ย้อนอดีต "วัลลี" เด็กหญิงยอดกตัญญู

"วัลลี" เด็กหญิงยอดกตัญญู

คอลัมน์ ย้อนอดีต

คนทำความดีควรได้รับการสรรเสริญบ่อยๆ และอย่าหลงลืมความดีของคนง่ายๆ เพราะความดีที่แท้จริงนั้นมักจะไม่มีผลตอบแทน เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ยกย่องคนทำความดี ไม่ยกย่องสิ่งที่เขากระทำ แล้วใครที่ไหนจะอยากมาทำความดี

วันนี้เลยถือโอกาสยกย่องและสรรเสริญความดีของเด็กหญิงตัวน้อย ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดกตัญญู ด.ญ.วัลลี ที่คาดว่าคนในวัย 30 ปีขึ้นไปต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี ผ่านภาพยนตร์สุดซึ้ง "วัลลี" ที่ออกฉายเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว



นำแสดงโดย "กระแต"สมฤดี นุ่มอำพันธ์, อภิชาติ หาลำเจียก, ทัศวรรณ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา

"วัลลี ณรงค์เวทย์" เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนวัดโรงธรรม อำเภอเมือง จ.สมุทรสงคราม เด็กหญิงสายตาสั้นที่ต้องนั่งอยู่แถวหน้าเสมอเพื่อจะได้มองครูสอนได้ชัดๆ



ในตอนพักกลางวันของทุกวัน จะไม่มีใครเห็นวัลลีกินข้าว และนั่งเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนเด็กคนอื่น เพราะเธอต้องวิ่งกลับบ้านระยะทางหลายกิโลเมตรเพื่อไปป้อนข้าวป้อนน้ำแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต รวมทั้งยายชราที่สายตาย่ำแย่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จากนั้นเธอก็ต้องวิ่งกลับไปเรียนในช่วงบ่าย

ทุกคนสงสัยกับพฤติกรรมหายตัวไปในตอนพักกลางวันของวัลลี วันหนึ่งคุณครูตัดสินใจติดตามไปดูถึงได้รับรู้ชีวิตของเด็กหญิงยอดกตัญญูคนนี้ และเรื่องราวของเธอก็ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่เรียกน้ำตาได้ทุกครั้งเวลาเปิดดู

"กระแต"ปลื้มคนไม่ลืม"วัลลี"

สาว "กระแต"สมฤดี นุ่มอำพันธ์  ที่เล่นบทเด็กหญิงยอดกตัญญู "วัลลี" ได้ดีจนเป็นที่จดจำมาถึงปัจจุบัน เผยว่า "ตอนที่เล่นก็ค่อนข้างยากค่ะ เพราะว่าตัวบทของวัลลี ต้องเป็นเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ แต่ตัวจริงแตตอนนั้นอายุน่าจะอยู่ประมาณ 16 ปี แต่ก็โชคดีที่เราตัวเล็ก คนดูเลยไม่ได้รู้สึกเท่าไร ตอนที่ถ่ายก็ยากฉากที่ต้องวิ่งด้วยเท้าเปล่า ยกกองไปถ่ายกันที่มีนบุรี ซึ่งยังเป็นทุ่งนา มีต้นมะพร้าว วิ่งไปก็เจ็บเท้าไป"

เรื่องประทับใจล่ะ "ตอนแรกบอกตรงๆ ว่า ไม่รู้จักว่าวัลลี คือใคร แต่ทีมงานบอกว่าเขาเป็นเด็กดี เด็กกตัญญู แล้วบทวัลลีก็เป็นบทที่ดี แต่ตอนนั้นแตยังไม่กล้าบอกใครว่าเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะชื่อวัลลี มันดูเหมือนกับจะเชยๆ แต่พอได้ไปทำงานจริง และได้รู้เรื่องจริง ก็รู้ว่าชื่อนี้มันเป็นสิ่งที่คนรู้จัก และเป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญู"

"โดยเฉพาะหลังจากที่หนังออกฉาย คนจะรู้จักแตมากขึ้น ไปไหนมาไหนคนก็จะเรียกแตว่าวัลลี มาจนทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ช่วงหลังๆ เราก็หายไปจากวงการ แต่พอเขาเจอเราก็ยังจำได้ว่าเราคือวัลลี นี่ก็ถือเป็นความประทับใจที่มีกับหนังเรื่องนี้ค่ะ"