วิเคราะห์ 3 ความเสี่ยง ! ของ Jessica กับ ธุรกิจมูลค่า 1,200 ล้าน

28 ม.ค. 59 20:42 น. / ดู 1,769 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
jessica jung ไอดอลสาวอดีตสมาชิกวง SNSD (Girls' Generation) ที่เพิ่งจะออกจากการเป็นสมาชิกของวง จนเป็นข่าวใหญ่ตลอด ได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์แว่นตาของเธอจากเดิม BLANC ไปเป็น BLANC & ECLARE พร้อมประกาศว่านี่จะเป็นก้าวต่อไปของธุรกิจของเธอ แต่ในเวลาเดียวกันกลับมีกระแสข่าวอันน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการทำธุรกิจครั้งนี้ออกมาหลายประการ����� �������
โดยไอดอลสาวชื่อดังได้ออกแถลงการณ์ถึงก้าวต่อไปของบริษัทที่จะออกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อBLANC & ECLARE�พร้อมขยายการจัดจำหน่ายไปในต่างประเทศนอกจากนั้นยังจะมีการย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่นิวยอร์กสหรัฐอเมริกาด้วย����� ����
��� "ในอนาคตอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเราจะขอแนะนำคอลเล็คชั่นใหม่ๆ พร้อมโครงการการร่วมงานใหม่ๆ ที่จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์�เจสสิกา�ซึ่งจะปรากฏชัดออกมาเรื่อยๆ ทั้งดีไซน์ใหม่ๆ และโครงการต่างๆ ถือเป็นก้าวต่อไปที่จะแสดงให้เห็นถึงอนาคตของแบรนด์ของเรา"

แถลงการณ์ของ�BLANCกล่าวถึงแผนการในอนาคตอันใกล้ของบริษัท��

��� ������� โดย�เจสสิกา�ยังได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ครั้งนี้ว่า

"แม้จะมีการเปิดตัว�ECLARE�เร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ ฉันก็ยังภูมิใจมากๆ ค่ะที่จะได้พาให้�BLANC & ECLARE�ไปสู่ในอีกระดับหนึ่ง และขอน้อมรับกำลังใจที่มีให้กับแบรนด์นี้มาตลอดด้วย ฉันให้คำมั่นว่าเราจะพยายามอย่างถึงที่สุด อย่างที่เราพยายามจะพัฒนา และทำอะไรใหม่มาตลอด"�����

������� แม้ธุรกิจกำลังจะขยายตัว แต่ในเวลาเดียวกันกลับมีการขุดคุ้ยข้อมูลออกมาว่าเปลี่ยนชื่อแบรนด์จากBLANC�เป็น�BLANC & ECLARE�นั้นเกิดขึ้นหลังจากมีข้อมูลออกมาว่าก่อนที่ไอดอลสาวคนดังจะเปิดบริษัทได้มีแบรนด์แว่นตาที่ชื่อว่า�BLANC�ในประเทศญี่ปุ่น อยู่ก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง หลายฝ่ายจึงเชื่อว่าการ “รีแบรนด์” ครั้งนี้น่าจะมีสาหตุส่วนหนึ่งมาจากการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับ “ชื่อซ้ำ” ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้�����

������� ถือว่าข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับทำธุรกิจของ�เจสซิกา�ได้ทำให้เกิดคำถามถึงอนาคตของไอดอลสาวอดีตสมาชิกวง Girls' Generation�ขึ้นมาอีกครั้ง ว่าเธอจะสามารถผลักดันให้ธุรกิจไปไกลได้เพียงใด เพราะเธอไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มไอดอลที่ดังที่สุดในเกาหลีใต้อีกแล้ว����� ���

���� นอกจากนั้นชาวเกาหลีใต้จำนวนหนึ่งยังได้แสดงความเห็นเชิงตั้งคำถามถึงทักษะในการดำเนินธุรกิจ และบริหารกิจการของตัวเองของ�เจสสิกา�ด้วย

ความเสี่ยงที่ 1 ถ้าความรักของเธอไปไม่รอด มีปัญหาล่ะ ? เพราะทั้งคู่ลงหุ้นกัน ระยะยาวไว้แล้ว

  ความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับธุรกิจของ�เจสสิกา�ที่เกี่ยวข้องกับ “ไทเลอร์ ควอน” (Tyler Kwon) หุ้นส่วนคนดังของเธอ ที่ตอนนี้หลายฝ่ายมองว่าเป็นคนที่ทำให้�เจสสิกาต้องออกจาก�Girls' Generation�ไป����� ���
����
  �Sports World�ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับข้อมูลของชายที่ชื่อว่า “ไทเลอร์ ควอน” หุ้นส่วนทางธุรกิจที่ว่ากันว่ากำลังคบหาดูใจกับ�เจสสิกา�และมีส่วนในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของเธอ โดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า

"เขาคนนี้ดูจะทำตัวราวกับเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลมหาเศรษฐี และเรียกตัวเองว่าเป็นซีอีโอของบริษัท Coridel Group�แต่เขากลับไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าร่ำรวยมหาศาลอะไรเลย "

“เขามักจะหยิบยืมเงินจากคนใกล้ตัวคราวละ 50 – 100 ล้านวอน เขายังบอกว่าตัวเองทำธุรกิจประเภทการลงทุน แต่ก็ควรตรวจสอบกันให้ชัดๆ ซะทีว่าเขารวยมาจากอะไรกันแน่”

สื่อดังในเกาหลีใต้ตั้งคำถาม��ไทเลอร์
ควอน�ยังโด่งดังมาตั้งแต่สมัยอยู่ที่ฮ่องกง ในแง่เป็นพวกชอบสร้างข่าว และพยายามเข้าหาดาราสาวคนดังของที่นั้น และโดนกล่าวหาว่าเขาพยายามใช้พวกเธอทำให้ตนเองเป็นที่สนใจขึ้นมา
 
โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาเคยคบหาดูใจกับ�อาเจียว�(Gillian Chung) แห่งวง Twin�ก็เคยมีข่าวออกมาว่าเขาอาจจะแต่งงานกับเธอ แบบเดียวกับที่มีข่าวว่าเขาอาจจะแต่งงานกับ�เจสสิกา�ในตอนนี้นั่นเอง����� ������

� ความสัมพันธ์ของเขากับ�เจสสิกา�ก็มีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่าง ตั้งแต่การพบกันครั้งแรกที่หลายคนบอกว่าดูเหลือเชื่อราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ โดยตอนนั้น�เจสสิกา�กำลังชอปปิ้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีปัญหาตอนจ่ายเงินเกี่ยวกับบัตรเครดิต หนุ่ม�ไทเลอร์ ควอน�จึงเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือจ่ายเงินให้กับเธอแทน ซึ่ง�Sports World�ก็บอกว่าไอดอลสาวคนดังได้ตกหลุมรักเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลย หลังจากนั้นทั้งสองจึงคบหากันแบบเงียบๆ มาเรื่อยๆ แต่ถึงจะเป็นการคบกับแบบเงียบๆ และควรจะเก็บเรื่องความสัมพันธ์ครั้งนี้เอาไว้เป็นความลับ แต่ฝ่ายชายก็ดูจะโพสต์ภาพส่วนตัวลงในเว็บไซต์อยู่เสมอ����� ����

��� จนสุดท้ายทั้งสองจึงตัดสินใจลงทุนร่วมกันในที่สุด


ความเสี่ยงที่ 2 เงินลงทุนมหาศาล กับ ประสพการณ์ที่น้อยนิดของเธอ (เผลอๆประสพการณ์น้อยกว่าแฟนหนุ่มเยอะ )
                         
 
มีข้อมูลว่า�BLANC�ใช้เงินลงทุนไปถึง 40 ล้านเหรียญฯ หรือ 1,200 ล้านบาท ซึ่งตัวของ�เจสสิกา�เองก็ร่วมลงทุนไปไม่น้อยด้วย�

เงินลงทุนมากขนาดนี้ กับ ความไม่มีประสพการณ์ในสายงานธุรกิจของเธอ จะไปรอดหรือเปล่า

ที่สำคัญ เงินลงทุนถ้าต้องกู้มาก็ยิ่งเสี่ยง
แต่สำคัญอีกประการคือ เงินทุนจากแฟนหนุ่มของเธอได้มายังไง ? เอาเครดิตมาจากไหน?

