เจ้าหญิงรั้วชมพู...'ฟาง' กามิกาเซ่

25 ก.พ. 55 20:14 น. / ดู 2,520 ครั้ง / 12 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
'ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์' สาวหน้าหวาน รอยยิ้มสดใส ผู้ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนอันเชิญพระเกี้ยว งานฟุตบอลจุฬาฯ ครั้งล่าสุด ซึ่งหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเธออย่างดีในฐานะศิลปินกลุ่ม 'เฟย์ ฟาง แก้ว' ยิ่งโตเธอก็ยิ่งฉายแววความโดดเด่น ทั้งความสวยแบบสาวมีเสน่ห์ ทั้งเรียนเก่งได้ทุนเรียนดีมาตลอด 10 ปี จนแฟนคลับยกให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งกามิกาเซ่ ผู้หญิงที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุข
     
      วันนี้เธอดูสวยหวานแบบเจ้าหญิงในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินอมม่วง ขับผิวขาวให้ดูผ่องยิ่งขึ้น ปล่อยผมยาวสลวย นอกจากบุคลิกภายนอกที่ดูน่ารัก สดใสแล้ว เธอยังเป็นคนช่างพูด ช่างคุย และเป็นกันเองกับคนรอบข้างมาก แต่กว่า M-Lite จะนัดคุยกับสาวฟางได้ก็ค่อนข้างยาก เพราะเธอมีตารางงานแน่นตลอดเกือบทุกวัน ทั้งเรียน ทั้งทำงาน และทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยในฐานะตัวแทนนิสิต
        แม้ว่าวันที่นัดกันนี้เธอจะเพิ่งเดินทางกลับมาจากการทำงานมาทั้งวัน ซึ่งฉายแววความเหนื่อยและอ่อนล้า แต่พอเจอช่างภาพ เจอนักข่าว รอยยิ้มหวานๆ และน้ำเสียงสดใสก็มาแบบสั่งได้ทันที
     
      พี่น้อง '3 ใบเถา'
      ฟางเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว มีน้องสาว 2 คน ที่หลายคนคุ้นหน้ากันดีคือเฟย์ (พรปวีณ์ นีระสิงห์) หนึ่งในสมาชิกกามิกาเซ่ และฟิน (พีร์พิชชา นีระสิงห์) น้องสาวคนเล็กซึ่งอายุห่างกัน 10 ปี
       
     
      สาวฟางเล่าถึงความผูกพันธ์ระหว่างพี่น้องซึ่งอยู่ในวัยต่างกัน "ตอนฟางอยากทำตัวเด็กๆ ก็จะไปเล่นกับน้องฟิน แต่คนที่สนิทกับฟางที่สุดก็คงจะเป็นเฟย์ เพราะความที่อายุไล่เลี่ยกันด้วย อายุห่างกันแค่ปีเดียว คนจะมองเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า คุยกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เหมือนเราใช้ชีวิตมาอยู่ด้วยกัน โตมาด้วยกัน ก็ค่อนข้างรู้จักกันดี"
       
     
      สองพี่น้องคู่ซี้มีส่วนคล้ายกันมากจนคนเข้าใจว่าเป็นฝาแผด แต่จริงๆ แล้ว แม้อาจจะมีมุมที่คล้ายกันบ้าง แต่นิสัยและไลฟ์สไตล์ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะเฟย์ออกจะเป็นแนวห้าวๆ ส่วนฟางจะออกแนวหวาน น่ารัก
       
     
      "ตอนเด็กฟางกับเฟย์จะโดนจับแต่งตัวเหมือนกัน ตอนเด็กเหมือนฝาแฝดมากๆ แม่ก็จะซื้อเสื้อแบบดับเบิล จะได้ไม่แย่งกัน ตัดปัญหาด้วยการซื้อแบบละสองชิ้น เวลาใส่ก็ใส่เหมือนกัน คนก็ทักว่าเป็นฝาแฝด คือเราจะมีทุกอย่างที่เหมือนกัน พอโตขึ้นมาก็เริ่มเห็นความแตกต่าง แต่ความเหมือนที่เห็นได้ชัดก็เช่น วิธีการพูด สไตล์การพูด ความคิดก็จะออกแนวคล้ายๆ กัน ทัศนคติคล้ายกัน ที่ไม่เหมือนก็อาจจะเป็นนิสัยของแต่ละคน เพราะเฟย์นิสัยจะไม่เหมือนฟางเลย เขาจะออกแนวอินดี้ ชอบอยู่คนเดียว ติสท์หน่อย เฟย์จะชอบไปข้างนอกเจอเพื่อน สังสรรค์ แต่ฟางจะชอบอยู่บ้าน อยู่กับแม่ ติดแม่ ชอบอยู่บ้านมากกว่า ไลฟ์สไตล์จะไม่เหมือนกัน"
       
     
      ถ้ามองภายนอกเฟย์อาจจะดูเหมือนเป็นพี่สาว เพราะหน้าจะดูนิ่งๆ ส่วนฟางจะยิ้ม คุยเล่นตลอดเวลา "เวลาไปทัวร์ คอนเสิร์ตเฟย์ก็จะคอยบอกให้พี่ฟางเก็บนู่น เก็บนี่ บ่นตลอดเวลา แต่ลึกๆ แล้ว ฟางก็รู้สึกว่าเราก็ยังโตกว่าอยู่ แต่เราแค่ไม่แสดงออก ให้น้องดูแลไป (คนพูดหัวเราะเสียงใส) บางทีเราก็มีโต้กลับเหมือนกัน "เฟย์บ่นมากเลย...นี่ฟางเป็นพี่นะ"
       
     
      เราไม่เคยทะเลาะกันจริงจัง แต่ถ้าเถียงกันนี่ประจำ ทุกวัน ได้ตั้งแต่เรื่องเล็กมากๆ จนถึงเรื่องใหญ่ เช่นใครจะนั่งฝั่งไหน จะนอนเตียงไหน เวลาไปต่างจังหวัด ใครจะเป็นคนโทร.หาแม่ก่อน ใครจะชาร์จแบตก่อน เสียบปลั๊กชาร์จแบตยังทะเลาะกันได้น่ะ ฟางเสียบชาร์จไว้ เฟย์มาถอด ก็ทะเลาะกัน เถียงกัน
       
