เบน ทำหน้าที่ลูก ร้องเพลงรักษาแม่ หมดกว่า 10 ล้าน
SZ News
9 ก.ย. 57 16:41 น. /
ดู 415 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องเสียงคุณภาพที่หาตัวจับยากอีกคนหนึ่งของเมืองไทย สำหรับ "เบน - ชลาทิศ ตันติวุฒิ" แต่ที่ถูกจับตามองไม่น้อยนั้นก็คือการเปิดตัวคบหากับแฟนหนุ่ม "จิงโจ้" อย่างเปิดเผยจนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนพูดถึง อีกมุมหนึ่งของชีวิตที่น่าสนใจ คือ ความเป็นลูกกตัญญูของผู้ชายคนนี้ ที่ทำงานหนักหาเงินรักษาคุณแม่ที่ล้มป่วยเป็นมะเร็งในระยะที่ 4 ใช้เงินไปกว่า 10 ล้านบาท
มีคนบอกกันว่าช่วงหลังๆ เบน ร้องเพลงขึ้นเวทีทีไรของใช้ประกอบจะเยอะ ?
"จริงๆ ต้องแก้ตัวก่อนว่า ที่บอกว่าฉายา ผู้ชายอบอุ่น นะ ไม่ได้มาจากอะไรหรอก มาจากเราตัวใหญ่ ใครมาอยู่ใก้ลๆ ก็อุ่นไปหมดนะ เรื่องลีลาเยอะ ผมว่ามันก็เป็นธรรมชาติของนักร้อง เวลาเราจะร้องเพลงอะไร เราก็ต้องเป็นคนที่เราถ่ายทอดอยู่ จริงๆ ก็อยู่ที่จุดมุ่งหมายของเรานะ ว่าเราเต็มที่กับสิ่งที่เรากำลังจะทำนะ คนดูก็จะรู้สึกได้ ถ้าเกิดมันมาจากความจริงใจของเรา ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ชินไปเองแหละครับ"
รู้สึกสบายใจขึ้นไหม เพราะเราไม่ต้องระมัดระวังตัว ?
"ผมก็จะบอกว่าจริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยระวังตัวตั้งแต่เริ่มเข้าวงการร้องเพลง ด้วยเพลงเมื่อ 10 ปีที่แล้วมันก็เป็นรูปแบบของมัน เราก็จะสื่อออกมานอกเหนือจากนั้นไม่ได้ มันโดนล็อกด้วยคาแรกเตอร์ของเพลง ใครที่ติดตามผม ฟังเพลงผม ได้ดูคอนเสิร์ตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็จะรู้นะว่า อีเบน เป็นตุ๊ดนะ ไม่ต้องแก้ข่าวไม่ต้องอะไรอยู่แล้ว แต่พอ ณ วันหนึ่งมีคนมาถามว่าเบนชอบแบบไหน ผมก็พูดก็เลยกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มันก็มีความคาดหวังว่าสิ่งที่คิดไว้เป็นจริงนะ แต่ในความรู้สึกเรา คือเราไม่เคยปิดไง แต่คนไม่รู้"
เสียใจ แต่ไม่แคร์ คือ เพลงที่หลายคนบอกว่าเราใช้เปิดตัว ?
"ทุกคนก็คงเป็นเหมือนกันเราเล่นเฟซบุ๊กอะ แล้วมีแต่เพลงนี้ มีแต่น้องก้อง (ปฏิพล พันทวี) ที่ออกมาคัฟเวอร์ เราดูแล้วก็รู้สึกมีความสุขมาก วันรุ่งขึ้นผมก็เอาเลยทำบ้าง ถอดเสื้อวางมือถือ แล้วก็แกะเนื้อเพลง ทำตามแล้วก็โพสต์ลงไป กระแสตอบรับกลับมาเหนือความคาดหมาย"
อย่างที่เบนบอกว่าไม่เคยปิด แต่พอเหมือนคนรู้เรื่องแล้ว เรารู้สึกอึดอัดไหม ?
