How to ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ(ฟัง พูด อ่าน เขียน)
8 พ.ค. 54 14:26 น. /
ดู 5,991 ครั้ง /
64 ความเห็น /
18 ชอบจัง
/
แชร์
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะขอแนะนำการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ซึ่งเป็นประสบการณ์โดยตรงจากตัวผมเอง
1.การอ่าน
เบสิคพื้นฐานที่สำคัญในการอ่านคือคำศัพท์ครับ ยิ่งรู้ศัพท์มาก ก็ยิ่งอ่านได้คล่องมากยิ่งขึ้น สำหรับผมนั้นจะใช้วิธีเปิดดิคชันนารีที่เป็นเล่มครับ เวลาเปิดก็ไม่ได้ดูความหมายอย่างเดียว แต่ผมจะเปิดหาคำSynonymของศัพท์ให้มากที่สุดด้วย เพื่อที่เวลาท่องศัพท์จะได้ท่องเป็นชุดๆ และมันจะช่วยให้จำได้นานมากครับ ดีกว่าจะมาเปิดหาความหมายของคำๆเดียวแล้วก็จดลงไปในสมุดคำศัพท์ ทำแบบนั้นมันช่วยอะไรไม่ได้มากเลยครับ เพราะผมเคยลองทำแล้ว จำได้แค่สองสามวันก็ลืม แต่ถ้าจดเป็นชุดคำศัพท์จะจำได้เยอะกว่าและนานกว่าครับ นอกจากจะจดเป็นชุดคำศัพท์แล้ว ยังต้องจดPart of speech ของคำศัพท์ด้วย เพื่อที่เวลานำไปใช้จะได้ใช้อย่างถูกต้อง และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรจะรู้ความหมายจากรากศัพท์ด้วยครับ
ส่วนการหาหนังสือมาอ่านนั้น ควรจะหาหนังสือที่มีระดับและใช้ภาษาได้ดีเช่น TIME , Newsweek, National Geographic English Version , Bangkok Post และ The Nation เพราะหนังสือเหล่านี้ใช้คำศัพท์และมีวิธีการเขียนที่ดีครับ อย่างไรก็ตาม ยังมีหนังสืออีกหลายๆเล่มที่น่าอ่านครับ แรกเริ่มก็ลองอ่านพวกOutside Reading ง่ายๆก่อนก็ได้ ศัพท์คำไหนไม่รู้ก็เปิดดิคชันนารีครับ ส่วนเรื่องแกรมม่าร์หรือประโยคที่ซับซ้อน อันนี้ต้องถามอาจารย์ครับ
2.การฟัง
หลายๆคนชอบบอกว่าให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูหนังSoundtrack แต่ผมบอกเลยครับว่ามันช่วยอะไรได้ไม่มากแถมยังพัฒนาการฟังของเราช้าด้วย วิธีการของผมคือการฟังข่าวหรือสารคดีครับ อยากได้สำเนียงไหนก็เลือกฟังได้ตามอัธยาศัยเลยครับ ทั้ง BBC , CNN , Sky หรืออะไรก็แล้วตามที่เป็นข่าวและสารคดี ฟังไปเลย หรือถ้าหาซีดีข้อสอบต่างๆพร้อมทั้งscriptมาได้ด้วยก็จะยิ่งดีครับ เปิดซีดีไปด้วยอ่านscriptไปด้วยจะดีมากครับ ส่วนเรื่องหนังSoundtrack ดีที่สุดคือดูแบบไม่มีSubtitleครับ ถ้าจะเปิดSubtitleใ้ห้เปิดเป็นภาษาอังกฤษครับ ส่วนเรื่องเพลงก็ลองหาเนื้อเพลงมาอ่านดูครับ อย่างไรก็ตาม ผมก็คิดว่าการฟังข่าวและรายการสารคดีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ
3.การพูด
จริงๆการพูดนั้นเราควรพูดกับเจ้าของภาษาโดยตรงเลยครับซึ่งเค้าจะช่วยแก้ไขเรื่องออกเสียงให้เราได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสำเนียงครับ ซึ่งผมคิดว่าเราควรจะเลือกพูดให้ชัดเจนไปเลยสักหนึ่งสำเนียง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเราเองครับว่าเราจะเลือกสำเนียงไหน หลายๆคนกลัวว่าจะพูดผิดพูดถูกครับ ผมเองขอบอกเลยว่า ต้องอย่าอายเด็ดขาด เพราะถ้าอายหรือไม่กล้าพูดเมื่อไหร่ คุณจะพูดได้ยากครับ ต้องพูดให้ได้ยินแบบว่าเสียงดังฟังชัดไปเลยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดหรือถูกเพราะเจ้าของภาษาเค้าจะแก้ให้เราเอง อีกวิธีการหนึ่งอันนี้เป็นวิธีที่ผมคิดเองครับคือ ฟังเพลงแร๊พหรือเพลงที่ร้องเร็วๆแล้วเราก็เปิดเนื้อร้องแล้วร้องตามให้ทันครับ เพราะเพลงพวกนี้มันจะร้องเร็วอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราฝึกบ่อยๆก็พอจะช่วยได้แต่มันก็ยังไม่ดีพอเท่ากับการพูดเองอย่างเป็นธรรมชาติครับ บางทีเวลาผมอ่านหนังสือผมก็ชอบจะอ่านออกเสียง แล้วก็พยายามอ่านให้เร็วๆ แต่มันก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ สรุปแล้ว ควรหาเจ้าของภาษามาฝึกพูดเองดีที่สุดครับ ถ้าหาไม่ได้ก็ลองเล่นเว็บแชทที่มันมีแบบLive Chatเพื่อฝึกSpeakingครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีหลายเว็บแล้ว และมันก็ฟรีด้วย
4.การเขียน
อันนี้ต้องบอกเลยว่ายากครับ แต่มันไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยความที่ตัวผมเองอ่านหนังสือภาษาอังกฤษพอสมควร ดังนั้นจึงมีโอกาสได้เห็นประโยคและการเขียนดีๆมากมายครับ ผมจึงนำตรงนั้นมาใช้ แต่เรื่องเขียนเรียงความนี่ ต้องหาคนที่มีความรู้มากพอมาอ่านและแก้ไขการเขียนของเราครับ และเราต้องฝึกเขียนบ่อยๆ และพยายามเขียนให้ได้หลากหลายหัวข้อ และที่สำคัญ การเขียนดีๆนั้นมักจะเกิดจากการที่เราได้อ่านมากครับ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะต้องการฝึกทักษะด้านไหน คุณต้องทำสิ่งนั้นมากๆครับ เช่น ถ้าคุณอยากฟังออก คุณก็ต้องฝึกฟังเยอะๆครับ
The more you practice , the more you perfect.
"ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ จะยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น"
ด้วยความปรารถนาดี
spit_it_out
เบสิคพื้นฐานที่สำคัญในการอ่านคือคำศัพท์ครับ ยิ่งรู้ศัพท์มาก ก็ยิ่งอ่านได้คล่องมากยิ่งขึ้น สำหรับผมนั้นจะใช้วิธีเปิดดิคชันนารีที่เป็นเล่มครับ เวลาเปิดก็ไม่ได้ดูความหมายอย่างเดียว แต่ผมจะเปิดหาคำSynonymของศัพท์ให้มากที่สุดด้วย เพื่อที่เวลาท่องศัพท์จะได้ท่องเป็นชุดๆ และมันจะช่วยให้จำได้นานมากครับ ดีกว่าจะมาเปิดหาความหมายของคำๆเดียวแล้วก็จดลงไปในสมุดคำศัพท์ ทำแบบนั้นมันช่วยอะไรไม่ได้มากเลยครับ เพราะผมเคยลองทำแล้ว จำได้แค่สองสามวันก็ลืม แต่ถ้าจดเป็นชุดคำศัพท์จะจำได้เยอะกว่าและนานกว่าครับ นอกจากจะจดเป็นชุดคำศัพท์แล้ว ยังต้องจดPart of speech ของคำศัพท์ด้วย เพื่อที่เวลานำไปใช้จะได้ใช้อย่างถูกต้อง และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรจะรู้ความหมายจากรากศัพท์ด้วยครับ
ส่วนการหาหนังสือมาอ่านนั้น ควรจะหาหนังสือที่มีระดับและใช้ภาษาได้ดีเช่น TIME , Newsweek, National Geographic English Version , Bangkok Post และ The Nation เพราะหนังสือเหล่านี้ใช้คำศัพท์และมีวิธีการเขียนที่ดีครับ อย่างไรก็ตาม ยังมีหนังสืออีกหลายๆเล่มที่น่าอ่านครับ แรกเริ่มก็ลองอ่านพวกOutside Reading ง่ายๆก่อนก็ได้ ศัพท์คำไหนไม่รู้ก็เปิดดิคชันนารีครับ ส่วนเรื่องแกรมม่าร์หรือประโยคที่ซับซ้อน อันนี้ต้องถามอาจารย์ครับ
2.การฟัง