     
      จำได้เลยว่าคุณแม่เคยร้องไห้เพราะว่าเราสองคนเถียงกัน ทะเลาะกัน ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนภายนอกอาจจะไม่รู้ว่าเราทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ คุณแม่ก็บอกว่าเป็นพี่น้องถ้าไม่รักกันแล้วใครจะมารักเรา ตอนนั้นก็ไม่กล้าทะเลาะกันให้คุณแม่เห็น แต่ก็ยังทะเลาะนะ แต่พอแม่เดินมาก็เงียบ"
     
      ฉายาวัยเด็ก 'หมูอวกาศ'
      แม้จะดูขัดกันอย่างเหลือเชื่อเมื่อสาวฟางเล่าถึงฉายาในวัยเด็ก อาทิ หมูอวกาศ, ปีศาจสาหร่าย ซึ่งมาจากบุคลิกที่เป็นเด็กอ้วน ผมยาว หน้าตาบึ้งตึง และชอบแกล้งคน จนคุณแม่ยกให้อีกหนึ่งฉายาคือ**แสบ
       
     
      "แม่เรียกฟางว่า**แสบ ฟางก็ไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าฟางเป็น แม่ก็จะมาเล่าให้ฟังตอนโตว่าตอนเด็กดื้อและซนมาก" สาวฟางย้อนถึงวีรกรรมซนๆ วัยเด็ก "ตอนนั้นอยู่ชั้นอนุบาล 2 ฟางจะขึ้นรถตู้ของโรงเรียนกลับบ้าน ฟางก็ไปบอกเพื่อนๆ ว่า 'วันนี้รถตู้ไม่มารับนะ ทุกคนรออยู่ในห้อง คุณครูไม่ให้ขึ้นรถ'...(ทำเสียงแบบเด็กซน) ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคนขับรถก็รออยู่ จนถึงตอนเย็นผู้ปกครองก็โทร.ตาม เด็กทุกคนก็นั่งอยู่ในห้อง ทำไมเพื่อนเชื่อก็ไม่รู้ แต่ฟางจำไม่ได้ แม่เล่าให้ฟังว่าคุณครูโทร.มาฟ้อง
       
     
      แต่พอโตขึ้นมาจะเป็นเด็กขี้อายมาก อาจจะเป็นเพราะตอนเด็กดื้อ โดนคุณแม่ดุบ่อย คือคุณแม่จะดุ เข้มงวด เจอเข็มขัดฟาด เปรี้ยงๆ เลย สมัยก่อนยังใช้วิธีลงมือลงไม้อยู่ ก็เลยค่อนข้างกลัว กลายเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าสั่งอาหาร ไม่กล้าซื้อของเอง กลัวเจอหน้าผู้คน เวลาไปกินอะไรกับพ่อแม่ ก็จะบอกให้แม่สั่งให้หน่อย (ทำเสียงอ้อนๆ) คือไม่กล้าเรียก ไม่กล้าปฏิสัมพันธ์กับคนเลย จนแม่จับไปเรียนร้องเพลง ให้มีกิจกรรมทำ เรียนเปียโน เรียนเต้น ให้เป็นเด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น"
       
     
      ส่วนฉายาต่อมาสาวฟางเล่าอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับแอบค้อนเฟย์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไป เพราะน้องสาวคนนี้เป็นผู้ร่วมแก๊งล้อเลียนพี่สาวด้วย
       
     
      "เพื่อนจะเรียกว่าหมูอวกาศ เพราะตัวฟางอ้วนเป็นข้อ ปล้องๆ เหมือนยางรถยนต์มิชลินน่ะ ขนาดเฟย์เป็นน้องแท้ๆ นะ ยังไปร่วมแก๊งกับลูกพี่ลูกน้องเรียกฟางเป็น ปีศาจสาหร่าย คือตอนนั้นฟางผมยาว แล้วหน้าบึ้งๆ เป็นเด็กกวนประสาท มีรูปถ่ายตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ฟางยิ้มนับรูปได้เลย หน้าประมาณอารมณ์บ่จอยตลอดเวลา ลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่าก็จะกลัว แล้วเฟย์ก็ไปร่วมแก๊งกับเขา ได้ทีเรียกฟางปีศาจสาหร่ายๆ แล้วก็เข้ามาปิดประตู 'เราจะไล่มันออกไป ปีศาจสาหร่าย' จำได้ว่าฟางจะอยู่กับพี่ผู้ชาย เขาจะโตกว่า ชอบสวมผ้าคลุมสีแดง กับสีขาว แล้วเฟย์จะชอบนั่งต่อเลโก้กับพี่ผู้หญิง ต่อสูงๆ เป็นตุ๊กตา ฟางกับพี่ผู้ชายก็จะสวมเสื้อคลุมแล้ววิ่งเข้าไปพังทุกอย่างเลย" (หัวเราะเสียงใส)
     
      มีต่อนะคะ
      V
      V
      V
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | dcrm42 | 25 ก.พ. 55 20:17 น.

ไม่ยอมแพ้...เรื่องการเรียน
      เธอเป็นเด็กที่เรียนดี เรียนเก่งมาตลอด ได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.6 และได้ทุนเรียนดีมาตลอด 10 ปี และความฝันวัยเด็กคือเธออยากเป็นคุณหมอเหมือนคุณพ่อ (พอ.นพ. ทรงพล นีระสิงห์) ซึ่งเป็นหมอทหาร
       
     
      "ตอนเด็กคุณพ่อไม่กล้าที่จะฉีดยาให้ลูก เพราะว่าเด็กเวลาโดนใครตี หรือโดนใครทำอะไรก็จะเกลียด คุณพ่อกลัวโดนลูกเกลียด ก็ไม่กล้าฉีดยาให้ลูก ต้องพาไปโรงพยาบาล จนคุณแม่ต้องบอกให้ฉีดยาให้ลูก ลูกโตแล้ว ถึงจะฉีดยาได้ (สาวหน้าหวานเล่ายิ้มๆ)
       
     
      เรื่องทำงาน หรือเรื่องเรียน คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับว่าเกรดจะต้องดี เขาแค่อยากให้เราทำให้ดีที่สุด เพราะว่าตอนช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยฟางจะเครียดนิดหน่อยกับการเรียน เพราะว่ามันค่อนข้างยาก และตอนอยู่มัธยมเราก็รักษาเกรดไว้ได้ตลอด เราไม่เคยเกรดต่ำกว่า 3.6 พอเข้ามาปี 1 แล้วเกรดน้อยว่า 3.6 เราก็เครียด แต่แม่ก็บอกว่าได้เกิน 3.00 ก็เก่งแล้ว ดีแล้ว ไม่ต้องเครียด แต่เรารู้สึกว่าไม่ได้ เรามาทำงานตรงนี้ เราก็ไม่อยากให้เสียการเรียน
       
