น้ำท่วม54 ทำพิษ คนกรุงเทพฯหาตัวเลือกใหม่ "ผู้ว่าฯไร้สี"

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ช่วงเดือนมีนานี้ ชาวกรุงต้องได้เข้าคูหากาเบอร์เดียว
เพื่อเลือกพ่อเมืองคนใหม่อย่างแน่นอน
ซึ่งคราวนี้ดูท่าว่า หลังจากพิษน้ำท่วมเมื่อปี 54 เล่นเอาหัวใจคนเมืองเริ่มมองหาทางเลือกใหม่
เนื่องจากการที่เลือกกลุ่มการเมืองตรงกันข้ามกัน ก็ใช่ว่าจะดี
เพราะจากการดูแลนั้นเป็นไปอย่างล่าช้า และกลายไปเป็นเกมส์การเมืองระหว่าง 2 ฝ่ายไปซะได้ ดังนั้นทางเลือกใหม่อย่าง "ผู้ว่าฯไร้สี" หรือผู้ลงสมัครในนามอิสระ
จึงก้าวเข้ามาเป็นทางเลือกอีกหนึ่งของชาวกรุง
แต่ใครจะไร้สี หรือซ่อนสี เห็นว่างานนี้คงต้องดูกันในระยะยาว
ที่นี่มาดูกันว่ารายชื่อมาแรงส์ของผู้ว่าฯไร้สี จะมีใครกันบ้าง

ท่านแรก - พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
อดีตผบ.ตร. ที่ท่านลงในนามอิสระ ไม่มีพรรค ไม่มีฝ่าย ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2555
เรียกว่า เป็นผู้ลงสมัครอันดับต้นๆ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน
ภายใต้สโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพเปลี่ยนผู้ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส วีรบุรุษนาแก”
การรีบเปิดตัวลงสมัครครั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้เหตุผลว่า
....เป็นเรื่องของความพร้อม ทั้งร่างกาย ความคิด สติปัญญา
และจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในเวลา 1 ปี และ 4 ปีจะเห็นความเรียบร้อย

พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เริ่มต้นมีชื่อเสียงในช่วงปี 2520
จากความกล้าหาญในการขอย้ายตัวเองจากเขตเมืองไปยังเขตสีแดง
ที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมในยุคนั้นคืออำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
จนได้รับสมยานาม "วีรบุรุษนาแก"

ซึ่งมีบทสัมภาษณ์ของท่านกล่าวไว้กับนิตยสาร “สารอโศก” ว่า
....“เราคนเดียว เป็นโสดไม่มีครอบครัว อยู่ในเมืองอย่างสบาย ก็ย้ายตัวเองออกไปเพื่อทำงานตรงนั้น
อย่างน้อยก็ได้ไปแทนคนที่มีภาระครอบครัวหนึ่ง เขาจะได้กลับไปดูแล ครอบครัวของเขา
ผมแต่งงานตอนเป็นผู้กำกับจังหวัด พ.ศ. 2527 อายุ 36 ปีแล้ว ถ้าแต่งงานก่อนหน้านั้น คงบู๊ไม่ได้ถึงขนาดนี้”

หลังจากที่ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าท่านลงสมัครผู้ว่าฯ ในครั้งนี้
ท่านก็ขอออกตัวอย่างชัดเจนว่าไม่ขอยุ่งการเมือง ขอทำแต่งาน
ซึ่งดูแล้วน่าจะมีโอกาสที่จะเป็นม้ามืดมาแรงเหมือนกัน
ด้วยเป็นการเปิดช่องทางตันทางการเมืองที่ไม่อยากยกพรรคการเมืองให้ฝักฝ่ายใด
แต่ด้วยตัวผู้สมัครอิสระมักไม่มีฐานเสียงเดิมรองรับ ก็ประมาณไม้ซีกงัดไม้ซุง


อีกหนึ่งผู้สมัครอิสระที่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้คือ นายโฆสิต สุวินิจจิต
เจ้าพ่อวงการสื่อสารมวลชน กระโดดลงมาอาสาขอบริหาร กทม.ในนามอิสระ
ด้วยเหตุผลว่าการจะทำให้ กทม.เข้มแข็งนั้น ผู้ว่าฯ กทม.ต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง
หลังจากหลายปีที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าผู้ว่าฯ กทม.ที่สังกัดพรรคการเมือง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาว กทม.ได้
แถมมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาอีก
พร้อมชูนโยบาย “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” คือ ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ตามสภาพสังคม
รวมถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ประจำทุกเขต และมีนโยบายที่ใช้แต่ละเขตจะแตกต่างกัน

ซึ่งต้องยอมรับว่า “โฆสิต” เป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยคอนเนกชัน ในฐานะเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น สมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ สมัยเป็น รมว.มหาดไทย หรือ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวในฐานะนักธุรกิจ โฆสิตก็ยังผ่านการเป็นผู้บริหารองค์กรสื่อสารมวลชนหลายสำนัก
เช่น มีเดีย ออฟ มีเดีย สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เป็นต้นด้วย
ยอมรับเลยว่าเป็นผู้สมัครที่มีคอนเนกชั่นเยอะรอบด้านจริงๆ


การเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า เหล่าคนกรุงต้องตื่นเต้นไปกับการเมือง
และนโยบายที่เหล่าผู้สมครคงงัดออกมาสู้กันอย่างเมามันส์
งานนี้คงต้องจับตาดูกันให้ดี ไม่แน่เหล่าม้ามืด ไร้สีอาจจะคะแนนนำคงฉุดไม่อยู่ก็เป็นได้


CR: postjung.com