'-.,[จริงหรือไม่?]ลำบากวันนี้แล้วสบายวันหน้า
เราเห็นเพื่อนผู้หญิงที่เราสนิทด้วยคนนึง เธอจัดว่าก็น่ารักนะ คือ ขาว ออกหมวยๆ
แบบว่าชีวิตเพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนชีวิตวัยรุ่นมอปลายทั่วไป
คือเที่ยวเล่น ซื้อเสื้อผ้าสวย(แบรนด์เนมบ้าง) รักสวยรักงาม แต่การเรียนเธอก็ไม่ค่อยสนใจ แต่แบบมีเงินใช้ไม่ขาดมือไง เพราะพ่อแม่ส่งมาให้ตลอดๆ แบบชีวิตเป็นอยู่สบายโคตรๆ แต่งตัวสวยๆ
ซึ่งตรงข้ามกับเราหมดเลยอะ เพราะเราถูกพ่อแม่สั่งสอนมาตลอดว่าลำบากในวันนี้จะสบายในวันหน้า และเราต้องอ่านหนังสือทำการบ้านทุกคืนเพื่อประคองเกรดไม่ให้ตก แต่พอไม่กี่วันนี้เกรดออกมาเราโคตรจะเป็นลมอ่ะ แบบว่าเกรดตกมากเลย ช๊อกไม่หาย ไม่กล้าบอกพ่อแม่กลัวโดนด่า -เราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะ บางทีก็มองเพื่อนคนอื่นๆ เขาทำไมเขาไม่มาเครียดเรื่องครอบครัวเรื่องเรียนบ้างว่.ะ บางทีก็แอบคิดว่าอาจเพราะพ่อแม่เราหัวโบราณท่านเลยอยากให้เราเรียนสูงๆ แต่เสื้อผ้าไรงี้เราไม่ค่อยได้ซื้อใส่สวยๆแบบเพื่อนหรอก เพราะพ่อแม่ให้ตังค์ไม่เยอะ
เราเลยอยากรู้ว่าเพื่อนๆในบอร์ดนี้คิดยังไงกับความพูดที่ว่า 'ลำบากวันนี้แล้วสบายวันหน้า'
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
# 1
แต่พ่อแม่เราแบบว่าพ่นใส่เราลูกเดียวนะ ว่าถ้าเราทำตัวยังงี้คือ
เราจะชอบเล่นคอมเฉพาะตอนกลางวัน ถึง สองสามทุ่ม พอตกดึกๆ ก็ขึ้นไปอ่านหนังสือ
แต่ 'แม่' เราจะบอกว่า 'มึ.งขึ้นไปก็มีแต่นอน หนังสือไม่อ่าน'
อะไรเทือกนี้แหละ บางทีก็ว่าให้เราหนีออกจากบ้านไปทำงาน ไปขายตัว ไปรับจ้างล้างจาน
แค่นั้นยังไม่พอ ยังเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเราอีก ซึ่งแบบว่าเราน้อยใจอ่ะ รับไม่ได้
เราไม่เถียงนะ แต่เก็บทุกคำพูดเอาไปเขียนระบายใส่ไดอารี่แทน
ตอนนี้โคต.รสับสนกับชีวิตอ่ะ
เราคิดว่ามันอยู่ที่ฐานะของเค้าด้วยคะ
เพื่อน จขกท ที่บ้านเค้าอาจจะมีอาชีพหนุนหลังเป็นทุนอยู่แล้ว
เช่นมีบริษัท มีโรงงาน พ่อแม่มีเงินเก็บเยอะ รวยล้นฟ้า
หรือมีกิจการที่จะให้เค้าสืบทอดแล้วก็เลี้ยงชีพได้ (เราแอบอิจฉา)
ส่วนพวกที่พ่อแม่ไม่มีกิจการไว้หนุนหลัง
เงินเก็บไม่ค่อยเยอะ อาชีพไม่มั่นคง ไม่มีกิจการให้ลูกหลานสืบทอด
ก็คงจะต้องตั้งใจเรียนหน่อย จบออกมาก็ได้งานทำดี ๆ
อนาคตก็จะดี ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานทำ
เราคิดแบบนี้อะ 555555555
แต่ที่ว่า ลำบากวันนี้สบายวันหน้า เราเห็นด้วยค้ะ
อย่าเครียดนะ จขกท.