     
      ฟางได้ทุนเรียนมาตลอด 10 กว่าปี พอเกรดตก เราก็รู้สึกว่าเราเคยทำได้ มาคิดว่าจริงๆ แล้ว ถ้าเราตั้งใจทำเราก็น่าจะทำได้นะ ทำไมเราไม่ทำให้เต็มที่ คิดอย่างนี้มากกว่า แต่ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้เกรดสูง ไม่ได้หวังถึงขนาดที่เราทำไม่ได้ แล้วเราจะเฟลกับมัน เราคิดอะไรที่แบบมันน่าจะเป็นไปได้ ถ้าเราทุ่มเทกับมันมากพอ"
       
     
      เด็กเรียนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องเกรดเฉลี่ยมาก สาวฟางก็เป็นเช่นกันที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนมาก ถึงขนาดเสียน้ำตาเพราะเกรดตกมาแล้ว
       
     
      "ฟางเรียนบัญชี จุฬาฯ จะค่อนข้างหนัก คือหลักสูตรก็หนักแล้ว ที่หนักกว่าคือเพื่อน แต่ละคนเก่งมาก แบบจีเนียส ได้เกรดเฉลี่ยสูงมาก จนเราตก Mean (ค่าเฉลี่ย) คือไม่เคยตก Mean มาก่อน ก็เลยช็อก ตอนนั้นอยู่ในช่วงคอนเสิร์ตด้วย เพราะเรียนภาคปกติ ตอนที่เราสอบ ก็เป็นช่วงที่เราซ้อมคอนเสิร์ตหนักมาก ซ้อมเสร็จตี 2 ต้องมานั่งอ่านหนังสือ ปกติฟางเป็นคนนอนเก่งมาก อยู่มัธยมก็ต้องนอนน้อยลง 4 ชั่วโมง แต่ช่วงสอบนี่ 2 ชั่วโมง บางวันแทบไม่ได้นอนเลย
       
     
      มีครั้งหนึ่งซ้อมคอนเสิร์ตกามิกาเซ่ ซ้อมเสร็จประมาณเที่ยงคืน ได้ยินเขาพูดว่าขออีกรอบ ฟางก็บอกเขาว่าพรุ่งนี้ฟางมีสอบ 8 โมง จะให้ซ้อมอีกรอบหนึ่งจริงเหรอ แล้วทุกคนก็เหนื่อยเพราะว่าซ้อมมาทั้งวัน ตั้งแต่เช้า หยุดเรียน เขาก็บอกจริงๆ แล้วฟางยังไม่ได้อ่านหนังสือ ฟางก็แบบเครียดมาก เอาหนังสือมาอ่านได้ 3-4 หน้าก็ยังดี มันก็ไม่ค่อยมีสมาธิหรอก แต่เราก็อุ่นใจ ได้อ่าน พอเสร็จปุ๊บ กลับบ้านไป อ่านต่อจนถึงเช้า แล้วก็ไปสอบเลย"
       
     
      สาวฟางเล่าต่อถึงช่วงเวลาสุดเครียดในชีวิต "ความเครียดมาจากเรียนยากด้วยระดับหนึ่ง ตอนแรกรู้สึกว่ายาก แต่พอไปมองคนอื่น ทำไมพวกที่ได้เกือบเต็มทำได้ แล้วอายุก็เท่ากัน อะไรก็เท่ากัน ทำไมเราทำไม่ได้ ก็คิด แล้วก็เรื่องของเวลา การทบทวนที่เขาทำ ลักษณะนิสัยของการอ่านหนังสือ หรือการทำงานของเขา ตอนนั้นฟางเครียดจริงๆ ร้องไห้เลย รู้สึกว่าไม่เอาแล้ว อยากทำตัวเป็นเด็กไม่ดี อยากไม่เรียน งอแงมากอยู่ในห้อง
       
      ต้องคุยกับตัวเองจริงๆ แล้วเราก็มาคิด มันจะเป็นแค่ช่วงอารมณ์หนึ่ง บางทีแค่บ่นออกมาดังๆ มันก็ช่วยคลายเครียด คือฟางนั่งในห้อง อ่านหนังสือไปร้องไห้ไป น้ำตาไหล ขนาดตอนนั้นใจเราไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้องอ่าน เหมือนเราคิดว่าทำไม อายุเราแค่นี้เองนะ แต่ชีวิตทำไมมันโหลดขนาดนี้ ก็ไปคุยกับแม่ แม่บอกว่าแม่ไม่เคยบอกเลยนะว่า คือตอนแรกฟางคิดว่าเข้ามาเรียนก็ควรได้เกียรตินิยม แม่ก็มาคุยกับฟางว่า แม่ไม่เคยพูดเลยนะว่าต้องได้เกียรตินิยม แม่ไม่เคยพูดเลยนะว่าต้องได้เกรดเท่านี้ๆ แค่เห็นว่าลูกเป็นเด็กที่เรียน เป็นเด็กไม่เหลวไหลก็โอเคแล้ว คือท่านเห็นว่าเราตั้งใจเรียน พยายามเต็มที่ก็พอแล้ว อย่าไปกดดันตัวเอง
       
      ด้วยความที่ฟางเป็นลูกคนโต ฟางก็รู้ว่าเราก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ ด้วย ก็ทำให้ยิ่งเครียดมากขึ้น เคยคิดนะถ้าเราได้คะแนนห่วยขึ้นมาจะเป็นยังไง ก็เคยคิดนะ”
     
      เคยอยากเป็นหมอเพราะคุณพ่อ
      "ฟางเรียนสายวิทย์ เพราะเห็นว่าคุณพ่อเป็นหมอ แต่เราก็รู้สึกว่าคุณพ่อทำงานหนัก แต่ก่อนคุณพ่อจะมีคลินิกของตัวเอง แบบ 24 ชั่วโมง แล้วคุณพ่อชอบไปช่วยเหลือ ดูแลคนไข้ที่ต่างจังหวัดด้วย ฟางจะได้เจอคุณพ่อแค่วันพุธ และเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ตอนนั้นก็รู้สึกว่าท่านทำงานหนักมาก ฟางก็เลยคิดว่าเป็นหมอก็คงไม่เข้ากับฟาง คุณแม่ก็บอกว่ามันหนักไป ฟางก็รู้สึกว่าอยากเป็นทันตแพทย์ เพราะรู้สึกว่าหมอฟันใจดี เราก็อยากเป็นหมอฟันใจดีแบบเด็กๆ รัก (ยิ้มหวาน)
       
