียบกับคณะและสาขาอื่นเขามากันเป็นสิบเป็นร้อย) เราเห็นเพื่อนเอาเอกสารขึ้นมาเตรียม(ที่พี่ข้างล่างบอกเรา) เราก็ถาม เอามาจากไหนหรอก ต้องเตรียมด้วยหรอ ? เขาบอกว่าใช่ ในเว็บบอกให้เตรียมมา เราก็ถามวะ แล้วกระดานนี้ล่ะ เธอก็บอกว่า เอามาสอบวาดรูปไง
เฮ้ยยย ทำไมเราไม่รู้อะ อ่านข้ามอะไรในเว็บอะ ทำไมมมมม (ใจเสียไปเลยเต็มสิบ) เราแบบจะทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ใจอยากเดินออกจากห้องไปเลย ไม่เอาแล้ว ไม่สอบแล้ว เพื่อนเห็นเราหน้าเสียเลยบอกว่าใจเย็นๆ บอกอาจารย์ๆเราก็เดินไปบอกเลย บอกเขาว่า นี่เราลืมเราไม่รู้ว่าต้องมีเอกสารแบบนี้ด้วย เรามีแค่บัตรประชาชนกับผลการเรียนและใบจบ อาจารย์ก็บอก รอก่อนๆ เดี๋ยวครูแก้ปัญหาให้ รออยู่แปปนึงเขาโทรไปที่กองกลาง สรุปคือ เดี๋ยวสอบวาดรูปก่อนแล้วค่อยลงไปเอาเอกสารทำเรื่องยื่นคำร้อง  แล้วเรื่องกระดานล่ะ ทำไง เพื่อนอีกคนก็ใจดี เอากระดาษมาเผื่อพอดี ก็ให้เรายืมทั้งดินสอ กระดาษ  บอกว่า ช่วยๆกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ (โห้ยดีใจอะเจอเพื่อนดี ดีมากๆๆ ถึงเราจะรู้จักกันแค่่แปปเดียวก็เถอะ) อาจารย์ก็เดินเข้ามาหลังจากที่คุยคนเชคเอกสารเสร็จแล้ว บอกว่า จะทำการสอบวาดเส้น ใช้เวลา 3 ชม. ให้วาดในห้องนี้ โดยมีโจทย์แจกให้ พอแจกเสร็จแกก็เดินออกจากห้องมีรุ่นพี่(คณะอื่น) ที่เป็นนศ.จากโครงการนี้ มาเพื่อช่วยงาน พี่ก็บอกว่าดูโจทย์ได้ เราก็เปิด และโจทย์คือ
"ให้วาดมือข้อใดข้างหนึ่งของตนเอง โดย ลงแสงและเงาให้ถูกต้องมาหลัก ให้เวลา 3 ชม. "
ทุกคนก็เริ่มลงมือเรา มานั่งวาดที่พื้นห้อง ซึ่งหลายคนก็ลงมากับเรา นั่งอ่านโจทย์อีกครั้ง จะวาดยังไง ไม่เคยเรียนอะไรกับเขาเลย เคยเรียนก็แต่ในวิชาศิลปะของโรงเรียน(ก็ให้วาดรูปอะไรก็วาด) วาดยังไงให้ถูกต้องล่ะนี่ หันไปมองเพื่อน หลายคยเริ่มวาดล่ะ เราก็เริ่มเลย โดยวาดหน้ามือซ้าย วาดๆลบๆอยู่เกือบครึ่งชม. ก็วาดไม่ได้ซักที หันไปมองเพื่อน เขาจะลงเงากันล่ะ เราก็เฮ้ยๆ เดี๋ยวหมดเวลา แต่มือซ้ายนี้วาดไม่ได้แน่ๆ แต่ก็ลบไปหลายรอบ จะวาดหนังสือซ้ายก็ไม่ได้ เพราะลบจนกระดาษเป็นรอยเริ่มเยอะล่ะ เราก็แก้ปัญหาโดยการวาดหลังมือขวาแทน งงหม วาดมือขวาด้วยมือขวา ไม่รู้ว่าทำได้ไงแต่ทำไปล่ะ ทีนี่วาดได้ไม่มีปัญหากับการร่าง ลงแสงลงเงาไปได้ระดับนึง มันยังดูแบบไม่สวยอะ เส้นมันไม่ฟุ้งๆเหมือนที่เคยเห็นทำไงดีๆ (ใช้อีอีวาด) ถ้าลบ = งานเละ เราเห็นเพื่อนเอานิ้วถูๆ  ทำมั่งๆๆ เออ ดูดีขึ้น าดไปลงแสงแรงเงากันจนอาจาร์ยเข้ามาบอกหมดเวลา ให้เราส่งงานและเก็บข้องไปนั่งอีกห้องแทน เพื่อไปส่งเอกสารและรอนั่งสัมภาษณ์ ในห้องที่เราเข้าไปมีเด็กการละครนั่งรออยู่  รุ่นพี่ก็มาแจกคูปองรับอาหารว่าง แล้วอาจารย์ก็แบ่งเด็กเป็นโครงการต่างๆ สาขาที่เรามา มี 3 โครงการ คือ นักเรียนเรียนดีในชนบท/เขตเมือง/(อีกโครงการจำไม่ได้แต่เห็นมาจากปริมณฑล)
ชนบท รับ 1 มาสัมภาษณ์ 1 (โชคดีมากกกกก)
เขตเมือง รับ 1 มา 3 (นี่แหละโครงการเรา)
ปริมณฑล มา 4 รับ กี่คนไม่รู้

