► Scoop ► รำลึกการ์ตูน Disney 70 ปีแห่งจินตนาการ

XllFiinzii
ไม่เป็นสมาชิก
11 ก.พ. 51 20:42 น. / ดู 26,777 ครั้ง / 26 ความเห็น / 2 ชอบจัง / แชร์

โพล ► คุณชอบการ์ตูนดิสนี่ย์ที่ใช้เทคนิคการสร้างแบบไหนมากกว่ากัน ►

67 (66.34%)► แบบวาดมือ
34 (33.66%)► แบบคอมพิวเตอร์สามมิติ
จากทั้งหมด 101 คน (จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะโหวตได้)


เป็นเวลามากว่า 7 ทศวรรษแล้วที่คุณลุงผู้ใจดีนามว่า Walt Disney ได้สร้างสรรค์ผลงานการ์ตูนที่กลายมาเป็นความอมตะและสร้างคุณค่าในวงการภาพยนตร์ ให้ผู้ชมได้เกิดความสุขและจินตนาการที่เปี่ยมล้นเกินบรรยาย การ์ตูนที่ Walt Disney สร้างสรรค์ออกมาแต่ละเรื่องก็นับเป็นความสำเร็จด้วยกันแทบทั้งสิ้น ..วันนี้เราจะขอย้อนรำลึกไปยังสมัยแรกเริ่มกำเนิดการ์ตูนของดิสนี่ย์ว่ามีเรื่องอะไรที่ยังอยู่ในความทรงจำกันบ้าง ....
ผลงานต่อไปนี้ยกมาเฉพาะที่เป็นผลงานการสร้างของ Disney Animated Features Studio โดยเฉพาะนะครับ ไม่เกี่ยวกับ Pixar หรือบริษัทอื่นที่สร้างให้ Disney ฉายแต่อย่างใด (อาทิ Dinosaurs, The Wild  เป็นต้น)



Snow White And The Seven Dwarfs : สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
เข้าฉายเมื่อ : 21 ธ.ค. 1937

..เปิดฉากการ์ตูนเรื่องยาวเรื่องแรกของดิสนี่ย์ด้วยตัวละครที่กลายเป็นความอมตะคลาสสิกของโลกไปแล้วเรียบร้อย กับสาวน้อยผมบ็อบคาดผมสีแดงผูกโบว์ และเพื่อนพ้องคนแคระตัวจิ๋วอีก 7 นายด้วยกัน การ์ตูนเรื่องนี้เคยได้รับรางวัลออสการ์เกียรติยศเมื่อปี 1939 ด้วย หนังเรื่องนี้กลายเป็นแบรนด์ของหนังเทพนิยายไปแล้วเรียบร้อย ประเภทที่ว่า นางเอกหลบหนีการตามล่าของแม่เลี้ยงใจร้ายและมาพบกับเพื่อนแท้ในป่าใหญ่ จากนั้นก็โดนแม่เลี้ยงวางยาพิษ และสุดท้ายก็เจอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย ...

..หนังเรื่องนี้มีเพลงฮิตสุดคลาสสิกอย่าง Someday My Prince Will Come , Heigh Ho ...หนังเก็บเงินตลอดการฉายไป 184 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเอาเรื่องเหมือนกัน ...






Pinocchio : พิน็อกคิโอ
เข้าฉายเมื่อ : 7 ก.พ. 1940

..การ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากหนังของ Carlo Collodie เรื่อง Pinocchio : Tale Of A Puppet ที่ต้นฉบับนั้นเป็นเจ้าของตอนจบที่เป็นโศกนาฎกรรม เมื่อพิน็อกคิโอผูกคอตาย แต่ถ้านำมาขึ้นในรูปแบบของการ์ตูนคงไม่ดีนัก เลยมีการปรับเปลี่ยนให้มีนางฟ้าเข้ามาในเรื่อง เป็นการ์ตูนที่ให้แง่คิดในการเป็นเด็กดี ซื่อสัตย์ไม่โกหก ให้คำสอนได้เป็นอย่างดี และถึงแม้จะมีหลายฉากที่แสดงออกถึงอบายมุกยั่วยุต่างๆ แต่หนังก็ปนสาระแง่คิดให้เด็กๆที่ดูรู้ว่าสิ่งไหนดี หรือไม่ดี (หนังเรื่องนี้มีภาพทั้งเด็ก กินเหล้า กินเบียร์ แทงสนุคเกอร์ เล่นไพ่) ..

..เพลงฮิตประจำเรื่องนี้ได้แก่ When You Wish Upon The Star (ซึ่งเพลงนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมด้วย) , I've Got No Sting ...หนังเก็บเงินตลอดการฉายในช่วงนั้นไป 38 ล้านดอลล่าร์พร้อมกับการต้อนรับของนักวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก






Fantasia : แฟนตาเซีย
เข้าฉายเมื่อ : 13 พ.ย. 1940

..เป็นการ์ตูนดิสนี่ย์เรื่องแรกที่จับเอาเพลงออเครสตร้ามาบรรเลงเข้ากับตัวภาพยนตร์แบบเต็มรูปแบบ ผ่านตัวละครมิคกี้เมาส์ ที่ถือกำเนิดบนแผ่นฟิล์มในหนังเรื่องนี้ครั้งแรก เรื่องราวของเจ้าหนูมิคกี้ ที่ไปเจอหมวกเวทมนตร์แล้วเอามาใส่เล่น จนทำให้เกิดความวุ่นวายต่างๆนานาเพราะควบคุมเวทมนตร์ไม่ได้

..หนังเก็บเงินไปในช่วงนั้นทั้งสิ้น 42 ล้านดอลล่าร์กว่าๆ






Dumbo : ดัมโบ้
เข้าฉายเมื่อ : 23 ต.ค. 1941

..เรื่องราวมหัศจรรย์ขึ้นจออีกครั้งกับช้างสีม่วงที่มีขนาดหูใหญ่กว่าชาวบ้าน และที่สำคัญมันสามารถกระพือหูให้บินได้..เป็นจินตนาการบนแผ่นฟิล์มที่ได้รับความนิยมจากพวกเด็กๆมากในสมัยนั้น ถึงกับมีการจัดละครสัตว์เฉพาะกิจโชว์ช้างดัมโบ้ให้เด็กๆซื้อตั๋วเข้ามาดูด้วยในสมัยนั้น (แม้มันจะบินไม่ได้ก็ตาม) ..หนังเล่าเรื่องราวของความแตกต่างทางสังคม และการเปี่ยมล้นไปด้วยความฝัน และความผูกพันของเจ้าดัมโบ้กับแม่ของมัน ก็ทำให้เราเสียน้ำตากันมาแล้วแทบจะทั้งนั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้แง่คิดและสาระดีดีมากมาย