     
      สอบหมอก่อนตอนแรก แต่ไปได้หมอรังสิต ซึ่งจริงๆ อยากได้คณะทันตแพทย์มากกว่า ก็ไม่เอา รอแอดมิชชันกลาง แต่พอแม่มาพูดว่าเรียนทันตแพทย์ต้องตั้งใจ ต้องหยุดงานในวงการฯ ทุกอย่าง เราก็ไม่กล้าที่จะสอบหมอ เราคิดว่าเราอาจจะได้ไม่เต็มร้อย เท่ากับคนอื่น แม่ก็มาพูดว่าคณะบัญชี เข้ากับฟาง เห็นว่าเราเรียนเลขได้ แต่จริงๆ ฟางอยากเลือกสถาปัตย์ คือเราชอบออกแบบ ชอบดีไซน์ แต่คุณแม่บอกว่าเธอเรียนไม่รอดแน่ๆ ก็เลือกบัญชีรองลงมา ตอนนั้นฟางไม่งอนแม่นะ แต่พอปีที่เฟย์เอ็นท์ เฟย์บอกจะเลือกสถาปัตย์ แม่ให้น่ะ (ทำเสียงงอนๆ ) จริงๆ ฟางก็ถึกนะ ถึกภายใน" ยิ้มหวาน
       
     
      สาวฟางเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญตอนเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งใช้ความพยายามและความตั้งใจ แม้ว่าเธอจะมีเวลาอ่านหนังสือแบบจริงจังเพียงแค่ 2 สัปดาห์ แต่เธอก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ และทำคะแนนได้ดี
       
     
      "ตอนช่วงสอบเอนทรานซ์ ฟางย้ายไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง แล้วมีเพื่อนมานอนด้วยคนหนึ่ง ไม่ให้ใครรบกวน ตื่นเช้ามาดื่มกาแฟแล้วนั่งอ่านตั้งแต่ตอน 6 โมงเช้า เพราะว่าเราไม่ได้อ่านมาก่อน เรามีเวลาแค่สองอาทิตย์ที่แบบเราต้องอ่าน แล้วบางทีวันเสาร์-อาทิตย์จะมีงาน แต่วันธรรมดากลับมาจากโรงเรียนก็อ่านหนังสือทั้งวัน บางวันก็หยุดเรียนแล้วมาอ่านกับเพื่อนสองคนซึ่งตอนนั้นฟางรู้สึกว่าโชคดีที่มีเพื่อนมาด้วย เพื่อนก็บ้ากับเราด้วย มันเป็นช่วงชีวิตเดียวที่เราจะได้ทำอย่างนั้น ถ้าเราเลยช่วงเวลานั้นมา เลย ม. 6 มาแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิ์มาอ่านหนักขนาดนั้นเพื่อเอนท์ เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มันก็เลยทำให้เราสนุกกับการอ่านหนังสือ"
     
      กลายเป็นสาวบัญชี
      "ตอนแรกฟางมองว่าคนที่เรียนบัญชีจะเรียบร้อย ผู้หญิงก็จะผมยาว ผมตรง ดูออกแนววินเทจ (หัวเราะสนุก) จริงๆ ไม่ใช่ค่ะ คณะฟางก็มีผู้ชายเรียนเยอะมาก เยอะกว่าที่คิด และเป็นเด็กกิจกรรมมากๆ ก็เลยเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนทัศนคติใหม่เลย ก็ไม่คิดว่านักบัญชีจะต้องเรียบร้อย ผ้าพับไว้ นุ่มนิ่ม ช้าๆ แล้ว"
       
     
      ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชอบตัวเลขมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า ทำให้เวลาคิดจะซื้อของ หรือไปชอปปิ้ง เธอจะเหมือนคุณนายละเอียดต้องเลือกแล้วเลือกอีก ดูส่วนผสม ดูราคาเปรียบเทียบ เพื่อให้ได้ของดีและราคาสมเหตุสมผลมากที่สุด
       
     
      "ฟางไม่ถึงขนาดทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย แต่การเรียนบัญชีมันสามารถนำมาใช้ได้ อย่างเรื่องเงิน หรือการลงทุน คือเราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้น ปกติเราจะเป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว คือคุณแม่สอนมา รู้ไหมว่าฟางติดมาจนถึงทุกวันนี้ ขนมขบเคี้ยวซองละ 5 บาท คุณแม่ก็จะให้ไปดูที่ขายเป็นแพก 12 ห่อ กี่บาท เราก็วิ่งไปดูที่มันขายเป็นแพกใหญ่ ก็มาหาร ก็ราคา 4 บาทกว่า ก็เลยซื้อเป็นแพกใหญ่ เพราะเราสองคนเดี๋ยวก็หมด ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด จนตอนนี้ต่อให้ของราคาถูกกว่า 1 บาท เราก็รู้สึกว่ามันถูกกว่าแล้ว อีกอย่างคือฟางเป็นคนที่ซื้อของต้องดูส่วนผสม เนื้อปลายี่ห้อนี้ 76 % ชิ้นนี้ 86% คือเราจะไม่ถูกแบรนด์ข้างนอกหลอกเด็ดขาด เวลาซื้อของก็จะช้ามาก เพราะว่าดูแล้วดูอีก จนแม่บอกช่างมันเถอะ 1-2 บาท แม่รีบ (หัวเราะ)”
     
      ความภูมิใจของผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
      ความรับผิดชอบใหม่ที่แบ่งเอาเวลาในชีวิตการทำงานและการเรียนของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก คือการเข้าร่วมเป็นตัวแทนนิสิตของมหาวิทยาลัย และได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนอัญเชิญพระเกี้ยว แต่ถึงจะเป็นภาระที่เหนื่อย หนัก และโหดขนาดไหน สาวฟางก็ถือว่าเป็นความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้รับเกียรติสูงสุด และได้ทำประโยชน์เพื่อมหาวิทยาลัย
       