เราก็รีบอกอาจารย์เลยว่าไม่มีเอกสาร เขาก็พาเราไปเอาใบสมัครที่กองกลาง พร้อมเขียนใบคำร้อง เพื่อนส่งเอกสารมาที่หลัง พร้อมกับตำหนิเรา เราก็ยอมรับ เราผิดเองไม่รอบคอบ จำไว้เลยนะคะ เรื่องเอกสารนี่สำคัณอ่านให้ระเอียด อย่าพลาดแบบเรา นี่เราถือว่าโชค์ดีมาก มีคนช่วยเหลือ บางทีเขาอาจจะตัดสิทธิ์เราเลยก็ได้ เป็นบทเรียนให้กับเราจนถึงทุกวันนี้  หลังเสร็จเรื่องที่กองกลา่ง ก็เดินกลับมาที่ห้องเขาจะเรียกคนไปสัมภาษณ์ทีละคน โดยที่ไม่ได้กลับมาที่ห้องนี้อีก เก็บของไปเลย  โดยเริ่มจากโครงการชนบทก่อน เราก็ร่ำลากัน โดยที่รุ่นพี่พาไป  คนแรกไป เราก็หันมาคุยกับเพื่อนที่อยู่ในห้องที่เหลือ แต่ละคนแฟ้มนี่เก๋ๆกันทั้งนั้น ตัดแปะบ้าง เทียบกับเราที่เปฌนกระดาษเอสี่ธรรมดา แต่เราดูอะ แฟ้มเราหนาสุด หนามาก (เราทำกิจกรรมเยอะ รูปก็เยอะเต็มไปด้วยรูป ) คุยกันไปประมาณ 15 นาที พี่เขาก็กลับมาเรียกอีกคน ทีนี่เป็นคิวของโครงการเราล่ะ (เราชื่อสุดท้าย) คนแรกก็ไป เราก็คุยกับอีกคนและเพื่อนที่เหลือ หันไปมองเด็กการละคร แต่ล่ะคนสะพายกีต้าร์ นั่งทำอารมณ์ ซ้อมพูดกันสุดฤทธิ์  คุยกันไปอีกสักพัก พี่ก็มาเรียกอีกคนไป แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะพัก 30 นาที ให้ลงไปทานอะไรกันก่อน แล้วค่อยขึ้นมา เราก็ไปกับเด็กโครงการที่เหลืออีก 2 คน คุยกัน เราก็บอกเดี่ยวไปหาอาก่อน  เราเดินหาอาอยู่นานก็ไม่เจอ มือถือก็วางไว้ที่โต๊ะ กำลังจะเดินกลับ ก็มีรั่นพี่คนนึงใส่ชุดธรรมดาเดินมาหาเรา บอกว่ามาจากโรงเรียนเดียวกับเราถามว่าสอบอะไรแล้วก็บอกว่า สู้ๆนะคะ หวังว่าจะได้มาเป็นรุ่นน้องในรั้วเดียวกันอีก เราก็ขอบคุณ( เจอแต่คนดีๆนะ) เดินกลับมานั่งโต๊ะ มองเวลาจะถึงเวลา่ะขึ้นข้างบนดีกว่า เราเดินผ่านห้องอื่นก็แอบมองเสียหน่อย โห คนเยอะมาก นั่งเหมือนทำข้อสอบกันเต็มห้อง ขึ้นไปถึงห้อง พี่ก็บอกให้เราเตรียมตัว เราก็ลาเพื่อนๆ เก็บของ แล้วก็เดินออกจากห้องเื่อนไปสอบอีกห้อง (เป็นห้องที่เราวาดรูปนั้นแหละ) มายืนหน้าห้อง ใจก็เต้น แรงมาก เสียงเราสั่นล่ะเพราะใจเต้นแรงสุดๆ พี่ก็ถามพร้อมนะ ไปกัน มือก็จับลูกบิดเปิดกระตูแง้มให้เห็นบรรยากาศในห้องทีละนิด(เหมือนในหนังอะภาพช้าๆ)