...หนังถือเป็นการจัดจำหน่ายของบริษัทลูกของ Disney เรื่องแรกนั่นก็คือ RKO และสุดท้ายก็กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จได้อีกครั้งของ Disney หลังจากที่ Pinocchio และ Fantasia ต่างทำเงินไม่ขึ้นสักเท่าไหร่






Bambi : กวางน้อย.. แบมบี้
เข้าฉายเมื่อ : 13 ส.ค. 1942

..แบมบี้ ลูกกวางน้อยในป่าใหญ่ที่คว้าใจผู้ชมมาแล้วทั่วโลก เป็นการ์ตูนดิสนี่ย์เรื่องแรกที่พูดถึงชีวิตสัตว์ป่าทั้งเรื่อง ทำให้เห็นความงามธรรมชาติภายในป่า และการสร้างสรรค์ภาพออกมาที่เสมือนจริงสุดๆ แบมบี้คือกวางน้อยทันทีที่มันลืมตาดูโลก มันก็พบกับเพื่อนใหม่ๆที่พามันผจญภัยไปยังโลกกว้าง จนกระทั่งโศกนาฎกรรมได้มาเยือน เมื่อแม่มันถูกนายพรานยิงตาย ...เป็นการ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง Bambi , Life In The Woods

..หนังเก็บรายได้ตลอดการฉายไป 102 ล้านดอลล่าร์ ถือว่าประสบความสำเร็จเลยทีเดียวสำหรับหนังการ์ตูนที่เนื้อหาค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้


แก้ไขล่าสุด 12 ก.พ. 51 16:46 | เลขไอพี : 58.64.93.129

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | XllFiinzii (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 20:43 น.



Cinderella : ซินเดอเรลล่า
เข้าฉายเมื่อ : 19 ก.พ. 1950

...อีกหนึ่งเทพนิยายชวนฝันสุดคลาสสิกอมตะนิรันดร์กาลของแท้ตามหลัง Snow White มาติดๆ นี่คือหนังเทพนิยายที่มีผู้โหวตให้เป็นหนังการ์ตูนดิสนี่ย์ที่ประทับใจที่สุด ..เรื่องราวของสาวใช้ผู้ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมีชีวิตที่ดีกว่า กว่าที่โดนแม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวของเธอทั้งสองกดขี่ข่มเหงทุกวี่วัน จนกระทั่งวันหนึ่งมีงานเลี้ยงเต้นรำกับเจ้าชาย สาวซินของเราก็ได้โอกาสในการไปร่วมงานจากนางฟ้าใจดี ที่มาเสกให้เธอสวยพริ้งและไปเต้นรำกับเจ้าชายได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับมาก่อนเที่ยงคืน ..จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนสาวซินก็ผละจากเจ้าชายมาพร้อมกับทิ้งรองแก้วไว้หนึ่งข้าง ..และนั่นก็เป็นหลักฐานเพียงพอให้เจ้าชายตามหาเธอให้เจออีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะอภิเษกสมรสกัน ..เป็นนิยายชวนฝัน ที่สร้างจินตนาการแก่สาวๆทั้งหลาย ว่าสักวันหนึ่งจะได้พบคนที่ใช่ คนในฝัน อะไรทำนองนี้ ..และกลายเป็นการ์ตูนที่ถูกบรรดาหนังล้อเลียนทั้งหลาย นำพลอตเรื่องรองเท้าแก้วตก ไปใช้มากที่สุดอีกเช่นกัน ..

...เพลงฮิตประจำเรื่องนี้ก็มีอย่าง A Dream Is A Wish Your Heart Make , Bibbidi Bobbidi Boo ..หนังมีภาคต่อออกมาเป็นรูปแบบ DVD อีก 2 ภาคด้วยกัน  สำหรับในภาคต้นฉบับนั้นทำเงินในสหรัฐไปทั้งสิ้น 85 ล้านดอลล่าร์






Alice In Wonderland : อลิซ ท่องแดนมหัศจรรย์
เข้าฉายเมื่อ : 26 ก.ค. 1951

..สร้างมาจากนิยายในชื่อ Alice's Adventures In Wonderland ของ Lewis Carol ซึ่งมาขึ้นจอในรูปแบบการ์ตูนดิสนี่ย์ที่มีความมืดหม่นและตลกร้ายมากที่สุดในบรรดาการ์ตูนทั้งหลายเรื่องที่ผ่านมา เรื่องนี้ตามติดชีวิตของสาวน้อยที่มีความฝัน ทะเยอทะยาน และไม่ชอบทำอะไรแบบเดิมๆ ได้หลุดเข้าไปในดินแดนแสนจะพิศวง แฟนตาซี และดูเหมือนจะไร้สาระ โลกที่เธอได้พบกับคนแปลกๆ พืชไม้นานาพรรณพูดได้ และสัตว์ที่มีอากัปกิริยาเหมือนมนุษย์ รวมทั้งสิ่งของที่มีหูตาจมูกปาก ...หนังเรื่องนี้มีภาพและเนื้อหาที่ค่อนข้างน่าสลดหดหู่อยู่หลายฉากเหมือนกัน ซึ่งบางอย่างเด็กๆอาจจะดูแล้วไม่เก็ทหรือไม่เข้าใจ เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ซะมากกว่า

..หนังมีเพลงฮิตอย่าง Alice In Wonderland และ In The World Of My Own ที่เป็นเพลงเปิดตัวตอนต้นเรื่องนั่นแหละ..






Peter Pan : ปีเตอร์แพน
เข้าฉายเมื่อ : 5 ก.พ. 1953

...Peter Pan คือตัวละครเด็กหนุ่มที่มาพร้อมความป็นแบดบอยในตัวเองสูง เนื่องจากในเรื่องเนื้อหาก็เกี่ยวกับกลุ่มเด็กดื้อที่ไม่ยอมโต และค้นพบตัวเองและความเป็นจริงในภายหลัง ..ถือเป็นการ์ตูนผจญภัยเต็มตัวเรื่องแรกของดิสนี่ย์ ที่เกาะ Neverland ในเรื่องคือเกาะที่เด็กๆใฝ่ฝันอยากจะไปมากที่สุดอีกด้วย ..หนังดัดแปลงมาจากนิยายของ J.M. Barry ที่ต้นฉบับนั้นมาพร้อมความมืดหม่นในตัวมากกว่าฉบับดัดแปลงเวอร์ชั่นการ์ตูนของดิสนี่ย์นี้