"ไม่เลย ไม่อึดอัดเลย เพราะว่าผมคุยกับครอบครัวเสมอว่า วันหนึ่งคนต้องยอมรับเราในสิ่งที่เราเป็นนะ ถ้าเกิดเราเสแสร้งตั้งแต่แรก แล้วบอกว่าเราไม่ใช่ เราก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน เราจริงใจกับตัวเองและแฟนเพลง"
วันหนึ่งหลายคนก็หวั่นว่าเบนจะแต่งหญิง ?
"ไม่ๆๆ ผมรู้ว่าผมเป็นเพศอะไร ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร และก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้หญิง บางครั้งการขึ้นคอนเสิร์ตหรือการทำโชว์ก็ต้องทำให้เยอะกว่าสิ่งที่เราเป็น ต้องไปให้ถึงสิ่งที่คนดูเขารอคอย"
วันนี้เบนมีความสุขกับชีวิตไหม ?
"ผมมีความสุขมาตลอด ถึงแม้ช่วงที่มีปัญหากับชีวิต ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าพื้นฐานผมมีความสุข เรื่องงานหนัง ละคร ถ้ามีโอกาสก็จะเล่น ผมไม่เคยปฏิเสธ เพราะถือเป็นความท้าทาย ผมมีโอกาสได้เล่นละครเวทีหลายเรื่อง"
ได้ข่าวเบนมีคนดูแลชีวิตแล้วเหรอ ?
"มีมาตลอดแหละครับไม่เคยขาด คือ จิงโจ้ เขามาเที่ยวบ้านเรา มากับแก๊งเพื่อนๆ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะจัดปาร์ตี้บ่อย อย่างตอนนี้ไปไหนมาไหนเขาก็จะไปเป็นเพื่อนตลอด คือเวลาผมมีแฟน เราก็อยากอยู่ด้วยกัน แฟนผมเขาเป็นคนชอบร้องเพลงนะ แต่ไม่ร้องให้คนอื่นฟัง เรื่องความหวาน ผมเองเป็นคนไม่ชอบเซอร์ไพรส์ แต่ว่าผมหอมแก้มกันทุกวัน เวลาออกไปที่สาธารณะ ถ้าเกิดว่ามันซีเรียสอะไรผมก็ทำเหมือนอยู่บ้าน ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าอยู่บ้านยังไง ก็อยากจะใช้ชีวิตข้างนอกแบบนั้น"
วางแผนชีวิตคู่ไว้ยังไงบ้าง ?
"คือผมเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ผมมีความสุขกับทุกวันนี้ ผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำมา และผมก็มีความสุขกับแฟนคนนี้ ผมมีความสุขกับงานตอนนี้ ผมไม่ได้วางว่าอีก 2 ปี จะต้องแต่งงาน ผมจะทำเมื่อโอกาสมันพร้อม แค่วันนี้เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ ผมกับแฟนอยู่กับแบบผู้ชายจริงๆ เป็นคนรักกัน หึงหวงเชื่อว่าทุกคนมี มันเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ที่จะต้องหวงของที่ตัวเองรัก แต่ทุกวันนี้เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ"
ถึงตอนนี้คิดจะมีลูกด้วยกันไหม ?
"ผมเคยวางแผนด้วยกัน และเชื่อว่าหลายคนก็เคยได้ยินข่าว เพราะว่าตอนนั้นอยากมีลูกจริงๆ แต่ตอนนี้กฎหมายเมืองไทยยังไม่ยอมรับเรื่องการอุ้มบุญ แต่เห็นข่าวว่าผู้ชายท้องได้แล้วนะ แต่อ่านไปอ่านขอวิจัยอีก 20 ปีขั้นต่ำ ตอนนั้นก็ไม่อยู่แล้วมั้ง เรื่องจดทะเบียนสมรส เมืองไทยจดได้เหรอ ถึงวันนั้นถ้าผมกับแฟนมีความสุขกันอยู่อะไรก็เป็นไปได้ครับ"
เห็นบอกว่าตอนนี้คุณแม่ไม่ค่อยสบาย ?
