ในทรรศนะของข้าพเจ้า 104 ฝนตกในความฝัน

31 มี.ค. 56 22:38 น. / ดู 368 ครั้ง / 1 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
ทุกครั้งที่ผมเห็นเด็กน่ารักสักคน ผมอดยิ้มในความน่ารักไม่ได้ ด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่รู้ประสา เป็นวัยที่น่าห่วงและทะนุทะนอมอย่างที่สุด
และทุกครั้งที่ผมเห็นเด็กน่ารักสักคน ผมก็อดที่จะรู้สึกว่า “ผมอยากมีลูกสักคน” ไม่ได้สักที

และทุกครั้งผมจะหันมองไปที่ภรรยาผมแล้วยิ้มๆ

และทุกครั้งที่ผมจะโดนกำปั้นลุ่นๆ ทุบลงอย่างแรงที่กลางหลังพร้อมกับ “รู้นะว่าคิดไรอยู่ **ทะลึ่ง”


แต่...

ทุกครั้งที่ผมได้ยินคนพูดถึงเด็กน่ารักสักคน ภาพที่ผมเห็นในพริบตาคือ ‘ใบหน้าหวาดกลัวต่อชะตากรรม ใบหน้าที่ปรากฏอยู่บนศีรษะเด็กน่ารักคนหนึ่งที่ยังตั้งอยู่บนลำตัวอย่างไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าที่จับจ้องมาทางผมด้วยแววตาซ่อนไว้ซึ่งความหวังริบหรี่ ความหวังที่จะมีใครสักคนหนึ่ง ช่วยเค้าให้หลุดจากขุมนรกใต้หลังคาสังกะสี’ นี่คือภาพที่ผมเห็นทุกครั้งที่มีคนพูดถึงเด็กน่ารักสักคน

และภาพจะชัดมากเมื่อมีคนพูดถึง “เด็กหายตัวไป” ให้ผมได้ยิน


แต่เมื่อมีคนพูดถึงพวกแก๊งลักเด็ก ภาพที่ผมเห็นจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่ง ‘ผมเห็นตัวเอง ในมือถือเลื่อยยนต์ เลือดหยดลงพื้นใต้ฟันเลื่อนคมกริบ เบื้องหน้าคือชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายของมนุษย์บนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยคาวเลือด ที่ไหลไปตามชะตากรรมแห่งวิญญาณ ไปสู่ท่อระบายน้ำ... ชิ้นส่วนมนุษย์ที่เคยเป็นของกลุ่มค้ามนุษย์... ผมช่วยเด็กหลายคนให้เป็นไท...”

นี่คือภาพที่ผมเห็น เป็นภาพผลจากอดีตที่ดูหนังมากเกินไปของผม (ปัจจุบันผมเน้นดูหนังดรามา ด้วยเหตุผลด้านอายุ และสุขภาพจิต)

และเป็นภาพที่ผมอยากให้เป็นความจริง


หลายต่อหลายครั้งที่ผมมีความคิดว่าจะออกตามล่า และฆ่าล้างบาง สาวไปให้ถึงที่สุด ไม่ว่าปลายทางจะเป็นโคตรเจ้าพ่อ หรือนักการเมืองตัวใด

เพราะผมจะใช้เลื่อยยนต์ตัวเก่งในโรงรถผม เด็ดหัวมันให้**

แต่สิ่งเดียวที่ยับยั้งใจผมไม่ให้ก่ออาชญากรรมซ้ำซ้อนเช่นนั้น คือ “กฎหมาย” มันคุ้มครองพวกจัญไรได้ครอบคลุมยิ่งกว่าประกันสังคมเสียอีก

หลายคนคงคิดว่า ศีลธรรมจะยั้งชั่งใจได้ แต่ผมไม่ได้มองว่าการฆ่าเพื่อปลดปล่อยคนมากมายให้เป็นไท เป็นเรื่องที่ไร้ศีลธรรม เพราะตลอดประวัติศาสตร์ทั่วโลก เราฆ่าเพื่ออนาคต และเป็นการฆ่าโดยชอบธรรมเสียด้วย


ถ้าตอนนี้มีใครเอาเอกสารมาให้ผมลงชื่อร่วมสนับสนุน “โทษของคดีอุกฉกรรจ์ ให้มีโทษเพียงประหารชีวิต” ผมจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะร่วมเป็นหนึ่งในฝ่ายธรรมะที่จะลงชื่อล้างอธรรม

แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะสิทธิมนุษยชนระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต” ดังนั้นโทษประหารชีวิตจึงเป็นได้แค่เพียง “โทษสูงสุดที่ไม่ค่อยได้ใช้”


ถ้ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต ก็หมายความว่า “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตาย” แต่ก็ขัดกับข้อที่ว่า “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี” นั่นคือ ชีวิตที่เลือกได้

ก็แปลว่า “ความตาย เราก็เลือกได้”


แต่ความตายเราเลือกไม่ได้หรอกว่าเราจะตายทรมาน หรือตายสงบ

แต่ใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ใครตาย



ที่นี้ลองคิดดูนะ “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” นั่นแปลว่า “ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถทำให้ใครตาย หรือมีคุณภาพชีวิตตกต่ำ”

แล้วนโยบายการเมืองหลายอย่างละ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนตกต่ำ เค้ามีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?

ถ้าเค้ามีสิทธิ์ เราก็มีสิทธิ์ “ฆ่านักการเมืองจัญไร” ได้เช่นเดียวกัน

จริงไหม?



ผมไม่ได้มาพูดเรื่องอะไรหรอกนะ เพียงแต่อยากให้ทุกท่านช่วยกันสอดส่อง และเฝ้าระวังเรื่องอาชญากรรม ก็เท่านั้น  พบเห็นเบาะแสก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพวกเค้าก็ทำงานไม่ได้ความสักเท่าไหร่หรอกนะ

อีกอย่างผมเชื่อในคติที่ว่า “อยากให้งานเดินต้องทำเอง”

นั่นแปลว่า “เราต้องกวาดล้างอาชญากรรมเอง”

แต่ถ้าเราทำเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า “เราเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรม”






สรุปแล้วผมพูดเรื่องไร คุณบอกผมที ^^
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Thanapuk | 31 มี.ค. 56 23:06 น.

เราบอกตามตรงเลยนะ ถ้าพูดตามทรรศนะคติของเรา เราขอบอกตามตรงเลยว่าเราเองก็เคยคิดแบบจขทก. เราอยากจะได้สนับมือสักอันไปซัดหน้าพวกที่จิตใจเลวทรามต่ำช้าพวกนั้น แต่เราทำไม่ได้ เพราะอะไร คำตอบง่าย ๆ คือเราไม่ใช่ผู้คุมในเรือนจำ ถ้าเราทำแน่นอนว่าแทนที่จะได้เป็นวีรบุรุษ เรากลับต้องกลายมาเป็นคนผิด เพราะฉนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฏหมาย(ซึ่งแม้จะพึ่งพาอะไรได้ไม่มากก็ตาม) เราเป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ แค่นี้ก็ถือว่าได้ช่วยสังคมแล้ว

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google