หลายๆคนชอบบอกว่าให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูหนังSoundtrack แต่ผมบอกเลยครับว่ามันช่วยอะไรได้ไม่มากแถมยังพัฒนาการฟังของเราช้าด้วย วิธีการของผมคือการฟังข่าวหรือสารคดีครับ อยากได้สำเนียงไหนก็เลือกฟังได้ตามอัธยาศัยเลยครับ ทั้ง BBC , CNN , Sky หรืออะไรก็แล้วตามที่เป็นข่าวและสารคดี ฟังไปเลย หรือถ้าหาซีดีข้อสอบต่างๆพร้อมทั้งscriptมาได้ด้วยก็จะยิ่งดีครับ เปิดซีดีไปด้วยอ่านscriptไปด้วยจะดีมากครับ ส่วนเรื่องหนังSoundtrack ดีที่สุดคือดูแบบไม่มีSubtitleครับ ถ้าจะเปิดSubtitleใ้ห้เปิดเป็นภาษาอังกฤษครับ ส่วนเรื่องเพลงก็ลองหาเนื้อเพลงมาอ่านดูครับ อย่างไรก็ตาม ผมก็คิดว่าการฟังข่าวและรายการสารคดีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ
3.การพูด
จริงๆการพูดนั้นเราควรพูดกับเจ้าของภาษาโดยตรงเลยครับซึ่งเค้าจะช่วยแก้ไขเรื่องออกเสียงให้เราได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสำเนียงครับ ซึ่งผมคิดว่าเราควรจะเลือกพูดให้ชัดเจนไปเลยสักหนึ่งสำเนียง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเราเองครับว่าเราจะเลือกสำเนียงไหน หลายๆคนกลัวว่าจะพูดผิดพูดถูกครับ ผมเองขอบอกเลยว่า ต้องอย่าอายเด็ดขาด เพราะถ้าอายหรือไม่กล้าพูดเมื่อไหร่ คุณจะพูดได้ยากครับ ต้องพูดให้ได้ยินแบบว่าเสียงดังฟังชัดไปเลยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดหรือถูกเพราะเจ้าของภาษาเค้าจะแก้ให้เราเอง อีกวิธีการหนึ่งอันนี้เป็นวิธีที่ผมคิดเองครับคือ ฟังเพลงแร๊พหรือเพลงที่ร้องเร็วๆแล้วเราก็เปิดเนื้อร้องแล้วร้องตามให้ทันครับ เพราะเพลงพวกนี้มันจะร้องเร็วอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราฝึกบ่อยๆก็พอจะช่วยได้แต่มันก็ยังไม่ดีพอเท่ากับการพูดเองอย่างเป็นธรรมชาติครับ บางทีเวลาผมอ่านหนังสือผมก็ชอบจะอ่านออกเสียง แล้วก็พยายามอ่านให้เร็วๆ แต่มันก็ช่วยได้นิดหน่อยครับ สรุปแล้ว ควรหาเจ้าของภาษามาฝึกพูดเองดีที่สุดครับ ถ้าหาไม่ได้ก็ลองเล่นเว็บแชทที่มันมีแบบLive Chatเพื่อฝึกSpeakingครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีหลายเว็บแล้ว และมันก็ฟรีด้วย
4.การเขียน
อันนี้ต้องบอกเลยว่ายากครับ แต่มันไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยความที่ตัวผมเองอ่านหนังสือภาษาอังกฤษพอสมควร ดังนั้นจึงมีโอกาสได้เห็นประโยคและการเขียนดีๆมากมายครับ ผมจึงนำตรงนั้นมาใช้ แต่เรื่องเขียนเรียงความนี่ ต้องหาคนที่มีความรู้มากพอมาอ่านและแก้ไขการเขียนของเราครับ และเราต้องฝึกเขียนบ่อยๆ และพยายามเขียนให้ได้หลากหลายหัวข้อ และที่สำคัญ การเขียนดีๆนั้นมักจะเกิดจากการที่เราได้อ่านมากครับ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะต้องการฝึกทักษะด้านไหน คุณต้องทำสิ่งนั้นมากๆครับ เช่น ถ้าคุณอยากฟังออก คุณก็ต้องฝึกฟังเยอะๆครับ
The more you practice , the more you perfect.
"ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ จะยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น"
ด้วยความปรารถนาดี
spit_it_out
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ลิ้งค์กระทู้แนะนำ&How to ของผม
How to เรียนม.ปลายอย่างไรให้ได้ 4.00<<<
แนะนำหนังสือสำหรับใช้อ่านในระดับม.ปลายสายวิทย์-คณิตฯ<<<
แนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามหิดลวิทยานุสรณ์<<<
แก้ไขล่าสุด 8 พ.ค. 54 14:35 | ไอพี: ไม่แสดง
#20 |
miCkey_# (ไม่เป็นสมาชิก)
|
10 พ.ค. 54 21:06 น.
ขอแปะนะคะ ไม่มีการบ้านแล้วจะมาอ่าน =)
ขอบคุณน๊าาา
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google