มันแล้วแต่ครอบครัวนะเราว่า
เราว่าถ้าครอบครัวไหนรวยส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยสอนลูกว่าลำบากวันนี้สบายวันหน้าหรอก เพราะลูกเกิดมาก็สบายแล้วก็จะยึดติดว่าไม่มีทางจน
แต่เรา ครอบครัวเราอยูในฐานะปานกลาง อยู่บ้านทาวเฮ้าเล็กๆ พ่อก็ทำงานบัญชีแม่ก็ทำงานราชการ พ่อกับแม่เลยสอน+บังคับให้เราตั้งใจเรียนโตไปก็จะได้มีงานดีๆทำ เราว่าคำว่า "ลำบากวันนี้สบายวันหน้า" มันจริงนะ
คือแบบอย่างที่ จขกท. บอกว่าเพื่อนๆ จขกท. มีเงินใช้ของดีๆแพงๆ เราลองคิดกลับกันถ้าเกิดในอนาคต บ้านเขาอาจจะล่มละลาย ไม่มีเงินใช้ แต่นิสัยใช้ของฟุ่มเฟือยยังอยู่ ตอนนั้นเขาก็จำลำบากมากกกกกกกกก
ซึ่งต่างกับเรา เพราะเราก็ไม่ได้รวยไรมาก(บวกกับมีนิสัยขี้งก )ถึงโตไปมีงานดีๆทำได้เงินเยอะก็ยังคงนิสัยงกเหมือนเดิม555555555 ทำให้มีเงินเก็บเยอะ มีบ้านอยู่หลังใหญ่ๆ เพราะเราเหนตัวอย่างจากพี่สาวของเพื่อนเรานะ เขาตั้งใจเรียนมาก ได้เกรด4ตลอดๆจนจบม.6 แล้วก็เอ็นติดหมอ ตอนนี้ก็เป็นหมออยู่ต่างจังหวัด วันๆดูสบายๆ คนไข้ไม่ค่อยเยอะ 555555555 ได้เงินค่ารักษาก็เยอะด้วย
สรุปเลยละกัน เพ้อมานาน 555555555
เราว่าคำพูดที่ว่า "ลำบากในวันนี้ สบายในวันหน้า" จริงแท้แน่นอน 100% ยังไง จขกท. ก็ต้องขยันให้มากขึ้น เพราะเราขยันเท่านี้ผลก็ยังไม่ดีแสดงว่าเราก็ต้องขยันขึ้นๆๆ
ปล.เวลาเราเหนื่อยกับการอ่านหนังสือ เราจะคิดตลอดว่า ขนาดคนอื่นยังทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ละ
สำหรับเรา มันจริงมากนะ
ตอนประถม-ม.ปลาย เราเรียนหนักตลอดโดยเฉพาะอังกฤษ
เราร้องไห้ทุกคืนเพราะอาจารย์สอนพิเศษที่แม่บังคับให้เรียน โหดมาก
คัดมือแทบหงิก ท่องศัพท์ 200 อัพ ทุกวัน สอบศัพท์ทุกวัน
ตอนนั้นเราอยากออกมาก ขอแม่แล้วขอแม่อีก แต่แม่ไม่ให้
ส่วนตอนนี้, เราเข้ามหาลัยได้เพราะอังกฤษเลยอะ ( เราใช้ GAT 50% )
เป็นอะไรที่แบบ กรี๊ดมาก คือตอนนี้เราไม่ต้องเรียนพิเศษอะไรอีกแล้ว
เหมือนเป้าหมายเราสำเร็จ(ขั้นแรก)แล้ว T_T
( ตอนแรกหารู้ไม่ว่าสอบในมหาลัยโหดยิ่งกว่าตอนสอบเข้าอีกจ้า )
ปล. เราก็ไม่ค่อยแต่งตัวเหมือนกันงะ
ปล ๒. ดิทแก้คำผิดจ้า
ก็จริงอย่างที่เค้าว่ากันนั่นแหล่ะ
ยอมลำบากวันนี้ วันข้างหน้าลำบากกว่านี้อีกเยอะ
ยอมเหนื่อย ยอมทน แล้วจะด้านชา เอิ่ม...ชินไปเอง
คิดซะว่า ทำเพื่อตัวเองสู้เพื่อตัวเอง คนที่ลำบากกว่าเรายังมีอีกเยอะ
ความลำบาก = ชีวิต
จขกท.ดูเพื่อนคนนั้นไว้นะ ถ้าสักวันเขาไม่รู้จักรักษาสมบัติที่พ่อแม่เขาหามาให้
