เกร็ดน่ารู้จาก X-Men: Days of Future Past

เกร็ดน่ารู้
  • แพทริก สจวร์ต และ เอียน แมกเคลเลน อยู่ระหว่างเดินทางแสดงละครเวทีเรื่อง Waiting for Godot ตอนที่ผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ มาหาพวกเขาเพื่อให้กลับมารับบท เซเวียร์ และ แม็กนีโต ทำให้ทั้งคู่ตกใจมากเพราะคิดว่าบทบาทตัวเองจะตกเป็นของ เจมส์ แม็กอะวอย และ ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ ผู้รับบท เซเวียร์ วัยหนุ่ม และ แม็กนีโต วัยหนุ่ม ไปแล้ว ทำให้ทั้ง แพทริก และ เอียน รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมารับบทอันโด่งดังของพวกเขา และยังดีใจที่ได้แสดงกับสองนักแสดงหนุ่มอีกด้วย
  • เดือนพฤษภาคม 2013 ทางค่าย ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ และ มาร์เวล สตูดิโอส์ หาทางออกเรื่องลิขสิทธิ์ตัวละคร ควิกซิลเวอร์ โดยให้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ของทั้งสองค่ายได้ แต่ทางมาร์เวลต้องไม่ใช้คำว่ามนุษย์กลายพันธุ์ใน Avengers: Age of Ultron (2015) หรือภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ และต้องไม่อ้างถึงความสัมพันธ์เกี่ยวกับเอ็กซ์เม็นด้วย ทำให้ตัวละคร ควิกซิลเวอร์ ปรากฏในภาพยนตร์ของทั้งสองค่ายแบบไม่มีความเกี่ยวข้องกัน โดยนักแสดงที่รับบทนี้ของ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ คือ อีแวน ปีเตอร์ส ส่วนทางฝ่ายมาร์เวล คือ แอรอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน
  • ผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ ถ่ายทำฉากของ ควิกซิลเวอร์ ที่รับบทโดย อีแวน ปีเตอร์ส โดยใช้ 3600 เฟรมต่อวินาที โดยฟิล์มปกติจะใช้ 24 เฟรมต่อวินาที ทำให้คนดูเห็นควิกซิลเวอร์ว่องไวกว่าปกติ 150 เท่า
  • หากรวมการแสดงบทเล็กๆ ใน X-Men: First Class (2011) ด้วยแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ 7 ที่ ฮิวจ์ แจ็กแมน รับบท วูฟเวอรีน ทำให้ ฮิวจ์ เป็นนักแสดงที่สวมบทตัวละครที่มาจากการ์ตูนตัวเดิมบ่อยครั้งที่สุด และยังเป็นนักแสดงคนเดียวที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ชุด X-Men ทุกเรื่องอีกด้วย
  • ในการ์ตูนตอน Days of Future Past ตัวละครเดินทางย้อนเวลาจากปี 2013 ซึ่งเป็นปีเดียวกับปีที่เปิดกล้องถ่ายทำ
  • แมตธิว วอห์น ผู้กำกับ X-Men: First Class (2011) ถูกเล็งให้มากำกับเรื่องนี้ แต่เขากลับปฏิเสธในเวลาต่อมา ผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ ผู้เคยกำกับ X-Men (2000) และ X-Men 2 (2003) จึงนั่งแท่นกำกับแทน
  • ช่วงที่ แมตธิว วอห์น รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ เขาตั้งใจว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นภาคต่อของ X-Men: First Class (2011) โดยเหตุการณ์จะเกิดขึ้นช่วงปี 70 เริ่มเรื่องตรงที่ แม็กนีโต ที่แสดงโดย ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ ลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี ภายหลัง ไบรอัน ซิงเกอร์ มารับหน้าที่ผู้กำกับ ตัวละคร แม็กนีโต ยังถูกขังคุกข้อหาลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
  • คณะผู้สร้างเลือกตอน Days of Future Past มาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะโครงเรื่องในตอนนี้เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา เอื้อให้นักแสดงจากภาพยนตร์ชุดดั้งเดิม และ X-Men: First Class (2011) ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันได้