     
      "ฟางเคยได้ยินเกี่ยวกับกลุ่มตัวแทนนิสิตมาก่อน แต่ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้สนใจ เพราะว่าปีหนึ่งเราก็วุ่นวาย มีงานละคร มีงานเยอะ จนมาขึ้นปีสองเรารู้สึกว่าค่อนข้างลงตัว ก็เลยคิดว่าอยากลองทำกิจกรรมอะไรเพื่อมหา'ลัยบ้าง
       
     
      บอกตามตรงว่าฟางไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าเพื่อนจะไปสมัครและเรียกฟางไป เราก็ไปสมัครด้วย เพราะว่าใจอยากจะทำกิจกรรมอะไรสักอย่างอยู่แล้ว พอไปถึงปรากฏว่ามีการคัดเลือก 5 รอบ ปีนี้เยอะสุดประมาณ 400 คน ซึ่งเขาจะมีเกณฑ์ในการสมัคร หลังจากนั้นให้เข้าไปสัมภาษณ์กลุ่ม สอบข้อเขียนเกี่ยวกับประวัติจุฬาฯ ประวัติงานบอลฯ ความรู้ทั่วไป สอบข้อเขียนเลย เสร็จแล้วก็คัดคน พอผ่านเข้ามาก็จะมีกิจกรรมกลุ่ม เป็นกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ตามสถานที่ต่างๆ สุดท้ายก็คือสัมภาษณ์เดี่ยว เข้าไปคนเดียวแล้วมีรุ่นพี่มาสัมภาษณ์เรา นั่นคือการคัดเพื่อเป็นกลุ่มตัวแทนนิสิต 12 คน ผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 6 คน"
       
     
      คนภายนอกอาจจะมองว่าเธอเป็นตัวแทนอัญเชิญพระเกี้ยว ซ้อมมารยาท ซ้อมทำกิจกรรมเฉพาะวันงานฟุตบอลฯ แต่เธอเล่าว่าหลังจากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนิสิตแล้วเธอต้องทำกิจกรรม ลงพื้นที่ทำงานมาตลอดเป็นระยะเวลา 1 ปี
       
     
      "เราก็ไปทำกิจกรรมต่างๆ อย่างปีที่แล้วก็ช่วยเหลือน้ำท่วม ไปทาสีโรงเรียน รับบริจาค ไปทำไอศกรีมขายที่พารากอน เพื่อเอาเงินไปช่วยเหลือ ลงพื้นที่ก็ไป ฟางไม่เคยคิดว่าต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้ ขอบอกว่าบางคนอาจจะเห็นว่ามันก็แค่วันงานบอล แต่จริงๆ แล้วเราทำงานกันก่อนล่วงหน้าหลายเดือนมาก จนฟางรู้สึกว่าเอาเวลานอนฟางไปหมดเลยน่ะ หมดเลย ฟางกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม จากปกติตอนปีหนึ่ง เลิกเรียนกลับบ้าน เลิกซ้อมกลับบ้าน เพราะว่าเหนื่อยมาก นี่อยู่มหา'ลัยจนถึง 4-5 ทุ่ม บางทีถึงเที่ยงคืน เพื่อจะทำงานกิจกรรมนี้
       
     
      มันยิ่งกว่าประกวดอะไรสักอย่าง เก็บตัวห้องหนึ่ง คนตอบคำถามอยู่อีกห้องหนึ่ง คนไม่ตอบอยู่อีกห้องหนึ่ง คนตอบเสร็จแล้วก็ไป เพื่อให้แฟร์กับทุกคน ว่าไม่ได้ยินคำถามมาก่อน จะมีคำถามกลางหนึ่งคำถาม แล้วก็จับฉลากอีกหนึ่งคำถาม ณ ตรงนั้นเลย คำถามเกี่ยวกับมหา'ลัย คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวทั่วไป ทัศนคติต่างๆ ซึ่งขึ้นไปยืนบนเวที คนเดียว แล้วมีไมค์อยู่ตรงหน้า แล้วทุกคนก็นั่งฟัง คือทุกคำพูดที่เราพูดออกไป ขนาดเสียงหายใจยังได้ยินน่ะ คือมันเงียบมาก ทุกคนรอฟังสิ่งที่เราจะพูด ยิ่งกว่ากล่าวคำปราศัยอีก ที่คุยกับเพื่อนคือทุกคนก็กังวลว่าจะขึ้นไตอบยังไง ไม่ใช่กังวลว่าใครจะได้อัญเชิญพระเกี้ยว แต่กังวลว่าตอบไม่ดีแล้วมันจะเสียชื่อเสียงตัวแทนนิสิต คุณพ่อคุณแม่มาดู กลัวท่านจะเสียหน้า ตอนนั้นคิดอย่างนั้น
       
     
      ฟางก็ทำสมาธิก่อน พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุด เพราะถ้าเราท่อง หรือเราคิดว่าคำถามเป็นอย่างนี้แล้วจำมา การพูดมันจะตะกุกตะกัก และบวกกับความตื่นเต้น ฟางต้องบอกว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นแบบน้ำตาจะไหล มันจะพูดไม่ได้เลย ก็พยายามพูดให้เป็นตัวเองมากที่สุด ฟางก็คิดว่าหนัก แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ครั้งหนึ่งเราได้เป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วเราก็ได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ด้วยก็เป็นความภูมิใจของเรา"
     
    ยังมีต่ออีกนะ อาจจะยาวไปหน่อย

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | dcrm42 | 25 ก.พ. 55 20:20 น.