เข้าไปในห้อง ทุกอย่างที่อาจารย์แนะแนวนี้อยู่ในหัว เข้าไปจะต้องไหว้อาจารย์ทุกคนก่อน  เราก็เห็นอาจรย์นั่งอยู่หน้ากระดาน เรียงกับหน้าโต๊ะสีขาวตัวยาว ทั้งหมด 6 คน 6 จริงๆ หญิง 4 ชาย 2 เราไหว้ทุกคนเลย คิดว่าเป็นการไหว้ที่สวยที่สุดเท่าที่เคยไหว้มา อาจารย์ตรงกลางก็เชิญเรานั่ง เราก็บอกขอบคุณค่ะ เราได้นั่งเก้ากี่เลกเชอร์ หันหน้าเข้าหากรรมการทั้งหมด 6 คน พร้อมผลงานที่เราวาดไว้เมือกี้  พี่เขาก็เอาแฟ้มเราไปให้กรรมการ กรรมการบบอกให้แนะนำตัวเอง เราก็แนะนำไป ทุกอย่าง บางอย่างไร้สาระด้วย 555 ทุกคนเงียบ แล้วอาจาร์ยก็ถามว่า
"ทำไมเกรดน้อยจัง"
"ช่วยม.5 หนูทำงานคณะกรรมการนักเรียนค่ะ ไม่ค่อยได้เรียนเท่าที่ควรเป็น เกรดเลยไม่ดีเท่าที่ควร"
"อืม แล้วอะไรที่เราคิดว่าดีล่ะในการทำคณะกรรมการนักเรีย"
"ทุกกิจกรรมดีหมดคะ"
"แล้วอะไรดีที่สุด"
"ตอนไปช่วยแพคของน้ำท่วมที่ดอนเมืองคะเป็นที่ๆประทับใจที่สุด"
ต่อจากนี่ก็เป็นคำถามเกี่ยวกับสาขา คิดยังไง ทำไมถึงเลือก เคยเข้าเว็บคณะไหม รู้ไหมว่าเราเรียนอะไร  ทำไมถึงชอบ แล้วเราก็เจอคำถามที่ตอบไม่ได้
"รู้จักดีไซน์เนอร์คนไหนบ้าง เอาคนไทยก็ได้"
โห้ยย ไม่รู้จักเลย ไม่มีอยู่ในหัวเลยย ทำไงดี ครูแนะแนวก็บอกว่า ห้ามทิ้งจังหวะให้เงียบ ต้องรีบตอบ แถก็ได้ แล้วก็นึกขึ้นได้ เราชอบดูรายการค้นหาดีไซนเนอร์นี่หว่า (ทอฟ้าผ้าไทย/เดอะดีไซนเนอร์)
"หนูไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษค่ะ ส่วนมาจะดูที่แบบมากกว่า แต่เราก็ดูรายการประกวดีไซน์เนอะทางช่อง 9 อยู่ประจำค่ะ"
"ดีจัง เห็นแล้เป็นไง เห็นไหม รับได้ไหมถ้าจะต้องเจอเหตุการณ์แบบในรายการ ต้องเจอนะ"
"ได้ค่ะ"
เย่ พาเขาเปลี่ยนเรื่องไปได้แบบฉิวเฉียด และอีกคำถามเบสิกที่สอบสายออกแบบที่ไหนก็เจอ
"คิดจะทำยังไงกับผ้าไทย"
ต้องตอบดูดี ดูไม่สร้างภาพเกินไป เราก็เลย
"ทำให้ใส่ได้เหมาะกับทุกคน และก็ยังคงคุณค่าของผ้าไทยไว้ให้งดงานมีคุณค่าแต่ไม่ล้าสมัย"
ดูเหมืออาจารย์จะพอใจ แฟ้มเราก็ถูกเลื่อนไปที่อาจารย์อีกคน คนถึงหน้าหลัง ที่เราคิว่าเป็นหน้าที่เราวาดรูปผลงานเอาไว้(ที่เพิ่งทำใหม่ๆ)
"เคยเรียนวาดรูปมาก่อนไหม"
"ไม่เคยค่ะ"
แล้วเขาก็มองหน้ากันยกแฟ้มเราขึ้นมาดูกัน ผลงานเราออาจจะเข้าตา(คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ)
"หรอ เอาล่ะ มาดูรูปวาดกัน นี่มือขวาใช่ไหม แสดงว่าถนัดซ้าย"
"ถนัดขวาคะ วาดมือขวา"
"เฮ้ย ทำไมวาดมือขวา วาดยังไง"
"วาดไปแล้วก็ดูมือแล้วก็วาดต่อค่ะ"
"แปลก ไม่เคยเจอ เธอแปลกมาก เดี๋ยวอาจารย์จะกลับไปลองทำบ้างทำไง" อาจารย์ก็ขำกันหมดทุกคนแล้วเขาก็ชี้แจงเรื่องทุนถามว่า ถ้าไม่ได้จะเรียนไหม เพราะมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ และสูงพอสมควร เราในตอนนั้นก็บอกว่าเรียน ไว้กู้กยศ.ก็ได้ อาจารย์กันถามกันคงจะหมดคำถาม เขาก็บอกว่า ก็รอขั้นตอนต่อไปนะคะ คือการไปเยี่ยมบ้าน และขอให้โชค์ดี หวังว่าเราจะได้พบกันอีก
เราลุกขึ้น ไหว้อาจารย์อีกครั้ง เดินไปรับแฟ้ม รุ่นพี่เขาก็เดินมารับ แล้วแอบกระซิบว่า (ตอบคำถามเก่งนี่) เขาก็อวยพรให้เราโชคดี แล้วเราก็เดินลงมา พี่แกก็เดินไปเรียกคนต่อไปในห้อง





