ผมจะทำวิจัย ... ตอนที่ ๑

10 ม.ค. 56 22:55 น. / ดู 407 ครั้ง / 5 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
ผมจะเขียนเรื่องนี้นานแล้วละ แต่ไม่ว่างเขียนเลย เล่นเกมอยู่ ^_^
ในบอร์ดสยามมีข่าวดีสำหรับนักเรียนชายเรื่องทรงผม ก่อนหน้านี่ผมก็ระแคะระคายอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้แปลกใจอันใด เพราะผมรู้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้


ผมไม่รู้ว่ายังมีคนจำได้ไหมว่าผมพยายามจะวิเคราะห์เรื่องการศึกษาไทย และค้นหาวิธีการแก้ปัญหาที่ได้ผลดีที่สุดเพื่อพัฒนาการศึกษาไทย โดยขอความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง

ผลคือ ผมได้รับความร่วมมืออย่างกว้างขวางมาก ด้วยความคิดเห็นของเด็กนักเรียนกว่า 6 คน และบุคลากรผู้เกี่ยวข้องโดยตรงทางการศึกษา 1 คน และประชาชนทั่วไป 1 คน ซึ่งนั่นก็คือผม ^^


เรื่องแรกทรงผม ตอนนี้คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะอย่างไรเสียการออกประกาศแก้กฎกระทรวงว่าให้นักเรียน (ผมเข้าใจว่าตั้งแต่ระดับประถม ส่วนระดับปฐมวัยนั้น เป็นปกติที่ให้ไว้รองทรง) ไว้ผมรองทรงได้นั้น คงเป็นที่พอใจต่อนักเรียนทั่วไป และไม่น่าจะมีการเรียกร้องอันใดมากไปกว่านี้อีก (และไม่สมควรจะเรียกร้องด้วย)


คุณเข้าใจใช่ไหมว่า “ทำไมต้องให้ไว้ทรงเกรียน” จากที่ผมได้ศึกษามาพอสมควร มาจากระบบโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๕ ท่านได้แบบมาจากโรงเรียนกินนอนในต่างประเทศ ซึ่งมีการวางกฎระเบียบอย่างเข้มงวด ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านจึงนำแบบอย่างมาใช้ในระบบการศึกษาไทย โดยวางกฎระเบียบอย่างเข้มงวด เป็นระเบียบเรียบร้อย  โดยโรงเรียนแห่งแรกเป็นโรงเรียนที่ใช้ฝึกนักเรียนเพื่อเข้ารับราชการ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด


รวมถึงทรงผมด้วย


นั่นคือพัฒนาการทางระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม และเมื่อเวลาผ่านไป มันก็น่าจะมีการพัฒนารอบด้านที่ดีขึ้น เพราะต่างประเทศเค้าพัฒนาไปจนถึงระบบการศึกษาสำหรับประชาชนทั่วไป

แต่ผลของการศึกษาไทย คือการพัฒนาหลักสูตร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ครูผู้สอน
ในอดีตสมัยรัชการที่ ๕  หลักสูตรการเรียนการสอน อย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน ๑๕ บรรทัดต่อ ๑ ระดับชั้น

อย่างเช่น (อันนี้ผมคิดขึ้นเองนะ)
ถ้าปัจจุบันวิชาภาษาไทยเขียนคำอธิบายรายวิชาในชั้นประถม ๑ ไว้ว่า “เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการอ่าน และเขียนพยัญชนะไทย ...” พร้อมกับอธิบายเป็นข้อๆ ว่า ให้อ่านตัวอะไรบ้าง

หลักสูตรในสมัยรัชการที่ ๕ จะเขียนเพียงแค่ “ให้นักเรียนอ่านปฐม กอ กา ได้” ... เขียนไว้แค่นี้ ...