...หนังเก็บรายได้ไปตลอดการฉาย 83 ล้านดอลล่าร์ และนอกจากนี้ยังมีภาคต่อตามมาอีกในปี 2002 ในชื่อ Return Of Neverland






Lady And The Tramp : ทรามวัยกับ**ตูบ
เข้าฉายเมื่อ : 16 มิ.ย.1955

..หนังรักระหว่างสุนัขจรขัดหนุ่มที่ดันไปหลงรักกับสุนัขสาวไฮโซแสนสวยในตระกูลสุดหรูแห่งหนึ่ง จะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักต้องห้ามก็ไม่ปาน เพราะหนังก็ได้นำประเด็นนี้หยิบยกขึ้นมาแล้วเล่าผ่านตัวละครที่เป็นหมาต่างชนชั้นที่มีรักกันให้กัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เป็นหนังที่มาพร้อมตีมโรแมนติกแบบที่สุดถึงที่สุด กับฉากที่ตราตรึงไปในใจใครหลายคนเมื่อทั้งคู่กินสปาเกตตี้ชามเดียวกัน และเส้นเดียวกัน !!! หนังทำเงินตลอดการฉาย 93 ล้านดอลล่าร์ และนอกจากนี้หนังยังมีภาคต่อตามออกมาเมื่อเร็วๆนี้ด้วยในรูปแบบ DVD กับชื่อตอน Lady And The Tramp II : Scramp's Adventure ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกตัวแสบของทั้งคู่





Sleeping Beauty : เจ้าหญิงนิทรา
เข้าฉายเมื่อ : 29 ม.ค. 1959

...อีกหนึ่งการ์ตูนแนวเทพนิยายชวนฝัน เข้าล็อตเดียวกับ Snow White และ Cinderella แต่เรื่องนี้มีความเป็นเทพนิยายแนวหม่น และขวนเศร้า มากกว่า เจ้าหญิงนิทราคือเหย่อขอความชั่วร้ายที่เปรียบเสมือนหญิงสาวธรรมดาที่โดนคำสาปให้ต้องมีอันเป็นไปในวัยที่กำหนด และเจ้าหญิงนิทราก็ไม่อาจหนีพ้นคำสาปนั้นได้ เมื่อวันเวลามาถึง คำสาปก็เป็นจริง เมื่อเธอโดนเข็มปั่นด้าย ให้ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปชั่วนิรันดร์ รอเพียงจุมพิตจากชายผู้มีรักแท้ให้กับเธอเท่านั้น ที่จะปลดปล่อยคำสาปนั้นได้ ..หนังดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง La Belle Au Bois Dormant ของนักกวีชาวฝรั่งเศสนามว่า ชาร์ล เปอโรต์ ..หนังเก็บเงินตลอดการฉายไป 51 ล้านดอลล่าร์ มีเพลงฮิตสุดคลาสสิกอย่าง I Wonder , Once Upon A Dream





One Hundred And One Dalmatians : ทรามวัยกับ**ด่าง
เข้าฉายเมื่อ : 25 ม.ค. 1961

..เป็นการ์ตูนที่ถือว่ารวบรวมเอาสุนัขไว้บนจอหนังได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพราะเล่นขึ้นจอกันมา 101 ตัวแบบนี้ แน่นอนผู้สร้างไม่ได้ลงมือวาดเองทั้งหมดหรอกนะ เพียงแต่ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบซีร็อกส์ กอปปี้ตัวสุนัขมาวางๆ และเพิ่มสีสันลวดลายเข้าไปแค่นั้น แน่ละ ใครจะนั่งวาดตะบี้ตะบันกันเข้าไปร้อยกว่าตัวล่ะ จริงไหม หนังเรื่องนี้ก็เป็นความสนุกหรรษาที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นการ์ตูนสูตรสำเร็จที่เหล่าสุนัขต้องปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม นั่นก็คึอลูกๆของตัวเองกลับมาให้จงได้ โดยมีตัวร้ายที่ร้ายกาจสุดๆ อย่าง Cruella มาวาดลวดลายความร้ายแบบอภัยให้ไม่ได้เลยทีเดียว หนังการ์ตูนเรื่องนี้ยังมีภาคต่อตามออกมาเมื่อปี 2003 ในชื่อ Patch's London Adventure ทั้งนี้มันก็เคยขึ้นจอในมาดของคนแสดงจริงด้วยในชื่อเดียวกันอีกตะหาก และได้ Glenn Close มาแสดงเป็นมาดามสุดร้ายกาจอย่าง Cruella ที่ตีบทแตกดังเพล้งเลยทีเดียว และเวอร์ชั่นหนังคนเล่นก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน





The Jungle Book : เมาคลี ลูกหมาป่า
เข้าฉายเมื่อ : 18 ต.ค. 1967

..เด็กหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ ที่ถูกเลี้ยงดูและเสี้ยมสอนมาโดยเสือดำนามว่า บาคิร่า และมีเพื่อนที่แสนดีเป็นหมีอารมณ์ดีนามว่า บาลู ทั้งหมดมีชีวิตที่สงบสุขภายในป่าอันกว้างใหญ่ กับบรรดาสิงสาราสัตว์มากมาย ถ้าไม่ถึงเวลาการมาเยือนของเสือร้ายนามว่า แชร์คาน ซะก่อนที่มันหวังจะมาเอาตัวเมาคลีไป และทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง งานนี้เมาคลีเลยขอตอบแทนบุญคุณด้วยการต่อกรกับเจ้าเสือร้ายนี่ซะเลย ..เป็นการ์ตูนที่เป็นสาระ ให้คำสอนได้ดี ควรกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่มีต่อเรา ..เมาคลี ถือเป็นเยาวชนในการ์ตูนที่พฤติกรรมและความประพฤติน่าเอาอย่างเป็นอย่างยิ่ง ..หนังมีภาคต่อตามออกมาในปี 2003 ในชื่อ The Jungle Book 2 ซึ่งก็เก็บรายได้ไม่มากสักเท่าไหร่ แต่ในเวอร์ชั่นต้นฉบับเพิ่งจะมีการฉลองครบรอบ 40 ปีไปเมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง ด้วยการส่งเวอร์ชั่น Special Edition ในรูปแบบ DVD ออกมาให้ได้ยลโฉมกันอีกด้วย