พรุ่งนี้มาต่อนะคะ
ปล. พิมพ์ผิดตรงไหนบอกนะ

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | Mrs.Wang | 15 ก.ค. 57 15:46 น.

โอ้ววว อ่านไปตื่นเต้นไปกลัวถ้าเป็นเราถ้าเราตอบคำถามเค้าไม่ได้จะทำยังไง ><

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | 'Windiiz7 | 16 ก.ค. 57 00:21 น.

แอร๊ยยย มาต่อไวๆนะคะพี่ ><

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | 'jellygreen' | 19 ก.ค. 57 17:09 น.

มาต่อแล้วนะคะ ขอโทษน้องๆที่ให้รอนานน้า

หลังจากลงมาจากตึก ตรงบันไดชั้นล่างสุดๆ ก็มีพี่คนนึงเอาที่คั่นหนังสือผูกเชือกมาให้ บอกว่า ถ้าติดมธ. แล้วโทรมาบอกพี่น่ะ ข้างหลังกระดาษก็มีชื่อและเบอร์โทรให้อยู่ (ตอนนี้ไม่อยู่แล้วไม่รู้หายไปไหน 555) เราก็รีบเดินมหาอาที่รถ เล่าๆๆ ว่าเจออะไรในห้องมาก ตื่นเต้นๆ กลับมาก็รีบส่งเอกสารตามไอย่างรวดเร็ว(และก็เชคในเว็บปณ.ว่าของถึงยัง)

