แจง วราพรรณ สู้มะเร็งกว่า 5 ปี เตือนอย่าประมาท

24 ต.ค. 57 16:10 น. / ดู 739 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
การไม่โรคเป็นลาภอันประเสริฐ ประโยคนี้ได้ใช้ได้ดีกับทุกชีวิต รวมไปถึงนักแสดงมากความสามารถ "แจง - วราพรรณ หงุ่ยตระกูล" ที่รู้ซึ้งหลังจากสู้กับโรคมะเร็งร้ายมากว่า 5 ปี ถึงขึ้นต้องตัดเต้านมทิ้ง โดยแจง ขอเปิดใจถึงเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นว่า
แจงทราบได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง

"เราเป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยๆ คิดว่าตัวเองแข็งแรง 5 ปีที่แล้วก็ตรวจสุขภาพทั่วไป ขั้นต้นก็ไม่เจอ จนเรามีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย ตรงเต้านมแล้วก็เป็นก้อน ก็คิดไปเองว่าคงเดินชนอะไรจนช้ำ ตอนแรกก็จะรอให้หายเอง เราใช้ชีวิตค่อนข้างประมาทเหมือนกัน เรารู้ว่ามีก้อนเนื้อ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะคอขาดบาดตาย จนต้นปี 52 เจ็บมากก็เลยไปตรวจอย่างจริงๆ จังๆ พบว่าเป็นเนื้อร้าย หมอนั่งกุมขมับ เราก็เริ่มสงสัยก็ถามหมอไปว่าผลออกมาไม่ดีใช่ไหมคะ หมอก็ตอบแค่ค่ะๆ"

การที่ถามหมอไปว่าเป็นมะเร็งใช่ไหม เพราะเราต้องการคำตอบว่าไม่ใช่หรือเปล่า

"เราเองไม่ได้คิดอะไร ขอแค่ว่าฟันธงมาเถอะ เพราะเราก็ไม่ชอบอยู่กับความอึมครึม จริงๆ บรรยากาศก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเราไม่สบาย เป็นโรคร้ายแน่ๆ แรกสุดที่รู้คำตอบคือเราดีใจแล้ว สองคิดว่างานเข้า ต้นปีเลย ไม่เป็นไรก็คุยกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอน่ารักมาก รีบกำลังใจเลยว่ารักษาหาย ตอนนั้นเราเป็นมะเร็งขั้นที่ 2 เช็กจากขนาดของเนื้อร้าย"

พอรู้ว่าตัวเองเป็นจริงๆ ก็ต้องศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังใช่ไหม

"คือ เราพอรู้มาบ้างแล้ว แต่จริงๆ คนที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม บางครั้งก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเต้านม อาจจะเป็นแค่ก้อนเนื้อ แต่ก็สามารถเป็นมะเร็งได้ ถ้าเมื่อไรที่เจอก้อนเนื้อก็ควรไปตรวจ อาจจะแก้ไขอะไรได้เร็วขึ้น ซึ่งผู้ชายก็สามารถเป็นได้"

ตอนหมอบอกเราแอบคิดไหมว่าทำไมเราตายเร็วอย่างนี้

"ขนาดที่รู้ว่าเป็นนี่ ไม่ใช่ว่าเราจะตายตรงนั้น แค่รู้สึกว่างานเข้า คน 10 คนเป็นได้ 1 คนหรือ 2 คน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราก็เป็นไปได้ ใครก็ได้ พอเป็นก็ไม่ได้กลัวตายขนาดนั้น แต่คิดว่าเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว คำว่ามะเร็งที่เรารู้กัน คือเป็นแล้วต้องตาย หรือว่าหายได้ มันคาบเส้นคาบดอกมาก ตอนนั้นคิดว่าเวลาเราเหลือน้อยแล้ว เวลาเป็นสิ่งสำคัญ เราเห็นคุณค่าของเวลาที่เหลือ"

ตอนที่ฟังผลสามีอยู่ด้วยกันหรือเปล่า

"ตอนไปฟังก็บอกเขาว่าไปด้วยกันขี้เกียจเล่า เราอยากให้เขารู้ไปพร้อมกับเรา หลังจากทราบผลหมอก็บอกเรื่องการรักษา แต่เรายังมีงานก็เลยไปรักษาช้ากว่ากำหนด 2 - 3 วัน ตอนนั้นมีงานอีเวนต์ใหญ่ที่พัทยา ซึ่งเราเป็นเจ้าของบริษัทเราก็คิดว่าเราต้องไป หลังเสร็จงานก็เข้าโรงพยาบาลแล้วผ่าตัดเลย หมอถามว่าถ้าผ่าตัดจะตัดออกให้หมดไหม เราก็บอกว่าไหนๆ ก็ผ่าแล้วก็ตัดออกให้หมด จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ 5 ปีกว่า"

เห็นบอกว่าใช้ธรรมะช่วย

"เราเคยไปศึกษาธรรมะมา ตอนที่ไปคุมงานอีเวนต์ที่พัทยา มันเหมือนว่างคิดไปเรื่อยก็ใช้ธรรมะกำหนดรู้ไป ว่ามันฟุ้งนะ อยู่กับปัจจุบัน พอไม่มีไรทำมากๆ ก็แผ่เมตตาเจ้ากรรมนายเวร เท่าที่เราทำได้ อะไรที่ทำไม่ดีกับใครก็พูดไป"

ปัจจุบันนี้เราหายสนิทหรือยัง

"เราก็ถามหมอ หมอบอกว่า ณ จุดนี้หาย ซึ่งเราชอบคำนี้มาก คุณหมอพูดแบบนี้ดี เพราะทำให้เราใช้ชีวิตไม่ประมาทเหมือนเมื่อครั้งก่อน ถ้าคิดว่าหายเราก็จะกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่คุณเริงร่า ณ จุดนี้คือหาย จุดต่อไปไม่รู้นะ มันทำให้เราระวังตัว ชีวิตจากวันนั้นถึงวันนี้ทำให้เรียนรู้ชีวิตมากยิ่งขึ้น"
แก้ไขล่าสุด 24 ต.ค. 57 16:13 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google