พึ่งดู"the faculty โรงเรียนสยองโลก"หนังเอเลี่ยนที่เข้าท่ามาก
แล้วพวกเขาจะรับมือยังไงรวมถึงสมาชิกในกลุ่มที่ไว้ใจกันได้หรือเปล่าเรื่องไว้ใจไม่ไว้ใจทำให้อดนึกถึงเรื่อง�The Thing�ไม่ได้เลย เพราะ�The Faculty�มีองค์ประกอบที่คล้ายกัน ทั้งเรื่องเอเลี่ยนเข้าไปในตัวคนแล้วควบคุมได้อย่างอิสระ ซึ่งนั้นเองเป็นการเดินเรื่องที่น่าสนุกเหมาะในการเอาตัวรอดเป็นหลัก ทีนี้อาจจะเห็นว่าตัวละครก็เยอะใช่ย่อยการแจกบทจะสมน้ำสมเนื้อหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าแจกพอกันทุกคนจนถึงระดับแยกซีนแข่งกันเลย ทุกคนมีบทที่แตกต่างกันและเป็นเอกลักษณ์ของทุกคน ตอนแรกหนังเดินด้วยการค้นพบสิ่งมีชีวิตประหลาดในสนามหญ้า ซึ่งเคซีย์ได้เจอเขาอย่างบังเอิญแล้วส่งต่อให้อาจารย์ในห้องดู ซึ่งมันเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยพบเคยเห็น ไม่ทันไรตัวหนังเปิดเผยหน้าตาตัวเอเลี่ยนเข้าตั้งแต่เริ่มต้นจากนั้นค่อยๆส่งผลต่อไปเรื่อยๆให้เกิดเป็นเรื่องผิดปกติ เริ่มจากอาจารย์ที่ดูจะจ้องหน้าจ้องตาเหมือนจะพยายามไม่ให้คลาดสายตา หรือจะมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยสนใจกับเรื่องนอกตัว ซึ่งการดำเนินเรื่องไปเร็ว แค่เริ่มเท่านั้นหนังสามารถตีโจทย์ไปได้ไกล
สำหรับในช่วงแรกเป็นการทำความรู้จักกับเหล่าตัวละครที่มีอยู่ โดยจะไม่เสนอในรูปของกลุ่มเดียวกันแต่แยกย้ายกันไปทีละคนสองคน เพื่อเป็นเรื่องง่ายกว่าในการเรียกซีนให้โดเด่นก่อนจะรวมกันแล้วแบ่งๆทีละนิดละหน่อย จะว่าแล้วทุกคนแสดงได้ดีกันนั้นเลย ที่สำคัญคือเป็นหนังผสมวัยรุ่นด้วยโทนจึงเหมาะมากๆถ้าให้สถานที่เป็นโรงเรียน คาแรกเตอร์เองยังจัดได้ลงตัว เป็นงานแจ้งเกิดพี่โฟรโด้Elijah Wood,Jordana Brewster(นางเอก the fast)และ�Josh Hartnett�อย่างสมน้ำสมเนื้อ
Robert Rodriguez��ถือว่าทำได้ดีทีเดียวที่พี่ท่านสามารถคุมเรื่องราวแนวๆวัยรุ่นระทึกขวัญผสมเอเลี่ยนท่ามกลางกลุ่มวัยรุ่นแบบนี้ได้สนุกไหลลื่นดี สิ่งที่ได้จึงกลมกล่อมไม่นอกทาง The Faculty�เป็นหนังที่น่าสนใจเพราะความเร็วของหนังดำเนินได้ต่อเนื่อง ไม่มีอืดหรือน่าเบื่อ เนื่องจากลูกเล่นมีกันให้เรื่อยๆ แถมยังมีการถกเถียงไปมาแซวหนังโน้นนี่นั้นบ้างกันอย่างจริงจัง เช่น พวกเอเลี่ยนว่าควรจะจัดการยังไง พยายามเอาประเด็นของหนังมาลองใช้กันแบบมีเหตุมีผลส่วนเรื่องเอฟเฟคไปได้สวยแม้จะเนียนจะสุดในบ้างฉากก็คือว่าทำอารมณ์ร่วมได้เข้ากับโทนดี