The Little Mermaid : เงือกน้อยผจญภัย
เข้าฉายเมื่อ : 15 พ.ย. 1989

..เงือกสาวน้อยแอเรียล อีกตัวการ์ตูนสุดโปรดของใครหลายๆ คนเธอเป็นเงือกน้อยที่รักความสนุก และท้าทาย มีบรรดาเพื่อนฝูงในทะเล อย่างเจ้าปู,ปลา,กุ้งมากมาย เธอมีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้มีขาเดินดินเหมือนมนุษย์ทั่วไปกับเขาบ้าง และนั่นเองก็เป็นที่มาของบทสรุปที่หลายๆคนน้ำตาคลอกันมาแล้ว ..Little Mermaid คือการ์ตูนที่เป็นตัวแทนของเด็กสาวผู้มีความฝันและหัวขบถเล็กๆ แต่อย่างน้อยเธอก็มีรักเดียว ..หนังมีเพลงฮิตติดชาร์ทสุดคลาสสิกอย่าง Part Of Your World ที่ในเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ซูเปอร์สตาร์สาวน้อยมหัศจรรย์ ทาทา ยัง มาวาดลีลาร้องให้ได้ฟังเพราะไม่แพ้ต้นฉบับ 109 ล้านดอลล่าร์ มีภาคต่อในรูปแบบ DVD ตามออกมาอีก 2 ภาคเต็มๆ 





Beauty And The Beast : โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
เข้าฉายเมื่อ : 13 พ.ย. 1991

..กลายเป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ได้มีโอกาสเข้าชิงร่วมในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของรางวัลออสการ์ นอกจากนี้ยังได้รางวัลลูกโลกทองคำมาครองอีกด้วยในสาขาหนังเพลงและตลกยอดเยี่ยม และกลายเป็นการ์ตูนที่มีคนรักและประทับใจในเนื้อหาของความรักที่เป็นไปไม่ได้เรื่องนี้ครึ่งค่อนโลกทีเดียว และนางเอกสาวในเรื่องอย่าง Belle ก็กลายเป็นนางเอกดิสนี่ย์ที่สวยที่สุดตลอดกาลไปแล้ว เรื่องราวเล่าถึงเจ้าชายอดัมส์ ผู้เห็นแก่ตัว ถูกลงโทษให้ต้องคำสาปเป็นชายอัปลักษณ์ ซึ่งคำสาปนั้นจะถูกถอนคืนก็ต่อเมื่อเขาได้เรียนรู้รักแท้จากผู้อื่น และจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่นางเอกสาวแสนสวย นามว่า เบลล์ เดินเข้ามาในชีวิตของเขา เพียงเพื่อต้องการให้เขาปล่อยตัวพ่อของเธอไป และจากนั้นมันก็ก่อเกิดกลายเป็นความใกล้ชิด และความรักในเวลาต่อมา ..มันเป็นการ์ตูนที่แสนคลาสสิกและวิเศษจริงๆ ในการดำเนินเรื่องและประเด็นแฝงในหนัง นี่คือภาพยนตร์ดิสนี่ย์ที่ดูแล้วจะอิ่มอกเคลิ้มใจในรักแท้ได้อย่างดีทีเดียว แม้ว่าจะมาพร้อมสไตล์หม่นๆในหนังอยู่พอสมควร ..หนังทำรายได้ในอเมริกาไปสุทธิที่ตัวเลข 171 ล้านดอลล่าร์ขึ้นแท่นหนังดิสนีย์ทำเงินสูงที่สดในขณะนั้นเลยทีเดียว





Aladdin : อาละดิน กับตะเกียงวิเศษ
เข้าฉายเมื่อ : 11 พ.ย. 1992

...กับเรื่องราวอันสุดแสนจะคลาสสิกและไม่มีวันลืมได้ง่ายๆ ของชายหนุ่มนามว่า อาละดิน ที่วันๆชอบขโมยเล็กขโมยน้อย แต่เขาก็เป็นคนที่จิตใจดีงาม เพราะถึงเขาจะขโมยมา แต่เขาก็แบ่งปันสิ่งของที่ได้มาให้กับผู้อื่นที่ไร้ยาก ครั้นวันหนึ่งเขาได้ไปเจอกับถ้ำขุมสมบัติและตะเกียงวิเศษที่เปลี่ยนชีวิตเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาได้พบกับยักษ์จินนี่ ผู้วิเศษผู้มีพรสามข้อบันดาลปรารถนาของเขาได้ และเขาก็เลือกที่จะไปอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เขารักที่เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งเมืองอัคราบา นามว่า จัสมิน ..แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้หมายปองชีวิตของอาละดินอยู่ นั่นก็คือ จาฟาร์ ผู้ซึ่งมีความแค้นเต็มเปี่ยมกับอาละดิน และหมายที่จะกำจัดเขาให้สิ้นซาก หนังดำเนินเรื่องราวได้อย่างมีสีสัน มีรสชาติ ดูสนุก และไม่น่าเบื่อ กลายเป็นการ์ตูนที่มีคนย้อนกลับมาดูหลายรอบมากที่สุดไปแล้ว หนังมาพร้อมบทเพลงที่แสนจะไพเราะ 1 ในนั้นก็คือเพลงช้าความหมายโรแมนติกซึ้งกินใจ ในฉากที่อาละดินพาจัสมินขี่พรมเหาะขึ้นฟ้าชมเมืองเป็นครั้งแรก กับเพลง A Whole New World และไหนจะเพลงตอนต้นเรื่องที่มาพร้อมความลึกลับอย่าง Arabian Night ที่กลายเป็นเพลงเปิดตัวที่เยี่ยมที่สุดไปแล้ว ...หนังทำรายได้รวมสุทธิในอเมริกาไปถึง 217 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว นอกจากนี้หนังยังมีภาคต่อในรูปแบบ DVD ตามออกมาอีกมากมาย ทั้ง Return Of Jafar , King Of Thieves เป็นต้น