"คุณแม่เป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 ตอนนี้อาการดีมาก คือคุณแม่ไปติดวัณโรคมาจากเด็กข้างบ้าน ก็เป็นวัณโรคมา 2 ปี พอปีที่ 3 หมอบอกว่าเป็นโรคร้าย พอเริ่มเป็นมะเร็งก็เริ่มรักษากับหมอคนเดิม แต่อาการไม่ดีขึ้น จนคอนเสิร์ตผมคุณแม่อาการหนักมาก เราก็เลยพาคุณแม่ไปตรวจอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ได้รับคำตอบว่ามันเป็นระยะที่ 4 กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ไปถึงสมองแล้ว ซึ่งถ้ามาช้ากว่า 2-3 อาทิตย์ คุณแม่น่าจะไป ซึ่งคุณแม่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้ให้คีโมไปครั้งที่ 12 แล้ว น่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วตรวจร่างกายใหม่อีกทีนึง เราจะไปเยี่ยมแม่เท่าที่มีโอกาสจะไปได้ บอกเลยตอนนี้ไปไม่บ่อย เพราะว่าต้องทำงานทุกวัน แต่มีคนที่บ้านอยู่กับคุณแม่ตลอด และเราก็โทรศัพท์คุยกันทุกเช้า แล้วคุณแม่จะส่งไลน์คุยกับเรา เบนก็สนิทกับแม่นะ ครอบครัวเราก็มีแค่นี้ มีแม่ มีน้า มีน้อง ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ ผมไม่เคยมองว่ามันสูงหรือว่ามันอะไร มันอยู่ในกำลังที่เราสามารถทำได้เราก็จะทำ ตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้วที่คุณแม่เป็นหนักถึงตอนนี้ก็ 10 ล้าน เท่าที่ชีวิตผมมีผมก็ให้คุณแม่ ถ้าเราทำได้เราก็ทำ"
ถ้าเกิดวันหนึ่งงานไม่เยอะขนาดนี้แล้วไม่มีเงินรักษาแม่เบนจะทำยังไง ?
"ก็หวังว่าแม่จะหายก่อน ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อย แต่ไม่ท้อและมีความสุข มีความสุขทุกๆ ครั้งที่ทำงาน แม่ก็จะคอยถามกินข้าวหรือยัง ดูแลสุขภาพนะ ผมให้กำลังใจแม่ตลอด แม่จะชอบเครียดเรื่องที่บ้าน แม่ใจสู้มาก คุณหมอก็สู้"
"จริงๆ ต้องแก้ตัวก่อนว่า ที่บอกว่าฉายา ผู้ชายอบอุ่น นะ ไม่ได้มาจากอะไรหรอก มาจากเราตัวใหญ่ ใครมาอยู่ใก้ลๆ ก็อุ่นไปหมดนะ เรื่องลีลาเยอะ ผมว่ามันก็เป็นธรรมชาติของนักร้อง เวลาเราจะร้องเพลงอะไร เราก็ต้องเป็นคนที่เราถ่ายทอดอยู่ จริงๆ ก็อยู่ที่จุดมุ่งหมายของเรานะ ว่าเราเต็มที่กับสิ่งที่เรากำลังจะทำนะ คนดูก็จะรู้สึกได้ ถ้าเกิดมันมาจากความจริงใจของเรา ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ชินไปเองแหละครับ"
รู้สึกสบายใจขึ้นไหม เพราะเราไม่ต้องระมัดระวังตัว ?