สักวันเขาก็จะไม่เหลือเหมือนกัน
อยู่ตีนเขามีแต่ขึ้น อยู่ยอดเขามีแต่ลง
จขกท.ยังมีโอกาสที่จะขึ้นไปได้อีกเยอะ เยอะมากด้วย
ถ้าขยันตั้งแต่วันนี้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อะไรๆในอนาคตก็ไม่น่ากลัวแล้ว
ลำบากวันนี้แล้วสบายวันหน้า นิยามของเราตามที่เราเข้าใจนะ มันหมายถึงแบบวันนี้เราลำบากจนชินและชาไปแล้วไง พอในอนาคตเราเจอกับเรื่องอะไรร้าย ๆ เราก็จะรู้สึกสบาย ๆ กับมัน เพราะเราเคยลำบากมาแล้ว ประมาณนี้อ่ะ (งงมั้ย )
มันจริงมากๆเลยนะ
เราเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว ไม่ชอปปิ้งด้วยเพราะไม่มีตังค์ = ="
เราก็เหมือนจขกท.อ่านหนังสือเยอะมากๆ จนพ่อแม่ไม่ต้องบังคับเลย
ผลที่ออกมามันคุ้มค่ามาก เพราะเราได้อยู่มหาวิทยาลัยดีๆ
เริ่มมองเห็นอนาคตที่ดีกว่า
จขกท. อาจจะน้อยใจว่าทำไมเราต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น
จริงๆแล้วพ่อแม่ท่านหวังดีกับเรานะคะ อนาคตจะได้ไม่ลำบาก
ลำบากวันนี้สบายวันหน้า จริงนะคะ
จขกท.ลองคิดดูนะ ถึงเเม้ว่าเราจะยังไม่ได้มี
เหมือนใครเค้า เเต่สิ่งที่ จขกท.มีมากกว่าเพื่อนของ จขกท.
คือความรู้ที่มีอยู่นะ เราว่า โตไป ความรู้ที่เราได้มาจะต้องเอาไปใช้ในอนาคต
สอบเข้ามหาลัย หางานดีๆทำก็ต้องใช้วุฒิการศึกษาเรา เเต่ถ้าเทียบกับเพื่อน จขกท.
ไม่ค่อยตั้งใจเรียน วันๆเอาเเต่สบาย เราว่าต่อไปลำบากเเน่ๆค่ะ สิ่งที่ จขกท.น่าจะทำ
และต้องมีคือความตั้งใจ ต้องตั้งใจ คือต้องเก็บความรู้เยอะๆนะ อาจจะเหนื่อยเเ่ต่มันคุ้มค่ากับในอนาคตมากนะคะ ยังไงก็สู้ๆค่ะ เราก็สู้ด้วยเหมือนกัน
เป็นเรื่องจริง จขกท.ลองคิดดูนะ
คนๆนึงอ่ะเกิดมามีชีวิตวัยเรียนก็น่าจะประมาณ 19 ปี
ตอนนี้มันอาจจะหนักแหละแต่ชีวิตหลังจากนี้คือของจริง
ประมาณ 19 ปียังลำบากไม่ถึงครึ่งชีวิตเลยจขกท. ถ้ามองในแง่ดีนะ 555555
คิดซะว่าเรายอมลำบากวันนี้เพื่อแลกกับอาชีพที่เรารักและอยากทำไง
ลองบวกลบดูนะคะว่าเราต้องใช้ชีวิตในการทำงานกี่ปีกว่าจะเกษียณ
พ่อไม่มีเงินทองจะกองให้
จงตั้งใจพากเพียรเรียนหนังสือ
หาวิชาความรู้เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือเอาไว้ใช้เลี้ยงกาย
พ่อกับแม่มีแต่จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้าเรื่อยไปนั้นอย่าหมาย
ใช้วิชาช่วยตนไปจนตาย
เจ้าสบายแม่กับพ่อก็ชื่นใจ
ท้อได้แต่อย่าถอยนะคะ ถนนสายนี้ยังอีกยาวมาก
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google