The Lion King : เดอะ ไลออน คิง
เข้าฉายเมื่อ : 15 มิ.ย. 1994

...ขึ้นแท่นหนังการ์ตูนวาดมือของดิสนี่ย์ที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติกาลไปแล้ว เพราะมาถึงตอนนี้รายได้ของหนังสิงโตหนุ่มน้อยผจญภัยบุกป่าฝ่าดงเรื่องนี้ก็อยู่ในระดับ 328 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว ส่วนรายได้ทั่วโลกนั้นก็คว้ามามหาศาลในระดับ 783 ล้านดอลล่าร์ และยังเป็นหนังที่คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาครองอีกด้วยจากบทเพลง Can You Feel The Love Tonight เพลงที่ทำเอาต่อมน้ำตาหลายคนแตกไปตามๆกัน ฝีมือการขับกล่อมโดย Elton John ..หนังมาพร้อมเรื่องราวแห่งความกล้าหาญและการก้าวผ่านความกลัวของสิงโตหนุ่มน้อย ที่แสนจะทะเยอทะยานในการจะเป็นพระราชาปกครองฝูงสัตว์ต่อจากพ่อของเขา ที่ไม่นานพ่อของเขาก็ต้องจบชีวิตลงด้วยเงื้อมมือของอาแสนชั่วร้ายของเขานามว่า สการ์ ที่งานนี้เขาต้องรวมพลังฮึดแก้แค้นให้พ่อของเขาให้จงได้ ...Simba คือตัวละครตัวแทนของเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นและมองโลกในแง่ดี มีเพื่อนรักสุดฮาอย่าง T-Mone และ Pumba ที่ขโมยซีนทุกครั้งที่ขึ้นจอ และเป็นเครื่องหมายของเพื่อนแท้อีกด้วย .. หนังมีเพลงฮิตแทบจะทั้งเรื่องไม่ว่าจะเป็น Can You Feel The Love Tonight , Circle Of Life , I Can't Wait To Be King , Welcome To The Jungle และอื่นๆอีกมากมาย





Pochahontas : โพคาฮอนทัส
เข้าฉายเมื่อ : 16 มิ.ย. 1995

..นี่เป็นการ์ตูนเรื่องแรกของดิสนี่ย์ที่อิงจากเรื่องจริงของชีวิตสาวน้อยคนหนึ่งที่ชื่อ โพคาฮอนทัส ที่ถูกบังคับให้แต่งงาน ..เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อการมาของคนขาวที่เข้ามาในเผ่าของเธอและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไป ก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา รักต้องห้ามที่ชนเผ่าของเธอไม่เห็นด้วย ..หนังเป็นเจ้าของเพลงฮิตรางวัลออสการ์อย่าง Color Of The Winds ..เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วจะมีเนื้อหาผู้ใหญ่ในตัวสูง และเป็นเรื่องราวที่พยายามสร้างสรรค์ออกมาให้มีความใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด





The Hunchback Of Notre Dame : คนค่อมแห่งนอเธอดาม
เข้าฉายเมื่อ : 21 มิ.ย. 1996

..ดัดแปลงจากหนังสืออ่านนอกเวลาของนักกวีชาวฝรั่งเศสนามว่า Victor Hugo ในชื่อเดียวกันนี้ และก็มาขึ้นจอในเรื่องราวของหนุ่มหลังค่อมคนหนึ่งที่มีอาชีพคอยสั่นระฆังบอกเวลาเมืองมาเนิ่นนาน เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายภายในหอคอย ไร้เพื่อนฝูง และคนรู้จัก เพราะเขาเป็นคนที่มีรูปร่างอัปลักษณ์ น่ารังเกียจ ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเขาได้พบกับสาวยิปซีแสนร้ายกาจนามว่า เอสเมอรัลด้า ...หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมน้อยที่สุดในระยะหลังๆของดิสนี่ย์ เนื่องจากมาพร้อมเรื่องราวที่ห่างไกลจากคำว่าแฟนซีนัก และดูจะซีเรียสไปนิด แต่อย่างไรก็ดีหนังเรื่องนี้ก็ยังมีภาคต่อออกมาในรูปแบบ Dvd ด้วย





Hercules : เฮอร์คิวลิส
เข้าฉายเมื่อ : 14 มิ.ย. 1997

..ได้แรงบันดาลใจมากจากเทพในตำนานในชื่อเดียวกัน ที่นำมาขึ้นจอด้วยความสนุกสนานและฮาแตก แอบบ๊องเล็กน้อย เฮอร์คิวลิส ก็คือเทพผู้มีร่างกายกำยำแข็งแรงราวม้าหนุ่ม ที่มาเกิดใหม่ในฐานะมนุษย์ธรรมดาแต่ก็ยังคงพลังอันกล้าแกร่งเอาไว้ และเมื่อเวลามาถึงเขาได้เรียนรู้ว่าเขาคือเทพมาเกิดนั่นเอง ..หนังก็เป็นหนังแนวคอมเมอดี้ สบายๆ ไม่มีพิษภัยอะไร ดูแล้วคลายเครียดได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรประทับใจสักเท่าไหร่





Mulan : มู่หลาน
เข้าฉายเมื่อ : 5 มิ.ย.1998

เป็นอีกเรื่องที่ขึ้นจออิงประวัติศาสตร์จริงที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของจีน มู่หลานคือวีรสตรี้ยิ่งใหญ่ที่ปลอมตัวเป็นชายไปเข้าร่วมบแทนพ่อตัวเองในสมัยสงคราม ซึ่งพอมาเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูน ก็ต้องใส่ความเป็นแฟนตาซีลงไปในหนังมากหน่อย ด้วยการเพิ่มในส่วนของเทพสิงสาราสัตว์ต่างๆ เป็นหนังของดิสนี่ย์ที่มีความเป็นแอคชั่นในตัวสูงมากทีเดียว และได้นางเอกดิสนี่ย์ที่หน้าหมวยที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อีกด้วย หนังเรื่องนี้เคยมีกรณีพิพาทกับจีนเมื่อตอนสร้างใหม่ๆในเรื่องของความเป็นจริงและการนำมาดัดแปลง แต่ก็ตกลงกันได้ และกลายเป็นหนังการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จอีกเรื่องหนึ่งของดิสนี่ย์เลยทีเดียว จากรายได้ 120 ล้านดอลล่าร์ที่หนังได้มา ยืนยันได้ว่าหนังประสบความสำเร็จจริงๆ ..ไหนจะเพลง Reflection ที่ร้องไว้หลายเวอร์ชั่นและยังฮิตมาจนถึงปัจจุบันนี้อีกด้วย หนังมีภาคต่อออกมาในรูปแบบ DVD ที่หลายคนบอกว่าความสนุกนั้นเทียบกับต้นฉบับไม่ได้เลย