ฝันอยากทำขนมที่อร่อยที่สุด
      ไลฟ์สไตล์ของสาวฟางก็หวานไม่แพ้หน้าตาของเธอ เพราะเธอชอบทำขนมมาก และมีความฝันที่อยากจะเปิดร้านขนมของตัวเอง แต่ความฝันของเธอไม่ธรรมดา ต้องเป็นร้านขนมที่มีความพิเศษทำให้คนคิดถึงขนมที่ร้านนี้และอยากกินมากๆ ถึงขนาดต้องต่อแถว
       
     
      "เวลาว่างก็ชอบทำขนม เคยเรียนคอร์สสั้นๆ แต่ปกติจะเรียนกับคุณป้า คุณป้าฟางจะเป็นคนชอบทำขนมมาก เบเกอรี คัพเค้ก พาย บางทีก็ทำช็อกโกแลตบ้าง คุณแม่จะชอบทำอาหาร ก็เหมือนเราได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆ ก็อยากจะเข้าไปช่วยคุณแม่ในครัว คุณแม่บอกว่าอยากช่วยใช่ไหม ช่วยออกไปไกลๆ หน่อย ก็จะได้แค่ดู เพราะส่วนใหญ่ฟางชอบอยู่บ้านมาก ออกไปข้างนอกฟางรู้สึกว่าเหนื่อย ฟางก็จะอยู่บ้าน อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ใช้เวลา ฟังเพลง เล่นเปียโน ดูทีวี อ่านหนังสือ ตอนนี้ติดอ่านหนังสือนอกเวลา มีเยอะมาก
       
     
      ตอนนี้ทำมาการอง เป็นขนมฝรั่งเศสที่ไม่ใช้แป้ง ใช้ผงอัลมอนด์ นี่บอกสูตรเลยนะ (หัวเราะ) เป็นขนมที่ตอนแรกฟางไม่กล้ากิน เพราะว่ากลัวอ้วนมาก แต่จริงๆ ผงอัลมอนด์มันก็มีน้ำตาล แต่ไม่มีแป้ง ก็ไม่ได้เป็นคาร์โบไฮเดรตขนาดนั้น แต่มันทำยากมากทำแล้วทิ้ง ที่เห็นว่ามันแพง เพราะว่ามันทำยาก ทำแล้วมันไม่ขึ้น ครั้งแรกที่ทำ 3 ถาด ใช้ไม่ได้เลย มาใช้ได้ถาดที่ 4 ถ้าในบ้านก็อาจจะทำได้เยอะหน่อย แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นก็อาจจะเบสิกอยู่ คือเราไม่ทำเป็นขั้นเป็นตอน เราทำเฉพาะที่เราอยากจะทำ"
       
     
      พอถามว่าชอบกินขนมแล้วกลัวอ้วนไหมเธอก็ตอบว่า “ก็ระวัง ไม่กินไง ทำให้คนอื่นกิน ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่คนอื่น ให้คนอื่นชิมก่อนเลย ฟางก็กินบ้าง ฟางเป็นคนชอบกินขนมอยู่แล้ว ช็อกโกแลต ชอบมาก มาการองก็ชอบ ชอบกินขนม แต่ก็กินเป็นเวลา กินตอนเช้า นิดๆ หน่อยๆ อยากเปิดร้านเบเกอรีมาก บอกแม่ว่าขอไปเรียนทำขนม แม่บอกเรียนให้จบก่อน แล้วค่อยไปเรียนเสริม จริงๆ อยากเปิดร้านเบเกอรี แล้วไม่ใช่เบเกอรีธรรมดา"
       
     
      เธอเล่าถึงความฝันด้วยดวงตาเป็นประกาย “ต้องเป็นเบเกอรีที่คนต่อแถวยาวมาก และแต่ละชิ้นมีกิมมิกของตัวเอง ไม่ใช่แค่ทำแบบง่ายๆ ทำส่งๆ แค่มีขาย อันนี้ไม่รู้เวอร์ไปหรือเปล่า เหมือนคนเป็นแฟนกัน เขาเป็นคนรักกำลังจะตายอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วคำขอสุดท้ายคืออยากกินขนมร้านนี้ แล้วเขาต้องไปต่อแถวเพื่อไปเอามา เพราะว่าทำแค่สเปเชียลไม่กี่ชิ้น ต่อหนึ่งวัน อยากให้เป็นขนมที่มันเป็นมากกว่าขนม คือให้เขารับรู้ เพราะว่าการทำขนมมันยากนะคะ มันมีขั้นตอน มีกรรมวิธี แต่คนกินไปก็แค่อร่อย ไม่อร่อย เขาอาจจะแยกไม่ออกว่าอันไหนอร่อยจากการตั้งใจทำ หรืออันไหนอร่อยจากการที่เก่งอยู่แล้ว ทำๆ ไป เราอยากให้คนอินเข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่น คือการทำขนมเราต้องแฮปปี้กับการทำ บางทีออกมาไม่อร่อย แต่เราแฮปปี้ก็กินมันได้ (หัวเราะร่าเริง)”
     
      หวานนอกแข็งใน
      บุคลิกภายนอกดูเป็นสาวหวานสไตล์เกาหลี แถมมีคนทักบ่อยๆ ว่าเธอคล้ายศิลปินเกาหลีที่ชื่อจียอน วง T-ara ซึ่งสาวฟางก็รับแบบยิ้มๆ "มีคนทักบ้างว่าหน้าฟางเหมือนนักร้อง เราก็บอกไม่เหมือนนะ เพราะเราไม่รู้ไงว่าคนไหน ก็ถามเขาว่าแล้วสวยหรือเปล่าล่ะ เขาก็บอกโอเค หน้าตาดี สวยๆ เราก็โอเคๆ ไม่ถามต่อแล้ว
       
     
      แค่ถ้าพูดถึงสไตล์ของฟางก็ไม่เชิงเกาหลีนะ แต่อาจจะเป็นเพราะเป็นคนเอเชียด้วย สไตล์ก็เลยคล้ายๆ กัน แต่ปกติฟางก็ชอบดูซีรีส์กอสซิปเกิร์ล ดูซีรีส์วัยรุ่นมากกว่า gee อย่างเนี่ย อย่างหนังเกาหลี แรกๆ ก็ดู แต่พอหลังๆ เรื่องก็ซ้ำกันไป ซ้ำกันมา
       
     
      อย่างประเทศเขาเป็นเมืองหนาวทั้งแฟชั่น การแต่งหน้ามันก็ต้องแตกต่างจากบ้านเราอยู่แล้ว เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน เห็นหน้าคนเกาหลีดูวิ๊งๆ ใช่ไหม ถ้าทาบ้านเรา อาจจะโดนทักทำไมวันนี้หน้ามัน คือมันก็ไม่เหมือนกัน ฟางก็อยากจะบอก สำหรับใครที่ชื่นชอบอะไรก็ตาม คือต้องมาปรับให้เหมาะสมกับตัวเองด้วย เพราะว่าเทรนด์ หรือแฟชั่นมันก็มาเร็วไปเร็ว หาอะไรที่ตัวเองใช้แล้วมันดี จะดีกว่า
       