หลังจากที่สัมภาษณ์นี่ ก็จีมีการเยี่ยมบ้าน วันไหน ไม่มีใครรู้เพราะไม่มีใครบอก แต่จะก่อนประกาศผลประมาณ 1 เดือน ประกาศประมาณ มีนา ก่อนยืนยันเคลียร์ริ่งเฮาส์  เราก็ยังไปโรงเรียนอยู่ และก็ได้สมัครโควต้าเรียนดีที่ ราชมงคลกรุงเทพไว้(ที่ที่เรียนปัจจุบันนี้แหละ) สมัครไปหลังจากที่สมัครโครงการพิเศษ ที่มทร.กรุงเทพก็เรียกไปสัมภาษณ์หลังจากที่ มธ. 1 อาทิตย์ ด้วยความขี้เกียจค่ะ แฟ้มชุดเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนคือหน้าปก คำนำ และอย่างอื่นอีกนิดหน่อยที่มีชื่อมธ. คณะเราสอบที่บางรัก วิทยาเขตพระนครใต้ ข้างๆรถไฟฟ้าตากสิน ด้วยความไม่รู้ทาง ถามพี่ของเพื่อนที่เขาเรียนว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ความว่านั่งรถไฟฟ้าลงตากสินแ้ล้ก็ต่อมอไซด์โดนดีเข้าให้ 20 บาท ระยะทางแค่ป้ายรถเมล์เดียว และที่สำคัญ ไปสายคะ ถึงเกือบ 10 โมงครึ่ง (เขานัด 8 โมง) คือตื่นสาย เดินขึ้นตึกไป เราก็ตามหาห้องสาขาที่เราสมัคร อยู่ห้องในสุดเลยคะ เดินผลักประตูเข้าไป เจอโต๊ะสัมภาษณ์ 3 ตัว แต่มีอาจารย์นั่งแค่ 2 คน อาจารย์โต๊ะกลางก็ถามว่า เราสมัครของออะไร เทียบโอนหรือม.6 เราก็บอก ม.6 เขาบอกรอแปปนึง อาจารย์ที่สัมภาษณ์ไปเข้าห้องน้ำ  ในห้อง เหลือแต่เด็กเทียบโอนทั้งหมดเลย นั่งกัน5-6 คน  เราก็ไปนั่งรอที่เกาอี้ในห้องเรียน พออาจารย์มาก็เชิญเรามานั่ง เราก็สวัสดีก่อนนั่ง (จำไว้นะคะเด็กๆต้องมือไม้อ่อน)
"นึกว่าจะไม่มีใครมาแล้วซะอีก"
ยิ้มแห้งๆ ผิดเวลาทั้งแต่วันแรกเลย เรายื่นแฟ้มให้อาจารย์ดู พร้อมเอกสารต่างๆ(ไม่ลืมแล้วค้าาา) เขาก็ให้เราแนะนำตัว บลาๆๆๆๆ แล้วก็ดูแฟ้มเราไปดูผ่านๆๆ ทุกหน้าแล้วก็ย้อนกลับมาดูหน้านึงที่เหมือนเราเขียนบรรยายเกี่ยวกับคณะนี้ นี่แหละค้าาา จุดโป๊ะแตก
อาจารย์แกดึงออกมา แล้วอะไรเอ่ย **ไส้อันเก่าที่ใส่ตอนไปสัมภาษณ์มธ.ก็ยังอยู่ 55555 เราด้วยความตกใจรีบยัดใบนั้นลงเลยค้าาา  555
"อะไร?"
"อ่อ หนูไปสมัครที่อื่นไว้นะคะ ลืมเอาออก"
"ไหน สมัครที่ไหน ไม่เป็นไรหรอก"
"แหะๆ หนูเพิ่งไปสัมภาษณ์ที่ มธ. ค่ะ"
"จริงหรอ ครูไม่ว่าหรอกคะ ถ้ามีโอกาศที่โน้นก็ดีมากค่ะ เอางี้นะ นี้เบอร์อาจารย์นะคะ ถ้าติดแล้วโทรมาบอกครูหน่อยนนะ"
โหย แกใจดีมาก เหมือนไม่ได้นั่งสัมภาษณ์ เหมือนมาคุยเล่นกัน 555 นึกว่าเขาจะโมโหเสียแล้วววว แต่ก็ไม่ควรทำตามนะคะ จะไปสอบที่ไหนต้องรอบครอบค่ะ ดึงของเก่าออกก่อน เดี๋ยวถ้าที่ไหนเขาไม่โอเค จะโดนหักคะแนนเปล่าๆ
แล้วก็คุยเกี่ยวกับสาขาว่าเรียนอะไร ยังไง แล้วก็เสร็จการสัมภาษณ์ รอประกาศผล เดือนหน้า เราก็ออกมา ขึ้นรถเมล์(อาจารย์บอกว่ามันผ่านทางที่เราต่อรถได้) แล้วก็มาเล่าให้ที่บ้านฟัง เหมือนเดิม ไปเรียนก็เล่าให้เพื่อนๆฟัง

ระหว่างนี้ก็รอคะ รอๆๆๆๆ รอทั้งผลสอบแกทแพท รอมาเยี่ยมบ้านจากมธ. รอมทร.กรุงเทพ ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกคะ เรียนๆเล่นๆ เล่นซะมากกว่า แล้วก็ไม่ได้ไปสอบที่ไหนอีก เรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียนแล้ว พอใกล้วันที่มทร.กรุงเทพประกาศ บ้าบอคะ มีเข้าค่ายธรรมมะ ไม่มีสติเลยคะ วันประกาศผลเป็นค่ายวันที่ 2 พอดี เอามือถือเพื่อนมาเชคทุกเวลา สุดท้าย จากที่ 4 โมงประกาศ ก็เลื่อนมาเป็น 1 ทุ่ม แล้วก็ติดค่ะ (ดูไม่ค่อยลุ้นเนอะ ) คือรู้ทั้งห้อง เพราะมันก็สุมหัวกันดูทั้งห้อง แต่ก็ยังไม่ได้บอกที่บ้าน รอบอกวันกลับเลย

