คอม..อืด เครื่องช้า เน็ตหลุดบ่อย มีวิธีแก้ง่ายๆ

11 ต.ค. 57 09:07 น. / ดู 832 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
วิธีลบไฟล์ขยะ เพิ่มความเร็วคอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆ
ชมวีดีโอแนะนำ   http://www.youtube.com/watch?v=QBtZiqhUMSk

สำหรับคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานทุกวัน เครื่องช้า เครื่องอืด เครื่องรวนบ่อย อินเตอร์เน็ตอืดเป็นเต่า.. Virus หรือ Spyware ต่างๆ ก็มีส่วน อันนี้ไม่เถียง แต่ปัญหาต่างๆเรานี้เราอย่างเพิ่งมองไปถึงขนาดนั้นเลยดีกว่า ในเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรามีโปรแกรมแสกนไวรัสตัวเจ๋ง! ติดตั้งเอาไว้แล้ว เรามาลองทำความสะอาดระบบด้วยการลบไฟล์ขยะต่างๆที่ตกค้างอยู่ในเครื่องออกก่อนดีกว่ามั๊ย? เพื่อให้เครื่องสะอาด มีเสถียรภาพ และที่สำคัญคอมพิวเตอร์ของเราจะทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งเทคนิคนี้ผมได้ทดลองทำแล้ว และยังถือว่าเป็นกฎขั้นพื้นฐานในการดูแลคอมพิวเตอร์นอกเหนือจากการใช้คำสั่ง Defragmenter คำสั่ง Check Disk และการทำ Disk Cleanup โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Windows xp วิธีที่ผมจะแนะนำนี้เป็นการเพิ่มสปีดให้กับคอมพิวเตอร์ของเราด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ต้องลงโปรแกรมเสริมแต่อย่างใด หลักๆก็มีอยู่ 4 Step ดังนี้ครับ

Step 1 เป็นการลบไฟล์ขยะที่อยู่ในโฟลเดอร์ Prefetch แต่ก่อนอื่นต้องขออธิบายให้ฟังคร่าวๆก่อนนะครับว่า ในการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปในแต่ละวันของเรานั้น คอมพิวเตอร์ของเราก็จะบันทึกไฟล์เก็บไว้ใช้งานครั้งต่อไป..นัยน์ว่า..คราวหน้าจะทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น  แต่กลับมีผลเสียก็คือ เครื่องจะบันทึกไฟล์ไว้เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีการลบออกถึงแม้ว่าไฟล์ดังกล่าวจะไม่ได้ใช้งานอีกก็ตาม  ซึ่งบางท่านอาจจะมีข้อโต้แย้งว่า “จะกลัวอะไรในเมื่อเรามีแรมมากกว่า 2 GB..แค่เรื่องจิ๊บๆ”..แต่อย่าลืมนะครับว่า ไฟล์ต่างๆที่ไม่ค่อยได้ใช้หรือไม่ได้ใช้งานอีกแล้วมันคือไฟล์ขยะที่ตกค้างอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งจะอยู่ใน C:\windows\prefetch  นั่นเองครับ เราจะเก็บไว้ให้หนักเครื่องและเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ทำไมล่ะ..? จัดการมันออกไปซะเลยไม่ดีกว่าหรือ..? โดยไปที่ไดรว์ C > windows > prefetch  จากนั้นก็กดปุ่ม Ctrl + A (เลือกทั้งหมด) แล้วกด Shift + Delete ที่อยู่บนคีย์บอร์ด เพื่อให้ลบแบบถาวร แล้วกด Yes เพื่อยืนยันการลบเป็นอันจบ ซึ่งเราสามารถลบไฟล์ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ Prefetch นี้ได้ทั้งหมด โดยไม่มีผลเสียต่อเครื่องนะครับ

Step 2 เป็นการลบไฟล์ขยะที่อยู่ในโฟลเดอร์ Temp ซึ่งเป็นพื้นที่จำลองที่โปรแกรมต่าง ๆ สร้างขึ้นเป็นไฟล์ชั่วคราว ถูกเก็บอยู่ในไดรว์  C > Documents and Settings > Administrator > Local Setting > temp โดยไปที่ Start > run > พิมพ์คำสั่ง %Temp% ลงไปแล้วกด Ok หรือ Enter จะปรากฏหน้าต่างใหม่ขึ้นมา จากนั้นให้เราทำการลบไฟล์ที่อยู่ในนั้นให้หมดตามวิธีการเหมือนในขั้นตอนที่ 1 ซึ่งเป็นไฟล์ที่ไม่จำเป็น และไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องของเราครับ  แต่สำหรับบางไฟล์ถ้าเราลบไม่ได้ ซึ่งอาจจะยังถูกใช้งานอยู่  ก็เอาไว้ลบทีหลังก็ไม่เป็นไร

Step 3 เป็นการลบไฟล์ขยะประเภทไฟล์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ทำให้เครื่องช้าและรวนเสียเปล่า  คือไฟล์ที่มีนามสกุล .tmp .old .bak .chk .htt อะไรประมาณนี้ครับ วิธีลบให้เราไปที่ Start > Search  คลิกที่ All file and folders  พิมพ์คำสั่ง .tmp;.old;*.bak;*.chk  ลงในช่อง All file and folders (ช่องแรก) คลิกปุ่ม Search  รอให้โปรแกรมค้นหาเสร็จ ก็กดปุ่ม Ctrl+A (ให้เลือกทั้งหมด) แล้วกด Shift+Delete (ให้ลบแบบถาวร) จากนั้นก็กด Yes เพื่อยืนยันการลบ ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

Step 4 เป็นการปรับค่าใน System Restore  เพื่อให้ทำการผลิตขยะน้อยลง เพราะตามปกติ Windows xp จะกันพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ โดยกันเป็นร้อยละประมาณ 15 – 20 %  ยิ่งถ้า HDD ของเรามีขนาดใหญ่ System Restore ตรงนี้ก็จะกันไว้มากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นสักเท่าไหร่นัก..ว่าอย่างผมมั๊ย? แนะนำให้ปรับลดลงเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์อย่างอื่นดีกว่า โดยคลิกขวาที่ My computer > Properties จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา คลิกที่แถบ System Restore เลือก C แล้วกด Setting จากนั้นก็ปรับให้เหลือสัก 4 - 5% ก็พอ เสร็จแล้วกด Ok หรือ Enter ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

ที่นี้เรามาลอง Restart เครื่องใหม่แล้วเปิดใช้งานตามปกติ ไม่ว่าจะเปิดโปรแกรมต่างๆ ต่อเน็ต หรืออะไรก็ตามแต่ คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง..ซึ่งขั้นตอนต่างๆทั้งหมดนี้ผมมีวีดีโอแนะนำมาฝาก พร้อมคำบรรยายอย่างละเอียด มีตัวหนังสืออธิบายประกอบคุณสามารถทำตามได้เลยครับ..โดยไปที่
แก้ไขล่าสุด 11 ต.ค. 57 09:07 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google