"การเปิดตัวแบรนด์ BLANC & ECLARE นั้น ฉันต้องการทำงานเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์แฟชั่น ทั้งแว่นตากันแดด เครื่องประดับ และน้ำหอมค่ะ"

เป็นคำให้สัมภาษณ์ ของเจสสิก้า ต่อนิตยสารฉบับหนึ่ง

ซึ่งมันขัดแย้งอย่างชัดเจนกับข่าวนี้

News : สาวเจสสิก้าต้องเผชิญกับแรงกดดันอีกทางแล้ว เมื่อสื่อในเกาหลีตั้งข้อสังเกตว่า แบรนด์แฟชั่นที่ชื่อว่า BLANC ของเธอช่างมีความคล้ายคลึงกับแบรนด์ BLANC ในญี่ปุ่นซะเหลือเกิน ทั้งชื่อ ทั้งฟอนต์ รวมถึงดีไซน์ของผลิตภัณฑ์แว่นตาแฟชั่นพูดง่ายๆ ก็อปเขามาเกืิอบหมด

สรุปคือ เธอไม่ได้คิดแบรนด์เอง เหมือนคำให้สัมภาษณ์


ความเสี่ยงที่ 3  เธอใจเร็วเกินไปในการลงทุน และ ลงทุนมาไม่ถูกจังหวะชีวิตของเธอ

         

  "Grace Kelly ค่ะ สไตล์ที่ดูหรูหราและคลาสสิคแบบนั้น ฉันสนใจจริงๆค่ะ เทรนด์ในยุค 50 ของเธอ ยังคงน่าจดจำยันปัจจุบันเลยค่ะ "

นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ ของเจสซี่ ที่บ่งบอกแนวความคิดของเธอมาตั้งแต่ต้น แล้วว่า มีแพลนอยากทำ
แบรนด์แฟชั่นของตนเอง คู่ขนานไปกับ ฐานะนักร้องดังระดับโลกในนาม Girls Generation

แต่ เธอกลับไปไม่ถึงจุดนัดฝันนั้นเพราะ โดนบีบให้ออกจากวงเสียก่อน

และนี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอไปก็อปแบรนด์ญี่ปุ่นมา เพราะลดความเสี่ยงที่สร้างแบรนด์ใหม่เอง และมันใช้เวลานานในการสร้างแบรนด์
(หรืออาจโดนแฟนหนุ่มแนะนำผิดๆหรือเปล่าก็ไม่รู้)

และแน่นอนมันคืออีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอต้องกลับมาร้องเพลงอีก เพราะ
การออกไปทำธุรกิจอย่างเดียวถือเป็นการทิ้งแฟนคลับของตัวเอง ซึ่งเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอนั่นเอง

สุดท้ายนี้ไม่ว่าธุรกิจของเธอจะเป็นอย่างไร ชีวิตคู่จะไปรอดหรือไม่ ?

เชื่อว่า แฟนคลับยังไม่ทิ้งเธอแน่นอน และพร้อมที่จะให้กำลังใจเธอเสมอ 

ขอจบด้วยคำให้สัมภาษณ์ของเธออีกครั้ง เพราะเหมือนบ่งบอกนัยบางอย่างเอาไว้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมวง snsd และ SM Entertainment  ที่เคยปฎิบัติกับเธอไว้


คำถาม : เจสซี่ คุณได้ดูภาพยนตร์อะไรที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณบ้างรึเปล่า?

เจสสิก้า : พระเอกของเรื่อง ‘Shawshank Redemption’ ค่ะ แอนตี้ เขาถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมต้องจำคุกตลอดชีวิต เขาแสดงให้เห็นถึงความหวังที่แท้จริงและความหวังและความกล้าหาญ ฉันรู้สึกได้จริงๆค่ะ และนั่นคือแรงบันดาลใจของฉัน( เหมือนเธออยากบอกว่า ถูกเพื่อนร่วมวง และทางค่ายเพลงปฏิบัติกับเธออย่างไม่เป็นธรรมนั่นเอง)

                             
                       
           
เรียบเรียงโดย  monica  consovsky
แก้ไขล่าสุด 1 ก.พ. 59 22:32 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Android

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google