Tarzan : ทาร์ซาน
เข้าฉายเมื่อ : 18 มิ.ย. 1999

..ถ้าเอ่ยถึงทาร์ซาน คงไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ เขาก็คือชายหนุ่มที่ถูกเลี้ยงมาโดย กอริลล่า และอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ตั้งแต่เด็ก พูดภาษาคนไม่เป็น วันๆก็ห้อยโหนโจนทะยานเหมือนลิงตัวหนึ่ง และวันหนึ่งป่าของเขาก็ได้ต้อนรับการมาของผู้หญิงคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของ ทาร์ซาน ไปตลอดกาล ...หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงยอดเยี่ยมในบทเพลง You'll Be In My Heart ของ Phil Collins และยังเป็นหนังที่เรียกได้ว่ามีการใส่จิตวิญญาณของการเป็นหนังที่สมจริงเข้าไป ทั้งภาพป่าดงพงไพร และลีลาการเคลื่อนไหวของสัตว์ป่าต่างๆรวมถึงตัวทาร์ซานเอง มีมิติ และจับต้องได้ ..หนังทำเงินในอเมริกาไปในระดับ 171 ล้านดอลล่าร์ และรายรับรวมทั่วโลกอยู่ที่ตัวเลข 448 ล้านดอลล่าร์ ..หนังมีภาคต่อออกมาในรูปแบบ DVD ถึง 2 ภาคนั่นก็คือ Tarzan 2 และ Tarzan And Jane ที่ดูเหมือนจะออกทะเลไปหน่อย แต่ก็ยังดูสนุกเช่นเคย





Emperor's New Groove : จักรพรรดิ์กลายพันธ์อัศจรรย์พันธ์ต๊อง
เข้าฉายเมื่อ : 10 ธ.ค. 2000

..มาพร้อมความแตกต่างในสไตล์ใหม่ของการ์ตูนดิสนี่ย์ที่เรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่ไม่ดึงความคลาสสิกเข้ามา แต่แทนที่ไปด้วยความฮาและสาระที่น้อยนิด ผ่านตัวละครของจักรพรรดิ์รูปงามที่เห็นแก่ตัวแล้ววันดีคืนดีเขาก็กลายเป็นลามะ แสนอัปลักษณ์น่ากลัว ด้วยเงื้อมมือของอิซมา ที่ปรึกษาแสนเจ้าเล่ห์ที่หวังยึดบัลลังก์ จักพรรดิ์ถูกจับไปทิ้งไปในเกวียนของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ในตอนหลังเขาคือผู้ช่วยชีวิตจักรพรรดิ์ไว้ และเปลี่ยนนิสัยของเขาให้กลายเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี และเห็นใจผู้อื่น แม้ตอนจบจะเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซึ้ง แต่ตั้งแต่ต้นจนมาถึงก่อนจบ หนังเสนอตัวเองเป็นการ์ตูนที่มาพร้อมความตลกในตัวแบบไม่มีช่องว่างเลยทีเดียว ด้วยไดอะล็อกของตัวละครที่ปล่อยมุกออกมาเหมือนราวกับนั่งดูเดี่ยวไมโครโฟนอยู่อย่างงั้นแหละ แต่หนังก็ลงตัวในทุกๆฉาก ทุกๆตอน ไม่ขาดไม่เกิน ดูได้เพลินๆ ไม่มีพิษมีภัย แม้จะอะเลิร์ทไปหน่อยก็ตามที





Atlantis : The Lost Empire - ผจญภัยอารยนครสุดขอบโลก
เข้าฉายเมื่อ : 3 มิ.ย. 2001

..เป็นการ์ตูนที่แต่งขึ้นใหม่โดยไม่ได้อิงจากที่ใดอีกเรื่องที่ไม่ค่อยประสบความสำเร้จทางด้านรายรับ ถือเป็นช่วงขาลงของดิสนี่ย์เลยก็ว่าได้ หนังเรื่องนี้ก็ดันมาพร้อมความซีเรียสในตัวสูง ลดทอนความเป็นคอมเมอดี้ลงไปเยอะ เพราะเป็นหนังที่ว่าถึงการผจญภัยตามหาดินแดนในตำนานใต้ทะเลลึก ที่ต้องมาพร้อมความจริงจังในตัวเองสูงพอสมควร รายได้ก็เลยไม่งามอย่างที่คิด แม้จะมีภาคต่อตามออกมาในรูปแบบ DVD แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเช่นกัน และเรื่องนี้ก็กลายเป็นหนังดิสนี่ย์ที่แทบจะไม่ได้อยู่ในความทรงจำของคนดูสักเท่าไหร่





Lilo And Stitch : อะโลฮ่าเพื่อนฮาข้ามจักรวาล
เข้าฉายเมื่อ : 16 มิ.ย. 2002

..อีกเรื่องที่สร้างสรรค์บทใหม่เอี่ยมอ่อง กับเรื่องราวที่ข้ามฟากไปฮากันริมทะเลหมู่เกาะฮาวายกันเลยทีเดียว กับหนังพลอตเรื่องและตัวละครน่ารักๆ ที่ประสบความสำเร็จพอตัวเมื่อตอนออกฉาย เด็กสาวคนหนึ่งได้พบกับเพื่อนตัวประหลาดสีฟ้า (ที่ไม่ใช่โดเรมอน) มันพูดไม่ได้ แต่ทำอะไรได้มากมาย สุดท้ายทั้งคู่ก็ก่อกลายเป็นมิตรภาพ และมาพร้อมประเด็นที่ชวนเสียน้ำตาในตอนท้ายเรื่องซะเหลือเกิน ..หนังมาพร้อมบทเพลงของ Elvis หลายเพลงที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อหนัง และดูลงตัวในทุกๆฉากๆ มาพร้อมอารมณ์ขันที่ไม่มากจนเกินไป และไม่น้อยจนเกินไป สรุปแล้วดูแล้วหายเครียด คลายเครียดได้ดีทีเดียว ..หนังมีภาคต่อตามออกมาในรูปแบบ DVD อีกสองภาครวด ที่ในภาคหลังๆ Stitch ก็ไปพามิตรสหายมาร่วมป่วนด้วยอีกเป็นเท่าตัว





Treasure Planet : ผจญภัยล่าขุมทรัพย์ดาวมฤตยู
เข้าฉายเมื่อ : 17 พ.ย. 2002

...กลายเป็นหนังที่เจ็บตัวที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับเรื่องราวการล่องเรือใบท่องอวกาศตามล่าสมบัติของหนุ่มน้อยวัย 15 เรื่องนี้ ที่ล้มเหลวทางด้านรายรับและคำวิจารณ์โดยสิ้นเชิง กลายเป็นหนังดิสนี่ย์ที่กลายเป็นรอยด่างพร้อยไปทันที ..หนังดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนในชื่อ Treasure Island ที่ดัดแปลงไปดัดแปลงมากลายเป็นว่าหนังเกินขอบเขตไปนิด คนดูเลยส่ายหน้าไม่ถูกใจกันไปเป็นแถบๆ แต่งานด้านสเปเชียล เอฟเฟกต์และภาพความสมจริงของหนังต้องยอมรับว่าใช้ได้เลยทีเดียว