"ผมก็จะบอกว่าจริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยระวังตัวตั้งแต่เริ่มเข้าวงการร้องเพลง ด้วยเพลงเมื่อ 10 ปีที่แล้วมันก็เป็นรูปแบบของมัน เราก็จะสื่อออกมานอกเหนือจากนั้นไม่ได้ มันโดนล็อกด้วยคาแรกเตอร์ของเพลง ใครที่ติดตามผม ฟังเพลงผม ได้ดูคอนเสิร์ตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็จะรู้นะว่า อีเบน เป็นตุ๊ดนะ ไม่ต้องแก้ข่าวไม่ต้องอะไรอยู่แล้ว แต่พอ ณ วันหนึ่งมีคนมาถามว่าเบนชอบแบบไหน ผมก็พูดก็เลยกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มันก็มีความคาดหวังว่าสิ่งที่คิดไว้เป็นจริงนะ แต่ในความรู้สึกเรา คือเราไม่เคยปิดไง แต่คนไม่รู้"
เสียใจ แต่ไม่แคร์ คือ เพลงที่หลายคนบอกว่าเราใช้เปิดตัว ?
"ทุกคนก็คงเป็นเหมือนกันเราเล่นเฟซบุ๊กอะ แล้วมีแต่เพลงนี้ มีแต่น้องก้อง (ปฏิพล พันทวี) ที่ออกมาคัฟเวอร์ เราดูแล้วก็รู้สึกมีความสุขมาก วันรุ่งขึ้นผมก็เอาเลยทำบ้าง ถอดเสื้อวางมือถือ แล้วก็แกะเนื้อเพลง ทำตามแล้วก็โพสต์ลงไป กระแสตอบรับกลับมาเหนือความคาดหมาย"
อย่างที่เบนบอกว่าไม่เคยปิด แต่พอเหมือนคนรู้เรื่องแล้ว เรารู้สึกอึดอัดไหม ?
"ไม่เลย ไม่อึดอัดเลย เพราะว่าผมคุยกับครอบครัวเสมอว่า วันหนึ่งคนต้องยอมรับเราในสิ่งที่เราเป็นนะ ถ้าเกิดเราเสแสร้งตั้งแต่แรก แล้วบอกว่าเราไม่ใช่ เราก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน เราจริงใจกับตัวเองและแฟนเพลง"
วันหนึ่งหลายคนก็หวั่นว่าเบนจะแต่งหญิง ?
"ไม่ๆๆ ผมรู้ว่าผมเป็นเพศอะไร ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร และก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้หญิง บางครั้งการขึ้นคอนเสิร์ตหรือการทำโชว์ก็ต้องทำให้เยอะกว่าสิ่งที่เราเป็น ต้องไปให้ถึงสิ่งที่คนดูเขารอคอย"
วันนี้เบนมีความสุขกับชีวิตไหม ?
"ผมมีความสุขมาตลอด ถึงแม้ช่วงที่มีปัญหากับชีวิต ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าพื้นฐานผมมีความสุข เรื่องงานหนัง ละคร ถ้ามีโอกาสก็จะเล่น ผมไม่เคยปฏิเสธ เพราะถือเป็นความท้าทาย ผมมีโอกาสได้เล่นละครเวทีหลายเรื่อง"
ได้ข่าวเบนมีคนดูแลชีวิตแล้วเหรอ ?
"มีมาตลอดแหละครับไม่เคยขาด คือ จิงโจ้ เขามาเที่ยวบ้านเรา มากับแก๊งเพื่อนๆ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะจัดปาร์ตี้บ่อย อย่างตอนนี้ไปไหนมาไหนเขาก็จะไปเป็นเพื่อนตลอด คือเวลาผมมีแฟน เราก็อยากอยู่ด้วยกัน แฟนผมเขาเป็นคนชอบร้องเพลงนะ แต่ไม่ร้องให้คนอื่นฟัง เรื่องความหวาน ผมเองเป็นคนไม่ชอบเซอร์ไพรส์ แต่ว่าผมหอมแก้มกันทุกวัน เวลาออกไปที่สาธารณะ ถ้าเกิดว่ามันซีเรียสอะไรผมก็ทำเหมือนอยู่บ้าน ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าอยู่บ้านยังไง ก็อยากจะใช้ชีวิตข้างนอกแบบนั้น"
วางแผนชีวิตคู่ไว้ยังไงบ้าง ?
"คือผมเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ผมมีความสุขกับทุกวันนี้ ผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำมา และผมก็มีความสุขกับแฟนคนนี้ ผมมีความสุขกับงานตอนนี้ ผมไม่ได้วางว่าอีก 2 ปี จะต้องแต่งงาน ผมจะทำเมื่อโอกาสมันพร้อม แค่วันนี้เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ ผมกับแฟนอยู่กับแบบผู้ชายจริงๆ เป็นคนรักกัน หึงหวงเชื่อว่าทุกคนมี มันเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ที่จะต้องหวงของที่ตัวเองรัก แต่ทุกวันนี้เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ"
ถึงตอนนี้คิดจะมีลูกด้วยกันไหม ?
"ผมเคยวางแผนด้วยกัน และเชื่อว่าหลายคนก็เคยได้ยินข่าว เพราะว่าตอนนั้นอยากมีลูกจริงๆ แต่ตอนนี้กฎหมายเมืองไทยยังไม่ยอมรับเรื่องการอุ้มบุญ แต่เห็นข่าวว่าผู้ชายท้องได้แล้วนะ แต่อ่านไปอ่านขอวิจัยอีก 20 ปีขั้นต่ำ ตอนนั้นก็ไม่อยู่แล้วมั้ง เรื่องจดทะเบียนสมรส เมืองไทยจดได้เหรอ ถึงวันนั้นถ้าผมกับแฟนมีความสุขกันอยู่อะไรก็เป็นไปได้ครับ"
เห็นบอกว่าตอนนี้คุณแม่ไม่ค่อยสบาย ?
"คุณแม่เป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 ตอนนี้อาการดีมาก คือคุณแม่ไปติดวัณโรคมาจากเด็กข้างบ้าน ก็เป็นวัณโรคมา 2 ปี พอปีที่ 3 หมอบอกว่าเป็นโรคร้าย พอเริ่มเป็นมะเร็งก็เริ่มรักษากับหมอคนเดิม แต่อาการไม่ดีขึ้น จนคอนเสิร์ตผมคุณแม่อาการหนักมาก เราก็เลยพาคุณแม่ไปตรวจอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ได้รับคำตอบว่ามันเป็นระยะที่ 4 กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ไปถึงสมองแล้ว ซึ่งถ้ามาช้ากว่า 2-3 อาทิตย์ คุณแม่น่าจะไป ซึ่งคุณแม่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้ให้คีโมไปครั้งที่ 12 แล้ว น่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วตรวจร่างกายใหม่อีกทีนึง เราจะไปเยี่ยมแม่เท่าที่มีโอกาสจะไปได้ บอกเลยตอนนี้ไปไม่บ่อย เพราะว่าต้องทำงานทุกวัน แต่มีคนที่บ้านอยู่กับคุณแม่ตลอด และเราก็โทรศัพท์คุยกันทุกเช้า แล้วคุณแม่จะส่งไลน์คุยกับเรา เบนก็สนิทกับแม่นะ ครอบครัวเราก็มีแค่นี้ มีแม่ มีน้า มีน้อง ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ ผมไม่เคยมองว่ามันสูงหรือว่ามันอะไร มันอยู่ในกำลังที่เราสามารถทำได้เราก็จะทำ ตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้วที่คุณแม่เป็นหนักถึงตอนนี้ก็ 10 ล้าน เท่าที่ชีวิตผมมีผมก็ให้คุณแม่ ถ้าเราทำได้เราก็ทำ"
ถ้าเกิดวันหนึ่งงานไม่เยอะขนาดนี้แล้วไม่มีเงินรักษาแม่เบนจะทำยังไง ?
"ก็หวังว่าแม่จะหายก่อน ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อย แต่ไม่ท้อและมีความสุข มีความสุขทุกๆ ครั้งที่ทำงาน แม่ก็จะคอยถามกินข้าวหรือยัง ดูแลสุขภาพนะ ผมให้กำลังใจแม่ตลอด แม่จะชอบเครียดเรื่องที่บ้าน แม่ใจสู้มาก คุณหมอก็สู้"
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google