     
      ฟางมีกางเกงขายาวนับตัวได้เลยที่จะสามารถใส่ออกไปได้ นอกจากกางเกงซ้อมเต้น ก็มีกางเกงยีนส์ขายาวอยู่ตัวเดียวเอง เพราะฟางไม่ใส่เลย ส้นสูงต้องใส่ จัดเต็ม ชุดส่วนใหญ่จะชอบใส่เดรส ก็เวลาชอปปิ้งชอบไปกับแม่ พอเลือกตัวไหนมาคุณแม่ก็จะบอกว่าดี ประมาณสไตล์ว่าเป็นลูกสาวของแม่ จับแต่งตัว แต่เฟย์เวลาซื้อแม่จะทัก ตัวนี้เหรอเฟย์ เขาใส่กันอย่างนี้เหรอเฟย์ เฟย์เขาจะมีสไตล์ของเขาเองที่เข้าใจยากนิดหนึ่ง ถ้าฟางใส่แบบเฟย์ก็คงไม่ได้
       
     
      เคยใส่แบบเปรี้ยวๆ นะ แต่เฟย์บอกว่าพี่ฟาง ไม่เห็นเข้ากับพี่ฟางเลยชุดนี้ เราก็ อ้าว! จริงเหรอ ต่อให้เราใส่เสื้อผ้าที่ดูเซ็กซี่ มันก็ไม่เซ็กซี่ ใส่ให้ดูห้าว เท่ มันก็ดูไม่ห้าว ก็คงแล้วแต่คน เสื้อผ้าไปใส่แต่ละคนก็เป็นคนละบุคลิกไป"
       
     
      "ตัวตนจริงๆ ฟางไม่หวานนะ อย่าคิดว่าหวาน เป็นคนค่อนข้างสู้มาก เป็นคนสู้แบบไฟต์มากทุกเรื่อง ไม่มีทางที่จะให้ใครมาเอาเปรียบ คือเราจะไม่เอาเปรียบใคร และเราก็ไม่ให้มาเอาเปรียบเด็ดขาด เวลาเถียง อะไรที่เป็นเรื่องจริง เราต้องเอาให้ได้
       
     
      ด้วยความที่เราเป็นพี่คนโต นิสัยเราก็ต้องแบบเข้มแข็งที่จะดูแลน้องๆ ได้ เราจะได้ไม่ต้องโดนคนมารังแก เพราะว่าอย่างลุคเราเป็นอย่างนี้แล้ว คนก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ เราก็ต้องมีอะไรที่ขัดกันบ้าง แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนที่ใจอ่อนมาก แต่เราพยายามที่จะมีอะไรป้องกันเอาไว้ เพราะเป็นคนที่อ่อนไหวมาก เวลาเพื่อนหรือใครทำให้เสียใจ จะเฮิร์ตมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องมีสกรีนไว้ก่อน ว่าคนไหนเป็นเพื่อนเราจริงๆ คนไหนไม่ใช่ เพราะว่าคนผ่านเข้ามาก็เยอะ เราก็ต้องดูดีๆ
       
     
      ก่อนหน้านี้ฟางเป็นคนที่แข็งกว่านี้อีก ก่อนที่จะเข้าวงการฯ แต่พอเราเข้ามาทำงานตรงนี้ เราก็จะมีอารมณ์ศิลปิน เวลาไปร้องเพลง เราก็กล้า คือการทำงานของเราไม่ได้เป็นกฎ เราต้องให้อารมณ์พาไป เพราะฉะนั้นเราต้องเปิดใจตัวเอง แล้วทีนี้พอเปิดปุ๊บก็ไปเลย กลายเป็นคนเซ็นซิทีฟมากๆ จากปกติเราแข็งก็จะกันไว้ได้ แต่อย่างนี้คือ รู้สึกว่าเราเป็นคนอ่อนไหวมากขึ้น แต่ก่อนไม่กล้าร้องไห้ให้คนอื่นเห็น เดี๋ยวนี้ก็คือร้องได้ ร้องบ่อยด้วย เหมือนเป็นมุมของเราอีกแบบหนึ่งที่เราเพิ่งรู้ว่าจริงๆ เราก็มีอย่างนี้ ซ่อนอยู่ด้วย"
     
      งานเพลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
      สาวฟางเล่าถึงงานเพลง ซึ่งเป็นงานที่รักและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ “ฟางว่าฟางโชคดี บางคนบอกว่าเข้าวงการฯ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ดีนะ เหมือนชีวิตวัยเด็กจะหายไป ไม่มีทางเหมือนเดิม แต่ฟางโชคดีที่เข้ามาก็มีเพื่อนกามิกาเซ่ ซึ่งเป็นวัยเดียวกัน ตอนนั้นเราก็เด็กเหมือนกันหมด ไม่ได้แก่งแย่งชิงดี หรืออะไร แต่พอโตมาเรื่อยๆ มีคุณพ่อ คุณแม่ ดูแล เราก็โตขึ้นมาแบบเดินตรงเส้น ไม่ได้ออกไปทางไหน
       
     
      สำหรับสไตล์เพลงที่ฟางชอบจะเป็นเพลง แนวคลาสสิก โอเปรา บรอดเวย์ เรียนมาก่อน เราชอบนะ รู้สึกว่าคนละศาสตร์กัน ละครเวทีฟางชอบ รู้สึกว่ามันใช่ ร้องด้วย แสดง แล้วมันสด ช่วงนี้ชอบฟังเพลงชิล...ชิล เบาๆ เพลงบรรเลงบ้าง ไม่ได้ฟังแนวฮิปฮอป ตึ๊ดๆ
       
     
      ถ้าไม่รัก ไม่ได้ชอบการร้องเพลง คนอาจจะคิดว่าการทำงานในวงการฯ จะเป็นโอกาสที่เข้ามากอบโกย หรืออะไร แต่ฟางบอกว่าสิ่งนั้นมันไม่ใช่เลย ถ้าไม่ได้ชอบการร้องเพลง มันจะทนอยู่ไม่ได้ มันจะเหนื่อย จะหนักเกินไป เวลาที่เราต้องไปร้องคอนเสิร์ต เวลาที่เราไม่ได้นอน ต้องไปเจอ สัมภาษณ์ เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ และเราเลือกเอง เราก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับมัน ไม่ใช่แค่เราคนเดียวยังมีเพื่อน มีแฟนคลับ"
       