Brother Bear : มหัศจรรย์หมีผู้ยิ่งใหญ่
เข้าฉายเมื่อ : 20 ต.ค. 2003

..อีกครั้งที่ดิสนี่ย์นำแคแรกเตอร์หมีมาขึ้นจอ แต่คราวนี้เรื่องราวหนังลึกซึ้งกว่าเคย เพราะกลายเป็นหนังดราม่าที่เกี่ยวข้องกับสายพันธ์ระหว่างมนุษย์และหมีที่ลงตัวมากๆ ซึ้งกินใจไปตามๆกัน หนังว่าถึงเรื่องของ หนุ่มน้อยผู้เกลียดชังหมีเข้าไส้คนหนึ่ง กลายร่างไปเป็นหมีซะเอง ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เป็นเรื่องราวที่เขาจะต้องจดจำไปจนวันตาย และเปลี่ยนทัศนคติอะไรต่างๆนานาของเขาไปตลอดกาล เรื่องราวพลิกผันเมื่อเขากลายเป็นหมีและโดนพี่ชายของเขาตามล่าซะเอง ซึ่งเป็นจุดหักพลอตที่เรียกได้ว่าฉุกใจจริงๆ ..หนังประสบความสำเร็จพอสมควรเมื่อตอนออกฉาย เพราะไม่ได้มาพร้อมทุนสร้างที่มากมายอะไร หนังเก็บเงินไป 85 ล้านดอลล่าร์ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 250 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว





Chicken Little : กุ๊กไก่หัวใจพิทักษ์โลก
เข้าฉายเมื่อ : 4 พ.ย. 2005

..หลังจากที่แผนกการ์ตูนของดิสนี่ย์ตัดสินใจที่วางปากกามาจับคอมพิวเตอร์แบบเต็มๆ และบอกว่าจะล้มเลิกแผนกการ์ตูนวาดมือไปอย่างถาวร เรื่องนี้ก็เป็นการกลับมาของดิสนี่ย์พร้อมวิธีการสร้างสรรค์แบบใหม่ที่แปลกตาออกไป นั่นก็คือการสร้างแบบ 3D ใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกทั้งเรื่อง ซึ่งผลลัพธ์ของหนังออกมาก็น่าพอใจอยู่ เพียงแต่คำวิจารณ์นั้นแย่มากๆเลยทีเดียว มีถึงขนาดบอกว่า กลับไปวาดมือเถอะจะดีกว่านี้อะไรทำนองนี้ แต่รายได้หนังก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร กวาดไปในอเมริกาในระดับ 135 ล้านดอลล่าร์และรายได้รับรวมทั่วโลก 314 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว อีกทั้งหนังยังสร้างแบรนด์กุ๊กไก่ฮิตระบาดไปทั่วโลก รวมทั้งเพลงประกอบที่ดังทั่วทุกสารทิศกับเพลง Dragostea Din Tei ที่แดนส์กันมันส์หยด หนังมาพร้อมเนื้อหาที่พลอตนั้นดูซับซ้อนเล็กน้อย และค่อนข้างจะไร้สาระไปบ้าง แต่ก็สามารถดูให้ผ่อนคลายได้ แต่บางทีตัวละครในเรื่องที่เยอะเกินไป ก็ลดทอนความสนุกของหนังลงไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่ายังคงสไตล์การ์ตูนดิสนี่ย์เอาไว้ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะขาดสิ่งหนึ่งที่ดิสนี่ย์มีมาตลอด นั่นก็คือ ความประทับใจ..





Meet The Robinsons : ผจญภัยครอบครัวเพี้ยนฝ่าโลกอนาคต
เข้าฉายเมื่อ : 30 มี.ค. 2007

...การ์ตูนสีลูกกวาดฉูดฉาดสุดๆเรื่องนี้ มาพร้อมความแปลกในตัวในการนำเสนอตัวเองผ่านพลอตเรื่องที่ดูมีหลักการ กฎเกณฑ์ ไกลจากความบันเทิงสำหรับคุณหนูๆนัก เพราะบางทีก็อาจจะทำให้จับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะเนื่องจากมาพร้อมพลอตเรื่องที่ต้องกระโดดข้ามเวลาไปมา ที่ผู้ใหญ่บางคนดูแล้วยังงงเลย แต่ก็แทนที่ความงงเหล่านั้น ด้วยการที่ได้ดูภาพสีสันสดใสสไตล์ดิสนี่ย์ก็เรียกได้ว่าทดแทนกันได้อยู่ จริงๆเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่ เพียงแต่หนังสามารถเล่าให้ดูสนุกและก็น่าติดตามได้ กับการเดินทางข้ามเวลาเพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงว่าใครเป็นครอบครัวของตนเอง และได้รับมิตรภาพที่แสนดีจากคนแปลกหน้าระหว่างการผจญภัย และลงเอยด้วยบทสรุปที่ Happy Ending เข้าข่ายสูตรสำเร็จของดิสนี่ย์ทั่วไป ..หนังเก็บรายได้ไปในระดับที่ไม่มากมายอะไร แต่ก็ไม่ขี้เหร่อะไรนัก อยู่ที่ตัวเลข 97 ล้านดอลล่าร์ รายรับรวมทั่วโลกอยู่ที่ 169 ล้านดอลล่าร์



ต่อจากนี้ ...Disney มีเรื่องอะไรที่เตรียมตัวมาขึ้นจอให้เราดูบ้าง ...



Bolt
เข้าฉายเมื่อ : 26 พ.ย. 2008

..กับหนังเรื่องต่อไปที่ยังคงนำเสนอในรูปแบบหนังคอมพิวเตอร์ 3 มิติที่จะเล่าเรื่องราวของสุนัขดาราหนังตัวหนึ่ง ที่ตลอดเวลามันคิดว่าการแสดงเป็น Superhero ในรายการทีวีของมันที่มันสามารถบินได้ เหาะเหินเดินอากาศปล่อยพลังได้นั้น เป็นความสามารถของมัน จนกระทั่งมันได้ค้นพบว่าสิ่งที่มันเชื่อมาตลอดว่าเป็นความจริงนั้นเป็นเพียงเรื่องสมมติเท่านั้น ..หนังกำกับโดย Chris Williams มือเขียนบทจากหนังเรื่อง Mulan และ Emperor's New Groove ซึ่งขณะนี้หนังก็เดินหน้าในส่วนของงานสร้างในช่วง Post-Production กันอยู่ เร็วๆนี้คงจะมีตัวอย่างและภาพของหนังออกมาให้ได้ชมกันเยอะขึ้น หนังจะออกมาเป็นโปรแกรมทองในวันขอบคุณพระเจ้าปีนี้