กลับมาก็มาดูผลผ่านเว็บแบบเป็นทางการจริงๆในคอม บอกที่บ้านว่าติดแล้ว เขาก็โอเค ดี ใกล้บ้าน ไม่ไกลมาก และที่นี้ก็ไม่ตัดสิทธิ์แอดค่ะ ถ้าเราจ่ายค่าเทอมไว้เหมือนค่าจองที่ ในราคาไม่แพง  พอมาอ่านเอกสาร เราต้องจ่ายเงิน ภายในเวลาที่กำหนด(ไม่เกิน 1 เดือน) อ่านแล้วก็เครียดอะ เราก็รอผลมธ. (ตอนนั้นหวัง 50-50) เอาไงดี คะแนนแกทแพทก็ยังไม่ออก  โทรไปปรึกษาอาคนแรก ถามเขาว่าเอาดีไหม จ่ายเงินดีไหม เหมือนอาแกหวังว่าเราจะติดที่มธ.เหมือนกัน ถ้าเกิดติดมาเสียเงินเปล่าเลยนะแล้วสุดท้าก็ให้เราไปถามป๊าว่าจะเอา เราก็ถามวันต่อมา ว่าเออ นี่มันต้องจ่ายเงินนะ ถ้าจะเอา ป๊าจะเอาไง แกบอกแกจ่าย เพราะไม่รู้ว่ามธ.จะติดไหม เกิดไม่ติดก็ยังมีที่เรียนแถมใกล้บ้านไม่ต้องไปอยู่หอ (ป๊าไม่อยากให้อยุ่หอและไม่อย่ากให้ไปต่างจังหวัด) เราก็บอกว่ากิดติดล่ะก็เสียเงินฟรีนะ สุดท้ายป๊าก็ไม่อยากเสี่ยง เสียเงินไปเลย  555 ได้เป็นนศ.แล้วค้าาาาาา

แล้วก็ปิดเทอมเราจำไม่ได้ว่า ผลแกทแพทประกาศก่อนหรือหลังปิด แต่รู้ว่าคะแนนไม่แย่มาก มาคำนวนดูเล่นๆก็ได้ประมาณ 14000-18000 ก็แอดเข้าได้หลายคณะอยู่ที่คะแนนไม่สูงมาก แถม ได้เข้าวนศาสตร์ที่แม่โจ้ด้วย 5555

วันนี้มา ให้ 2 ตอน นะคะ
วันเวลาเราไม่แน่ใจ จำได้ลางๆ ผิดถูกต้องขอโทษด้วยนะ
เรื่องจม.6 ไม่เล่าเนอะ เดี๋ยวยาวเกิน


และวันนึง ตอนปิดเทอม กำลังนอนอย่างสบายใจ ป๊าก็มาปลุก
"ครูที่มหาลัยมา"
เราเด้งตัวจากที่นอนเลย วิ่งไปหน้าบ้าน  สรุปเป็นทีมเยี่ยมบ้านจากมธ. มากัน5คน รถตู้จอดหน้าบ้านเลย มาถึงก็ถ่ายรูปๆ บ้านเรารอบๆ(แต่อยู่แค่หน้าบ้าน)แล้วก็คุยกับป๊าเรา รายละเอียดทั่วไปอยู่กี่คนใครหาเงิน บ้านเช่ากี่บาท แล้วก็ถึงคำถามเด็ด
"คุณพ่อครับ คณะที่น้องเขาสอบไว้เนี้ย ค่าใช้จ่ายมันสูงนะครับ ทั้งค่าเทอมและค่าใช้จ่าย และน้องต้องไปอยู่หอด้วย ถ้าเกิดไม่ได้ทุนขึ้นมา น้องกับคุณพ่อจะไหวไหมครับ"
นิ่งกันทั้งครู่ เรารู้ว่าถ้าไม่ได้ พ่อเราส่งไม่ไหวแน่ กยศก็ไม่ได้จะพอ แล้วเราก็ตอบไปเลย
"ถ้าไม่ได้ ก็คงไม่เรียนค่ะ สงสารทางบ้าน" ตอนนั้นเราคิดอย่างนั้นจริงๆนะ ถ้าการเรียนของเราทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนหาเงินมาให้เยอะๆก็ไม่โอเคล่ะ เราจบที่ไหนก็ได้ เราไม่ได้ยึดติดกับชื่อสถาบัน บ้านเราก็จบมาจากโรงเรียนธรรมดาก็ทำงานเลี้ยงเราได้
ทีมงานก็คุยกับป๊าอีกนิดหน่อย แล้วก็กลับไป
ป๊ามาพูดกับเรา "เรามีที่เรียนแล้ว ถ้าไม่ได้ทุนก็ไม่เป็นไหรหรอก แล้วป๊าก็ส่งไม่ไหว บ้านเราไม่ได้มีเงินทองนะถ้าป๊ามีป๊าก็ให้ นี่เราไม่มี"
"หนูเรียนที่ไหนก็ได้ ไม่ติดก็ปล่อยมันไป"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จะถึงวันประะกาศ 1 อาทิตย์ เราเหมือนเด็กบ้า ต้องหาอะไรทำ 555 หนังดูทุกเรื่อง รีบๆทำให้วันเวลามันผ่านไปไวๆ แต่มันช๊าาามากกกกก ดูปฎิทินไปมา ยิ่งคืนก่อนประกาศนะ นอนไม่หลับ นอนไม่ได้ หัวนี่วุ่นวายมาก เราเลยจัดให้ไปหาอะไรทำ ไปช่วยพี่ขายของไป เราก็ตื่นตั้งแต่เช้าาาา หิ้วของไป ขายไป เชคผลไป อ้อ เราชวนเพื่อนไปด้วย 1 คน 5555 คุยกับมันตลอด ไม่มีมันนี่ตายแล้วก็รอๆๆ พอบ่ายโมงเพื่อนก็กลับบ้านไปทำธุระ เราก็อยู่คนเดียวที่ตลาด  **เพื่อนคนนี้ มันก็ติดมธ. โครงการที่เคยบอกว่ามีแต่เด็กกิจกรรม มันบอกว่า "เขาประกาศ 4 โมงโน่น"
เราดูเวลาที่ไอพอด 15.30 15.33 15.40 15.45 15.47 15.50
พอใกล้มากๆ รีบเข้าเว็บมธ.เลยครับ ใส่รหัสที่จำได้ขึ้นใจ  กดรีเฟรชๆอยู่ พอ 16.00 มันก็ประกาศเลยครับ เหตุการณ์นะ คิดภาพตามนะ (จำได้แม่น)