  • ถ่ายทำภายใต้ชื่อหลอกว่า Hello Kitty โดยเป็นการกล่าวถึงสมาชิกเอ็กซ์เม็นคนหนึ่ง คือ คิตตี้ ไพร์ด ที่แสดงโดย เอลเลน เพจ
  • เคลซีย์ แกรมเมอร์ ไม่สามารถกลับมาแสดงบท บีสต์ ได้ เพราะติดถ่ายทำ Transformers: Age of Extinction (2014) แต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาก็มีปรากฏตัวเล็กน้อยในภาพยนตร์
  • เป็นภาพยนตร์ X-Men เรื่องที่ 4 ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูน X-Men ของ คริส แคลร์มอนต์ โดย X-Men 2 (2003) ดัดแปลงมาจาก God Loves, Man Kills ส่วน X-Men: The Last Stand (2006) ดัดแปลงมาจาก The Dark Phoenix Saga และ The Wolverine (2013) ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน
  • ผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ เป็นแฟนตัวยงของ ปีเตอร์ ดิงก์ลาจ ผู้รับบท ทราส์ก เพราะบทบาท ทีเรียน เลนนิสเตอร์ ที่ ปีเตอร์ แสดงใน Game of Thrones (2011)
  • หุ่นจำลองเท่าตัวจริงของหุ่นยนต์เซนทิเนลในปี 1973 ตัวหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อการถ่ายทำโดยเฉพาะ
  • เดิมที เจสัน เฟลมมิง จะได้กลับมาแสดงบท อาซาเซล ตอนที่ แมตธิว วอห์น รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แต่หลังจาก แมตธิว ถอนตัวออกไป และมีการเปลี่ยนโครงเรื่องราว ทำให้ตัวละคร อาซาเซล ถูกตัดออก
  • ภาพที่อยู่ด้านหลังในฉากที่ แม็กนีโต สวมบทโดย ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ ต่อสู้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี เป็นภาพเขียนของฝรั่งเศสชื่อ Liberty Leading the People ซึ่งเป็นอนุสรณ์ของการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1830 และยังเป็นสัญลักษณ์ของการจลาจลอีกด้วย
  • คริส แคลร์มอนต์ ผู้เขียนต้นฉบับหนังสือการ์ตูน Days of Future Past เป็นที่ปรึกษาภาพยนตร์เรื่องนี้
  • เดิมที จอช เฮลแมน รับบท เคน มาร์โก แต่บทของตัวละครตัวนี้ถูกตัดออก ภายหลังเขาถูกเสนอให้รับบท วิลเลียม สไตรเกอร์ แทน
  • เจมี แคมป์เบลล์ โบเวอร์ และ นิโค ทอร์โทเรลลา เคยทดสอบบท ควิกซิลเวอร์ ซึ่งภายหลังเป็นของ อีแวน ปีเตอร์ส
  • จอห์น อ็อตต์แมน เป็นผู้ทำเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยแต่งเพลงให้กับ X-Men 2 (2003) มาแล้ว
  • ผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ กล่าวว่า เขาจะเริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างมั่นใจก็ต่อเมื่อ ฮิวจ์ แจ็กแมน, แพตทริก สจ๊วต และ เอียน แม็กเคลเล็น ตกลงว่าจะกลับมาแสดงบท วูฟเวอรีน, ชาร์ลส์ เซเวียร์ และ แม็กนีโต ตามลำดับ
  • ถ้านับรวมบทบาทของ แพตทริก สจ๊วต ที่เคยปรากฏตัวใน X-Men Origins: Wolverine (2009) แต่ไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อนักแสดง และ The Wolverine (2013) ที่ปรากฏตัวในช่วงแสดงรายชื่อนักแสดง เรื่องนี้จะเป็นครั้งที่ 6 ที่ แพตทริก รับบท ชาร์ลส์ เซเวียร์
  • ผู้เขียนบท ไซมอน คินเบิร์ก กล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ย้อนเวลาอื่นๆ ได้แก่ The Time Machine (1960) The Terminator (1984) Back to the Future (1985) และ Looper (2012)