The Princess And The Frog
เข้าฉายเมื่อ : 18 ธ.ค. 2009

...และแล้วดิสนี่ย์ก็กลับไปหาของเก่ากินอีกครั้ง ในหนังเรื่องนี้ ที่ขอกลับไปใช้เทคนิคการสร้างแบบวาดมืออีกครั้ง และขอกลับไปจับแคแรกเตอร์ที่เป็นเจ้าหญิงมาขึ้นจออีกครั้ง ...แต่คราวนี้พิเศษตรงที่ว่า จะเป็นการขึ้นจอครั้งแรกของเจ้าหญิงผิวดำในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของดิสนี่ย์เลยทีเดยว ยังไม่มีรายละเอียดในพลอตเรื่องสักเท่าไหร่ ต้องรอติดตามข่าวคราวหนังกันต่อไป แต่รับร้องว่าหนังเรื่องนี้ต้องมาพร้อมแบบฉบับเดิมๆที่สุดแสนจะคลาสสิกของดิสนี่ย์แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลอตชวนฝัน และบทเพลงสุดแสนจะไพเราะ ตอนนี้หนังกำลังอยู่ในช่วงดำเนินงานสร้าง อดใจรออีกนิด แค่ ปีกว่าๆเอง

แก้ไขล่าสุด 11 ก.พ. 51 20:51 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | <[H]eeChu[L]> (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 21:13 น.

เคยดูเกือบหมด
ขอบคุณมากๆนะค้า 

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | kok...ok (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 21:22 น.

เคยดูเกือบหมด เหมือนกันเลยนะ
ชอบที่สุดคงเป็นเรื่อง The Lion King : เดอะ ไลออน คิง
แล้วใครชอบเรื่องไหนบ้างล่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | ฮีโร่2หลึง (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 22:47 น.

จำได้ว่า Brother Bear ดูไปเกือบ10รอบอิอิชอบมาก

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | "W_eee_W" (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 23:08 น.

อยากดู The Princess And The Frog

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | MC_ (ไม่เป็นสมาชิก) | 11 ก.พ. 51 23:43 น.

ชอบ ดิสนีย์ มากๆ ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | Roger | 12 ก.พ. 51 08:49 น.

ดูแล้วเกือบหมดเลยครับ ยกเว้นบางเรื่องเอง ที่ไม่ได้ดู

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | AumH.M (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 09:48 น.

แบบว่าบางเรื่องนี่ฉายมานี้ นม นาน มากๆแต่ผมมีความรู้สึกว่ามันยังใหม่อยู่ตลอดเลยนะเนี่ย สงสัยเอากับมาทำใหม่ตลอด เลยดูไม่เก่าสักที

แก้ไขล่าสุด 12 ก.พ. 51 20:48 | ไอพี: ไม่แสดง

#10 | shake (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 14:31 น.

Mulan  กับ Chicken Little เรื่องแรกสนุกและฮาดีนะ
เรื่องหลังอะน่ารักดี

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | [W]in[D]i[L]ien | 12 ก.พ. 51 16:25 น.

จีจี้ปลื้มโพคาฮอนทัชเค่อะ..ปลื้มที่สุดแร้วว

อ้ะแต่โพคาฮอนทัชมีภาค 2 ด้วยงิ

ตอนที่โพคาฮอนทัชมาอยู่ในเมืองงัย..แต่ออกมาในรูปแบบDVDแล้วก้อVCDอ่าางิ

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | ด.ญ.ไล่ล่า (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 17:00 น.

ตั้งแต่ดูเอ็นชานเต็ดแล้วคิดถึงการ์ตูนวาดมากๆ อยากดูเจ้าชายกบเร็วๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#13 | Crozbonez (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 17:49 น.

ชอบThe Lion Kingที่สุดแระ

ไอพี: ไม่แสดง

#14 | |-[B]LUE-| (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 19:58 น.

Meet The Robinsons : ผจญภัยครอบครัวเพี้ยนฝ่าโลกอนาคต
ชอบมากเลย ครับอิอิอิ  ดูหลายรอบเลย

ไอพี: ไม่แสดง

#15 | --|[_Massimo'_]|-- | 12 ก.พ. 51 20:38 น.

เราว่าเรื่อง Treasure Planet ก็สนุกดีนะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#16 | AumH.M (ไม่เป็นสมาชิก) | 12 ก.พ. 51 20:57 น.

เจ้าหญิงผิวดำเนี่ย พระราชาเป็นคนผิวดำอ่ะเปล่า  ถ้างั้นเรื่องก็ต้องเกิดในแอฟริกาน่ะสิ    แบบว่าสงสัยน่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#17 | Lovebucks.. | 13 ก.พ. 51 09:59 น.

ดูของดิสนี่ย์มา

ชอบ Lilo and Stitch มากที่สุดแร้ว

อันดับ 2 ก้อ Meet the Robinsons หนังดีมากๆ เลยเรื่องนี้

ไอพี: ไม่แสดง

#18 | polygamy_th (ไม่เป็นสมาชิก) | 13 ก.พ. 51 16:57 น.

MULAN เซะ!! 55++ ชอบเจงๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#19 | โคอ่อน_กินหญ้าแก่ | 13 ก.พ. 51 20:00 น.

ชอบ  sleeping beauty กะ Treasure Planet  ภาพสวยดี 

ไอพี: ไม่แสดง

#20 | Bumๆ~Blue%คุนท้องฟ้า (ไม่เป็นสมาชิก) | 27 พ.ค. 51 20:32 น.

ขอบคุน 

ขอบคุน 

ไอพี: ไม่แสดง

#21 | kstn0611 | 16 ก.ค. 52 21:29 น.

ขอบคุณนะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#22 | --[VIP]G-ri--[2NE1] | 8 ต.ค. 52 22:08 น.

ชอบ Peter Pan อะ

ไอพี: ไม่แสดง

#23 | 'ฟาตินโกะไง | 8 ต.ค. 52 22:51 น.

เราชอบทุกเรื่องเลยอะ ดูมาตั้งแต่เด็กๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#24 | Mil2acle (ไม่เป็นสมาชิก) | 19 ม.ค. 53 22:56 น.

ชอบทุกเรื่องของ Walt Disney มากครับ

I LIKE IT !!

ไอพี: ไม่แสดง

#25 | me-melon | 6 มี.ค. 54 18:23 น.

ดูแต่เรื่องเก่าๆอ่ะ หลังจากเรื่องทาร์ซาน เราไม่เคยดู

ไอพี: ไม่แสดง

#26 | `Gusto | 7 ธ.ค. 54 20:58 น.

แต๊งกิ้วมากค่าา 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google