เข้าเว็บ ใส่รหัส เชคผล แล้วหน้าผลก็ค่อยๆโหลด.........
ของแสดงความยินดีกัน --------- ---------  ติด คณะศิลปกรรม สาขา ออกแบบพัสตราภรณ์ โค้วต้าเรียนดีในเขตเมือง ประเภททุน เฉพาะที่เรียน กดเพื่อรับรหัสในการยืนยันเคลียร์ริงเฮาส์
.
.
.
ในตลาด คนเดินไปเดินมา นี่นั่งอยู่หน้าแผงแล้วน้ำตาไหล ชีิตเหมือนหยุดหมุน 5 นาที

พอคิดได้ รีบโทรหาแม่ บอกว่าติดแล้วนะ แต่ไม่ได้ทุนนะ แม่ถาม ไหวไหม กลับบ้านไหม เก็บของนะ กลับบ้าน กลับบ้าน ตอนนั้นเราบอตัวเองว่า อย่าร้อง รีบเก็บของ กลับบ้าน ไปไหลทืี่บ้าน
พอถึงบ้าน ป๊านั่งอยู่หน้าบ้าน(แม่เราทำงานนอกบ้าน) เราก็เดินเข้าไป ป๊าถาม ขายหมดแล้วหรอ เราก็ได้แต่พยักหน้านาทีนี้พูดไม่ได้ เสียงสั่นมาก แล้วเก็บของเสร็จ เดินมาบอกป๊า  ติดนะ แต่ไม่ได้ทุนนะ เชื่อไหม บอกไป น้ำตาไหลไป เพราะรู้ว่าไม่ได้เรียนแน่นอน
"กลับบ้านมาเพราะเรื่องแค่นี้หรอ บอกแล้วไงว่าส่งไม่ไหว"
หลังจากป๊าพูดจบ เรายิ้ม แล้วรีบวิ่งขึ้นห้องเลย น้ำตาไหลอย่างเขื่อนแตก หมอนนี่เปียกมาก ร้องไห้หนัก หนักที่สุด คือตอนนั้นเราเสียใจ ทำไมป๊าไม่ปลอบเรา ทำไมไม่บอกว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องพูดจาแบบนี้ในตอนนั้น เราร้องไห้นานมาก เป็นชม. แล้วก็ต้องพูดกับตัวเองว่า เราเก่งจะตาย ที่ติด เราเก่งมาก เรามีที่เรียนตั้ง 2 ที่ เราต้องเป็นคนที่ไม่เป็นภาระให้ที่บ้าน เราเก่าเราอยู่ที่ไหนเราก็ต้องเก่ง อย่าไปยึดติด อย่าไปคิดว่าเราผิดหวัง (ความจริง คือเราเสียดาย เราทำดีขนาดนี้ ไม่มีใครสนับสนุนเรา เราเสียใจ เราพยายามมาก เราหวังมาก) ทำเพื่อให้หยุดร้อง แม่กลับมาพอดี เราก็เล่า หน้านิ่งๆ ตาก็ยังบวมนะ ที่บ้าน ไม่มีคนเซ้าซี้ ไม่มีใครถามซ้ำ ไม่มีใครโทรมา ไม่มีเลย ทำเหมือนวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาคงรู้ว่าถ้ายิ่งพูดเหมือนตอกย้ำ แล้วเราว่า ป๊าเราก็คงเสียใจ แค่ลูกคนเดียวเขายังส่งให้เรียนที่ๆอยากเรียนไม่ได้