ส่วนที่เหลือครูผู้สอนต้องมานั่งคิดวิเคราะห์กันเองว่า “จะสอนสิ่งใดให้เด็ก” ต้องเตรียมการสอนล่วงหน้า
ในขณะที่ปัจจุบัน ครูไม่จำเป็นต้องเตรียมการสอนหรอก แค่เปิดดูหลักสูตรก็รู้แล้วว่าวันนี้ต้องสอนอะไร  แล้วก็เดินเข้าห้อง บอกให้นักเรียนจดตาม เสร็จหมดชั่วโมง แค่นั้น (ไม่ต้องมาเถียงผมข้อนี้ เพราะตอนผมฝึกสอน ผมใช้วิธีนี้ละ +55+ )


พัฒนาการศึกษาคือการพัฒนาเนื้อหาในหลักสูตรให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ครูผู้สอน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ครูผู้สอนพึ่งหนังสือมากกว่าสอนความรู้ที่ตัวเองเข้าใจจริงๆ

และนี่คือสาเหตุที่มีครูผู้สอนหลายท่าน ตอบปัญหาบางข้อของนักเรียนไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจลึกซึ้งเพียงพอ


เป็นไง มันเป็นลูกโซ่ชิ้นใหญ่ดีไหม?...
เอาแค่นี้ก่อนละกัน



ปัจฉิมลิขิต : ใครอยากช่วยผมก็มาแจมกันได้ แค่เสนอข้อคิดเห็นว่า "การศึกษาไทยมันแย่ตรงไหน" แล้วเราจะมาช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุ และทางแก้ปัญหากัน
ขอย้ำว่า "ผมต้องการทุกเรื่องที่คุณนึกออก"
แก้ไขล่าสุด 10 ม.ค. 56 22:57 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | ''~-เซเลอร์โซดี้-~'' | 10 ม.ค. 56 23:24 น.

จะรออ่านต่อไปนะคะ ^^

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | โฉจจิ้น. | 11 ม.ค. 56 02:53 น.

ติดตามชม 

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | BunBun'NY | 11 ม.ค. 56 08:52 น.

รออ่านด้วยคนค่ะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | -InFailnity- | 20 มี.ค. 56 19:56 น.

ล็อคอินเพื่อกระทู้นี้ 

ที่ไทย วิชาประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่ พวกเราจะเรียนเรื่อง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรใช่มั้ย ซึ่งพวกเราต้องมานั่งจำปีบลาๆ มากมายก่ายกองเป็นภูเขาเลากา ซึ่งเราตกประจำ 5555

แต่ที่สิงค์โปร์ (ตอนนี้เราเรียนอยู่ที่สิงคโปร์) เขาอาจจะเกริ่นเล็กน้อยให้พอรู้เรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เขาสนใจหลักๆคือ มันส่งผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งในความคิดเรา มันดูตรงกับเป้าหมายของการเป็นประวัติศาสตร์มากกว่า เพราะประวัติศาสตร์ เราเรียนเพื่อเรียนรู้เรื่องราวในอดีต เพื่อช่วยไม่ให้เกิดเหตการร์แย่ๆซ้ำรอย (ละมั้ง ถ้าจำไม่ผิด)

แล้วก็อีกอย่างที่เขาเรียนคือ SBQ (Source-base Questions) เอาง่ายๆคือแบบ ตัดบทสัมภาษณ์จากใครสักคนมา แล้วถามว่าแบบ คนคนนี้ต้องการจะสื่ออะไร เป้าหมายของเขาคืออะไร คนคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่ แล้วข้อความนี้มันมีประโยชน์รึเปล่า เราว่ามันดีเพราะว่า แบบพอเราไปอ่านข่าวในนสพ. มันช่วยให้เราได้คิดก่อนเชื่อ ซึ่งได้ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ


แต่จริงๆ เราว่าการศึกษาของไทยมันก็ดีพอตัวแล้วละ แบบเราว่าตอนนี้ ถ้าประเทศไทยยังเอาอย่างพวกอเมริกาคงไม่ดีหรอก แบบที่ประเทศเขาไม่มีการบ้านอะไร เพราะแบบผู้ใหญ่ที่ประเทศเขาต้องการมันไม่เมือนกับไทย อเมริกาเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เขาต้องการคนหัวสร้างสรรค์เพื่อหาทางพัฒนาต่อ แต่ที่ไทย เรายังเป็นประเทศกำลังพัฒนา เราต้องการที่มีพื้นฐานความรู้ให้แน่นๆก่อน เพื่อที่จะทำให้ประเทศมั่นคง แล้วจึงจะหาทางพัฒนาต่อ

บางที่ เราอาจจะตรรกกะเพี้ยนมึนๆนะ อย่างเชื่ออะไรมาก 555555

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google