และฉากที่ผมชอบมากเห็นจะเป็นฉากวัดใจกันว่าใครในกลุ่มเป็นพวกเอเลี่ยนหรือเปล่า ซึ่งวิธีพิสูจน์เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ แถมทำให้เป็นเรื่องมีหลักการใช้ในการจำกัดเอเลี่ยนได้อย่างเข้าท่า และก็อีกฉากเป็นตอนที่รับมือกับอาจารย์ในห้อง ตรงนี้ที่เป็นจุดรวมพลของตัวละครเข้ามาเป็นกลุ่มอย่างไม่ตั้งใจ และเกิดรู้เรื่องรู้ราวด้วยกันทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้เยอะ เพราะต่างคนก็เห็นกันมาเต็มตาว่าเจออะไรกัน ที่สำคัญคือหนังใช้ตัวละครได้คุ้มค่ามาก ไม่จำเป็นไปซะทั้งหมดหรอกว่าทุกคนจะต้องรอดเงื้อมมือจากเอเลี่ยน ฉะนั้นตรงนี้ที่หนังมีเสน่ห์ ใครหายไปไหนกลับมาอีกทีต้องระวังตัวกันหน่อย�
แต่น่าเสียดานหน่อยตรงที่ตอนจบทำได้ง่ายไปหน่อย เล่นทำลุ้นมาตั้งแต่ต้นเสียตอนจบที่ยังลุ้นไม่มากพอ อุตส่าห์เจอเอเลี่ยนตัวใหญ่แล้วเชียว ความจริงอารมณ์ในตอนจบถ้าทำให้ยืดยาวอีกหน่อยน่าจะดี เพราะหนังทำหักมุมช่วงท้ายได้ดีแต่ก็ช้าไปอีกจนเริ่มตะหงิดความเข้าใจของพวกเอเลี่ยนแล้วว่าจะเก็บพวกนี้เอาไว้ทำไม ทั้งที่จริงมีโอกาสจัดการได้ง่ายเหมือนกัน บางทีหนังอาจต้องการให้พวกเอเลี่ยนใช้แผนล่อคนในกลุ่มออกมาทีละคน ซึ่งในตอนท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เอเลี่ยนตัวใหญ่ปรากฏกลายทันทีตอนที่เหลือสโตคลี่ย์ ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มไปทีละคน บางเป็นพวกเอเลี่ยนบางวิ่งตามหายามาจัดการเอเลี่ยนตัวแม่เพราะคิดว่าถ้าจัดการตัวใหญ่ได้ทุกตัวก็จะตายตัวหนังเองไม่ได้ถึงขั้นว่าจะเป็นหนังสยองเพราะฉากเลือดหรือความน่าแหวะนั้นไม่มี(แต่บางทีก็มีเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้น) อย่างตอนที่รับมืออาจารย์ที่เป็นพวกเอเลี่ยนความจริงตรงนั้นน่าจะเป็นฉากที่น่าจะนองเลือดเพราะไหนจะนิ้วขาด ปากกาปักลูกตา พวกนี้ไม่มีเลือดเลย หนังจึงมีโทนที่ไม่น่ากลัวหรือน่าแหวะอย่างที่เป็น ฉะนั้นดูได้โดยไม่ต้องเกร็ง
จัดว่าเป็นหนังที่ดูสนุกและเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ด้วยอารมณ์กลิ่นอายแบบวัยรุ่นวัยเรียนที่กำลังนิยมในหนังสมัยนั้น จะว่าอีกอย่างหนังสามารถสร้างความลึกลับและน่าค้นหาได้ดี ตัวละครในเรื่องเองมีความคิดและทักษะการอาตัวรอดที่ไม่น่าบ่นน่าเบื่อ แม้การดำเนินจะตรงสูตรว่าง่ายเริ่มจากปูทำความเข้าตัวละคร เจอเรื่องประหลาดแล้วพบว่าเป็นเอเลี่ยน ระหว่างนั้นเจอวิธีกำจัดด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง และสรุปด้วยการร่วมมือกำจัดเอเลี่ยนให้สิ้นซาก หนังมีความบกพร่องเรื่องเนื้อหาเพราะไม่รู้ว่าเอเลี่ยนพวกนี้มาได้ยังไง แต่หนังให้ประเด็นและคลี่คลายได้เข้ากับโอกาสที่เป็น เช่น