แล้ววันต่อมา เกิดอะไรขึ้น เราต้องไปสอบแกทแพทรอบสอง(สมัครไปแล้วไม่สอบเสียดายเงิน) โห้ยยย ชีวิต ไปสอบอย่างตาบวมๆคะสายอีกเกือบ20เกือบไม่ได้สอบครูที่เราสนิทเดินมาตรวจพอดี แกรู้ว่าผลออกวันไหน แกถาม ผลเป็นไง เหมือนฟ้าผ่า เราก็ตอบ
"ติดคะ แต่ไม่ได้ทุน ก็เลยไม่เรียน พ่อส่งไม่ไหว" พูดไป ขำไป น้ำตาไหลไป ยิ้มไป อย่างกับหนังดราม่า เขาเห็นเราน้ำตาไหล ขอก็มากอดเลยคะ บอกไม่ต้องพูดแล้ว ไปสอบ ตั้งใจสอบนะ (ครูดีๆยังมีอยู่ ชีวิตเราโชคดีเจอครูดีหลายคน)

หลายวันนะ ที่เราอยู่กับตัวเองเพื่อทำใจล้วนๆ เพื่อนสนิทเราก็ปลอมต่างๆนานา มีคนนึงพูดดี เรายังจำได้
"มันแค่เรื่องที่ผ่านเข้ามา ตอนนี้เสียใจมากเดี๋ยวเวลาจะทำให้ดีขึ้น ตอนโตแกก็กลับมาขำกับมันได้ ยังมีเรื่องใหญ่กว่านี้ ชีวิตเรา"  แล้วอาการก็ค่อยๆดีขึ้น คนหลายเดือน เวลามีคนถามกูตอบได้ขำๆ ไม่ได้อะไราก แต่คำว่าธรรมศาสตร์ก็ยังแสลงใจอยู่ เวลาเห็น อ่าน ได้ยิน ก็ยังเฟลไปนิดนึง แล้วอะไรก็ไม่เท่า เพื่อนที่เรารู้จัก แอดติดสาขาเดียวกับเราที่มธ. ช่วยแรกนี่ เซงมาก แต่มันก็ดีนะ เพื่อนเราก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่ทำอะไรที่ดูเหมือนตอกย้ำ

เราคิดว่า เราอย่าตอกย้ำปมตัวเอง ถ้าไม่คิดก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวก็เลิกคิด  แล้วเดี๋ยวสุดท้าย มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าตอนเราโต เรานี่แหละเป็นคนฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเองได้ดีที่สุด


เดี๋ยวมาต่อนะคะ ไม่รู้ว่าจะได้มาต่อเมื่อไหร่ ไม่อยากบอกไว้ เพราะอาทิตย์ที่แล้วที่ไม่ได้มาต่อเลย เพราะเราไปทำงานพิเศษมาคะ 5555 หาเงินใช้

ตอนนี้เขียนไปร้องไห้ไปนะคะ 555 มันยังอยู่ในใจคะเป็นปม เล่าละเอียดก็เหมือนยิ่งขุดปมลึกลงไป

ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่มหาลัยใหม่ ว่าเจออะไรบ้าง
ขอบคุณที่ติดตามน้า ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ยาวเกิ๊น

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | (.salvation?) | 19 ก.ค. 57 23:17 น.

อ๊ากกกก จขกท.สุดยอดมากๆเลย เข้มแข็งๆ รอต่อนะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | หมีอ้วง | 12 ส.ค. 57 13:45 น.

ชอบความคิดของจขกท. มากค่ะ
อ่านแล้วตื่นเต้นตามเลย รู้สึกเศร้าตามด้วย
55555 เราบ้า

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | ดาวดวงน้อย | 10 ต.ค. 57 20:30 น.

ขอบคุณนะคะ

ที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google