  • นิวตัน โธมัส ซีเกล ตากล้องของภาพยนตร์ X-Men ทุกภาคที่ ไบรอัน ซิงเกอร์ กำกับ มาร่วมแสดงเป็นหนึ่งในร่างแปลงกายของ มิสทีก สวมบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์
  • คริส แคลร์มอนต์ ผู้โด่งดังจากการเขียนหนังสือการ์ตูน อาทิ Uncanny X-Men ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะฝูงชนที่อยู่ในฉากต่อสู้
  • ในฉบับหนังสือการ์ตูน บิชอป ตัวละครที่แสดงโดย โอมาร์ ไซ เป็นตัวละครที่เดินทางข้ามเวลาได้จริงๆ ทั้งยังตระหนังถึงผลกระทบกับห้วงเวลาด้วย ซึ่งในหนังสือการ์ตูนตอน Age of Apocalypse บิชอป เป็นตัวละครตัวเดียวที่จะหยุดวันสิ้นโลกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ ซึ่งมหาวิบัติวันสิ้นโลกนั้นก็นำไปสู่ X-Men: Apocalypse (2016) ต่อไป
  • ในหนังสือการ์ตูนตอน Days of Future Past ผู้ที่เดินทางข้ามเวลาแท้จริงแล้ว คือ คิตตี้ ไพร์ด หรือ ชาโดว์แคต ที่แสดงโดย เอลเลน เพจ แต่ในภาพยนตร์เป็น วูฟเวอรีน ที่สวมบทโดย ฮิวจ์ แจ็กแมน
  • ในหนังสือการ์ตูนตอน Days of Future Past ตัวละคร มิสทีก ที่แสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ พยายามสังหาร วุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เคลลี แต่ตัวละครดังกล่าวปรากฏตัวใน X-Men (2000) ที่แสดงโดย บรูซ เดวิสัน ไปแล้ว ในภาคนี้ มิสทีก จึงพยายามสังหาร โบลิเวอร์ ทราส์ก ที่แสดงโดย ปีเตอร์ ดิงก์ลาจ แทน
  • แผลเป็นจากกระสุนที่ปรากฏบนหน้าอกของ วูฟเวอรีน ที่แสดงโดย ฮิวจ์ แจ็กแมน ตอนที่เขาเดินทางไปยุค 70 มีลักษณะการจัดวางเหมือนกลุ่มดาวหมีใหญ่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะต้องการอ้างอิงถึงตัวละครเอก เคนชิโร่ จาก Hokuto no Ken (1984) ที่มีลักษณะแผลเป็นแบบเดียวกัน
  • ฮิวจ์ แจ็กแมน ต้องออกกำลังกายเป็นเวลา 45-90 นาทีทุกเช้า ก่อนทำผมและแต่งหน้า ทั้งยังต้องรับประทานอาหารทุก 2 ชั่วโมง โดยอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อไก่และผักนึ่ง และปิดท้ายด้วยการออกกำลังกายในโรงยิม 45 นาที เพื่อเตรียมตัวรับบท วูฟเวอรีน
  • แผนกเครื่องแต่งกายต้องสร้างเต็นท์ขนาดใหญ่ติดกับฉาก เพื่อเก็บเสื้อผ้าแนวย้อนยุคให้นักแสดงทมทบที่มีมากกว่า 600 คน

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Expendables 3 - บรูซ วิลลิส ถูกวางตัวไว้ให้กลับมารับบท มิสเตอร์ เชิร์ช ด้วยค่าตัว 3 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการกลับมาแสดง 4 วัน คิดเป็นวันละ 750,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน เมื่อ บรูซ เรียกค่าตัวเป็น 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ผู้เขียนบทและผู้รับบท บาร์นี กับเหล่าผู้อำนวยการสร้างจึงปฏิเสธ ต่อมา ซิลเวสเตอร์ สามารถแทนที่ บรูซ ด้วย แฮร์ริสัน ฟอร์ด ซึ่งเข้ามาแสดงบท แม็กซ์ ตัวละครใหม่ได้ภายในเวลา 3 วัน อ่านต่อ»
  • Entertainment - ถ่ายทำฉากส่วนใหญ่ที่ประเทศไทย โดยนักแสดง อักเชย์ กุมาร ผู้รับบท อัคคีล เคยใช้เวลาหลายปีอาศัยอยู่ในประเทศไทย อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Honey Boy Honey Boy นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่กำลังไปได้สวยในวงการ แต่เขากลับทำตัวเหมือนกระสวยอวกาศที่ไร้การควบคุม และคอยแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเ...อ่านต่อ»