     
      เคล็ดลับรอยยิ้มสดใสของเจ้าหญิงอยู่ที่คนรอบตัวนี่เอง โดยเฉพาะแฟนคลับที่ทำให้เธอยิ้มได้เสมอ "บางทีฟางเหนื่อยๆ ออกมารู้สึกใกล้ตายแล้ว (หัวเราะ) จะหลับแล้ว ไม่ไหวแล้ว แต่ออกมาเห็นแฟนๆ เขารออยู่ เราก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้เขารู้สึกหรือเห็นว่าเราเหนื่อยขนาดนั้น คือเขามารอตั้งนาน ช่วงเวลาที่เขาได้เห็นเรา หรือเจอเราแป๊บเดียว ถ้าเขาเห็นเราเหนื่อยๆ เขาอุตส่าห์มารอ ฟางก็รู้สึกว่าเราทำให้ได้ดีที่สุด ให้เขาเห็น ว่าเราไม่เหนื่อยนะ (ยิ้มหวาน) ทำให้เขารู้สึกดี เพราะว่าเขาเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ สำหรับเรา"
       
     
      "เราก็รู้สึกว่าเราโตเร็วกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะเรามีความรับผิดชอบเร็วด้วย เรามีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ เราเจอกับคนหลายรูปแบบ เหมือนทำให้เราเริ่มสร้าง มีเกราะป้องกัน ที่ดีขึ้น มีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น เราได้มุมมอง การมองโลกกว้างขึ้น พัฒนาได้เร็วขึ้น มีความรับผิดชอบกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ค้นพบตัวเองไปเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วตัวเราเองชอบอะไร"
     
      Love me, Love my family
      ความรักของสาวฟางก็ดูจะหวานจนหลายคนอิจฉา เพราะเธอกำลังคบอยู่กับป๊อปปี้ (ภาณุ จิระคุณ) ศิลปินหนุ่มร่วมค่าย วง K-OTIC "ความรัก ไม่ว่าในรูปไหนก็เป็นเรื่องที่สวยงามมาก แต่อยู่ที่ว่าเราสามารถจะคอนโทรล หรือควบคุมความรักได้ไหม เพราะว่า บางคนรู้สึกรักกับหลงมันไม่เหมือนกัน ฟางรู้สึกว่าถ้ารักก็คือต้องรักแบบมีสติ ฟางคิดว่าถ้ารักแบบมีสติทุกอย่างก็น่าจะดี เพราะว่าเรื่องความรักมันเป็นทั้งแรงบันดาลใจ แรงผลักดัน ให้เราทำอะไรได้หลายๆ อย่าง
       
     
      พอถามถึงสเปก สาวฟางพูดทีเล่นทีจริงอย่างขำๆ “ชอบแบบทไวไลท์ เจค็อบ เทเลอร์ อย่างนั้นเลย (ยิ้มเขินๆ ) จริงๆ ไม่ได้อะไรเท่าไหร่นะ แค่ชอบแบบซิกแพก (หัวเราะคิกคัก) จริงๆ แล้วไม่ใช่ คือฟางชอบผู้ชายที่ดูเป็นผู้ชาย คือรู้สึกว่าคือคนที่สามารถปกป้องเราได้
     
      นิสัยที่ไม่ชอบคือคนโกหก เจ้าชู้ ขอแค่เข้ากับเราได้ ต้องยอมรับเราได้ด้วย บางทีเราไม่มีเวลา หรือบางทีเรามีเวลา แต่อยากให้ครอบครัวมากกว่า ก็ต้องโอเค สำหรับเราครอบครัวต้องมาก่อน ถ้าเขาเป็นคนไม่รักครอบครัวก็อาจจะอยู่กับเราไม่ได้ แต่ถ้าเขาเป็นคนรักครอบครัวแล้วเขาก็เข้าได้ทั้งกับตัวเราและครอบครัวเราได้ด้วย"
     
     
---------

     
      ชื่อ-สกุล: ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์
      ชื่อเล่น: ฟาง
      วันเกิด: 12 กันยายน 2534
      ประวัติการศึกษา: คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 2
      ประวัติการทำงาน: นักร้องกลุ่มหญิง 3 คนที่ใช้ชื่อว่า "เฟย์ ฟาง แก้ว (FFK)" ในค่ายกามิกาเซ่ (Kamikaze) ในเครือของอาร์เอส
     
      ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
     
      ภาพโดย พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร
     
      ขอบคุณภาพประกอบจาก facebook

credit : http://www.manager.co.th/Daily/View.........D=9550000024687

ยาวไปหน่อยนะ แต่อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน
เราว่าฟางเป็นตัวอย่างที่ดีคนหนึ่งให้กับเด็กๆในยุคนี้เลย ^^
ดีใจและภูมิใจที่ได้รักเธอและรัก FFK
รออัลบั้มใหม่อยู่นะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | MyBlue_GooddreaM | 25 ก.พ. 55 20:31 น.

แนะนำให้อ่านให้จบจริงๆค่ะ
แล้วจะรู้ว่าพี่คนนี้เค้า 'ใจอ่ะ สวยมาก!'

ไอดอลเราเลยนะเออ =w='

แก้ไขล่าสุด 25 ก.พ. 55 20:31 | ไอพี: ไม่แสดง

#4 | /-เจย์คอปเอ็ดจูน<3 | 25 ก.พ. 55 21:46 น.

เราก็ชอบพี่ฟาง 

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | .คุณปู่เจบี | 25 ก.พ. 55 22:34 น.

แม่เป็ด ><
พี่ฟางเธอสวยมาก!!

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | mayyp*\ | 26 ก.พ. 55 00:01 น.

รักผู้หญิงคนนี้ 

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | (danie*) | 26 ก.พ. 55 21:17 น.

พี่ฟางเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก เก่งมากๆด้วย รักผู้หญิงคนนี้มากๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | `.Paraboloid? | 28 ก.พ. 55 09:11 น.

same #1
ต้องอ่านให้จบจริงๆ แล้วจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้สุดยอด 
คุณเจ๋งมาก ปิศาจสาหร่าย 

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | ฮิปโปถลาลม'0' | 2 มี.ค. 55 18:17 น.

น่ารักโคต.ร

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | memou | 4 มี.ค. 55 14:46 น.

เจ้าหญิง ><

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | 314415/.- | 26 ต.ค. 55 20:22 น.

เป็ดเป็ดเป็ด

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google