สแตนที่เดิมทีเป็นนักกีฬาสามารถใช้ทักษะตรงนี้ไปต่อมหาลัยได้โดยง่าย ซึ่งในความคิดของสแตนคืออยากลองในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดดูบ้าง ซึ่งนั้นคือการเรียน ทีนี้จังหวะเหมาะที่หนังทำคือให้สแตนออกจากชมรมกีฬา แล้วเผอิญพวกที่เป็นเอเลี่ยนชิงลงมือพวกนักกีฬาก่อนพอดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจอีกอย่างแล้วว่าสแตนรอดจากเอเลี่ยนเพราะเบื่อเล่นกีฬาหรือมาหาเหยื่อหรือเปล่า อีกคนซีคที่หลายคนทั้งผู้ชมคงมองว่าตัวละครนี้อาจเป็นพวกชอบอวดปีกกล้าขาแข็งและขายยาด้วย ทั้งที่อันที่จริงคนๆนี้มีของดีซ่อนเอาไว้ที่บ้าน และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กหัวดีที่เก่งขนาดนั้นได้ แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้กับหนังเรื่องนี้ที่บางคนอาจคิดว่า�
ตอนแรกคิดว่า Josh Hartnett�ต้องเล่นเป็นพระเอกแน่ๆเห็นหน้าปกหนังเด่นเชียว(แต่ในหนังก็เด่นนะ)คิดว่าเป็นคนกำจัดเอเลี่ยนได้ แต่เปล่าไม่ใช่เลย�จัดว่าดูสนุกและเพลินดีแถมทุกอย่างดูจะลงตัวไปเกือบหมดตั้งแต่นักแสดงยันคาแรกเตอร์ เพราะนอกจากหนังจะระทึกขวัญแล้วยังมีความมันส์ในการไล่ล่าอีกด้วย ซึ่งตัวหนังเองไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนด้วยซ้ำ ฉะนั้นการล่าเอเลี่ยนจัดว่าเหนื่อยและแทบไม่หยุดพักกันเลย
ปล.ใครที่ยังไม่ได้ดูแนะนำเลยคับ ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาดหนังที่สนุกขนาดนี้ได้งัยก่อนหน้านี้
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จำได้เรื่องนี้ดูมานานมากกกกกกกกกแล้ว ฉากเปิดเรื่องทำได้หลอนมากๆ (สมัยนั้น)
ชอบ Jordana Brewster จากเรื่องนี้แหละ นางสวยดี ขนาดมีตัวเชื้อราไต่บนหน้านางยังสวย
สมัยนั้นเราดูแล้วสนุกดีนะ ตื่นเต้นดี ไม่รู้ถ้าหยิบมาดูอีกจะให้ความรู้สึกเหมือนเดินไหม
เรื่องนี้ดูหลายรอบมากเลยยย5555 สนุกอ่ะดูตั้งแต่เด็กๆแล้วอ่ะ แต่น่ากลัวอ่ะ สนุกมากกแนะนำๆๆๆ
เป็นหนังรวมดาราที่ทุกวันนี้ดังสนั่นแล้ว แต่ตอนนั้นยังโนเนมอยู่
โรเบิร์ต แพทริค - จริงๆ ตอนนั้นก็ดังแล้ว จากบทหุ่นสังหาร T 1000 ใน Terminator 2 (ถ้าสมมติผมได้เล่นหนังฮอลลี่วู้ดสักเรื่อง ผมอยากเล่นบทนี้มากที่สุดเลย)
เฟลม เจนเซ่น - บทน้อยมากในเรื่อง แต่ตอนนี้ดังเป็นพลุหลังจากรับบทเป็นจีน เกรย์ สาวสวยพลังจิต จากมหากาพย์ X-Men
อีไลจาห์ วู้ด - หนุ่มหน้าเหวอพิทักษ์โลก ตอนนั้นยังวัยทีนอยู่ มาตอนนี้ดังจากบทฮอบบิทหน้าใสโฟรโด้ ในไตรภาค The Lord of the Ring
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google