ละคร เหตุเกิดในครอบครัว

ดู 2,648 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันจันทร์ วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 4 พฤษภาคม 2550
เวลาออกอากาศ 19:00 - 19:45 น.
  
กำกับโดย โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์
ประพันธ์โดย สีฟ้า
นำแสดงโดย
ฉัตรชัย เปล่งพานิช ... ปุณย์
สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ... ปัทมาภรณ์
นนท์ หงษ์มานพ ... ปอ
วรมน จิวลวัฒน์ ... ปา
วัชรินทร์ ฟรานซิส แองกุส ... ป๋อง
อินทิรา แดงจำรูญ ... ใหม่
อรัญญา นามวงศ์ ... มารศรี
วิไลวรรณ วัฒนพานิช ... จำเนียร

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ เหตุเกิดในครอบครัว

เรียน ผู้อ่านครับ

สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 ปี เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป.จริง ๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ชื่อจริงชื่อปัทมาภรณ์ แม่ของผมเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แต่เป็นนักวิชาการฝีปากกล้า แต่พออยู่ในบ้านแม่กลับเป็นแม่บ้านที่ไม่เป็นแม่ศรีเรือนต่างจากพ่อเพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก และเพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้ มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อย ๆ ในครอบครัวของเรา จนบางทีจากเรื่องเล็กๆ ในครอบครัว ก็อาจเลยเถิดไปถึงเรื่องระดับโรงเรียน

แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมน่ะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยายมารศรี แม่ของแม่มาแต่ไหนแต่ไร เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าว่าที่นายพล แต่สุดท้ายแม่ก็มาแต่งงานกับพ่อ ความรักของพ่อกับแม่ เริ่มต้นที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจ แต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบ พอคุณยายทราบก็อึ้ง นอกจากนี้ญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่าจำเนียร แม่ของพ่อเป็นขิงแก่คนละแบบ คุณยายผมน่ะแม้จะอายุเข้า 60 แต่ก็
ยังดูสาวกว่าอายุแต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแม่บ้านเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ เป็นชาวบ้านที่พูดจาตรงไปตรงมา แต่เปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรีแบบคนชนบท ที่จริงผมก็รักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า

เหมือนมีแค่ น้าใหม่ ญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้น ที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อ น้าสาวแสนสวยดีกรีดอกเตอร์ของผมคนนี้ความคิดความอ่าน การแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งมาก ๆ และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย

แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ เพราะน้าใหม่ชอบขัดคอคุณยายอยู่เสมอ ๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนคือ ลุงป๋อง ผู้เป็นม่ายเมียตาย มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก ปัญหาครอบครัวของเราเริ่มขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานครับ ในขณะที่กราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้น เพราะแว่ว ๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังโด่งดัง เพราะได้เป็นนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างออกนอกหน้า แถมระยะหลัง ๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยขึ้น

ในช่วงนี้ ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยาย ก็ได้เป็นรัฐมนตรี แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย จนแม่ผมได้เป็นรองอธิบดีที่สาวและสวยที่สุดในคณะรัฐบาล แต่นักหนังสือพิมพ์บางฉบับกลับเขียนเป็นนัย ๆ ถึงความสัมพันธ์กับแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมาก ๆ แต่ผมไม่อยากให้ใครพูดอะไร ๆ ถึงแม่แบบนี้ แล้วครอบครัวเราก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีก(แล้ว) เมื่อแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้ว่าจะไปตีกอล์ฟที่ต่างจังหวัด แล้วจะค้างหนึ่งคืน แต่ผมดันไม่สบายพอพ่อรู้ว่าผมไม่สบาย พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไป แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่ ว่าหาแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน

พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงรองอธิบดี ตั้งแต่วันนั้น พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง แต่พอแม่ต้องไปราชการ เมืองนอกเป็นเดือน พ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้อง แยกจากกันชั่วคราว

ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะด้วยอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกคอแบบขัด ๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกัน แต่เขาก็คุยกันได้ทีละนาน ๆ ดูเขาจะสนุกที่จะต่อล้อต่อเถียงกัน

จนวันหนึ่ง พ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ผมจึงไปใช้ชีวิตเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่ช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมเลิศหรูเป็นพวกที่เขาเรียกว่าไฮโซไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาหาผมที่บ้านคุณย่า แต่หลังจากนั้นผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แต่ทำหมางเมินกัน ผมเลยต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาไม่ได้รักกันแล้ว

ครอบครัวเราอยู่กันแบบนี้อีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เป็นงานขั้นทดลองจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน หลังพ่อเดินทางน้าใหม่มารับผมไปหาแม่ พอเจอกันแม่ก็ชวนให้ผมอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่แลบ้านแทนพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผม แล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต

พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อ และเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม พี่ปาเขียนตอนหนึ่งว่าอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พี่ปากับผมไม่รู้หรอกว่าทิฐิคืออะไรมันใหญ่โตขนาดไหน ลุงป๋องเลยบอกว่าทิฐิก็คือการที่ไม่ยอมง้อกัน คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน หลังจากนั้นไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาอยากคืนดีกับแม่และยังรักแม่อยู่ ก็คงไอ้เจ้าคำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ ต่างคนต่างทิฐิผมและพี่ปาก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมาก ๆ นี่และหนอทำให้ผมเบื่อเป็นที่สุด

แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย ส่วนแม่เจอคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ ย้ายแม่ไปเป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนตำแหน่งของแม่จะถอยลง แม้เงินเดือนจะเท่าเดิม ผมกับพี่ปาเลยยังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไป เพราะพ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสะดวกสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่แน่ ๆ

ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยขึ้น แล้วก็ระยะหลังดูเหมือนลุงป๋องจะมาเพื่อพบกับน้าใหม่ เพราะลุงป๋องแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ โดยมีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องอยู่เฉยๆ ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาที่มักจะปวดท้องบ่อยๆ ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเรา พอพ่อมาถึงที่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ หมอก็แนะนำว่า ต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย

พอพ่อกับแม่จะคืนดีกันนั่นแหละครับกลับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัวผม แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่เขินยังเขินอยู่ แต่แม่ก็พูดกับพ่อขอให้เดินทางและทำงานให้เต็มที่

เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน และหวังให้พ่อกับแม่กลับมาอยู่ด้วยกันโดยเร็ว ผมและ
พี่ปาจะได้มีความสุขทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวของผมครับ ถ้าใครจะอยากชมเรื่องราวของครอบครัวผม ก็ติดตามชม “ เหตุเกิดในครอบครัว” ได้ทางไทยทีวีสี ช่อง 3 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 – 19.45 น. ครับผม ผมหวังว่าเรื่องราวของครอบครัวของผมและพี่ปา จะทำให้คนที่ได้ชมหันกลับไปมองครอบครัวตัวเองและทำให้ครอบครัวมีความสุข ขอให้ทุกครอบครัวมีความสุขกันมากๆ นะครับ

สวัสดีทุกท่านครับ
ด.ช.ปรสุ ( ปอ ) ชั้น ป.5 / 2