ต้มยำกุ้ง 2 ( 2013 ) Movie Review by FallsDownz
9 พ.ย. 56 17:32 น. /
ดู 1,040 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
MOVIE REVIEW
การกลับมาของภาพยนตร์ Action สัญชาติไทย ?
Movie Name : ต้มยำกุ้ง 2 ( 2013 ) , Action / Drama
Director : ปรัญชา ปิ่นแก้ว ( องค์บาก , ต้มยำกุ้ง )
Stars : พนม ยีรัมย์ ( องค์บาก 1-3 , ต้มยำกุ้ง ) , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ( ต้มยำกุ้ง , แหยมยโสธร ) , ญาณิน วิสมิตะนันทน์ ( ช็อคโกแลต ) , รฐา โพธิ์งาม ( Only God Forgives , จิตสัมผัส 3D ) , RZA ( The Man with the Iron Fists )
Rating : น 15+
REVIEW
ต้มยำกุ้ง 2 นั้นต้องขอสารภาพเลยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่คาดหวังอะไรเลยจริงๆตอนก่อนที่จะเข้าไปชม เนื่องจากกระแส และเสียงพูดกันมาด้านลบพอตัวในหลายๆที่ ซึ่งต้องขอพูดเลยว่า หลังจากที่ได้ชมต้มยำกุ้ง 2 จบ กลับคิดว่า มันไม่ได้เลวร้ายหรือแย่แบบที่หลายๆคนเคยพูดหรือเคยเขียนเอาไว้ซะทีเดียวเลย
ต้มยำกุ้ง 2 นั้นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของภาพยนตร์เลยก็คือ บท ที่มันไม่มีตัวตนเลยจริงๆ ไม่มีเลยจริงๆ ในขณะที่คุณชมภาพยนตร์ จนจบภาพยนตร์ คุณจะไม่รู้สึกเลยว่า บทมันมีตัวตน คุณจะรู้สึกแค่ว่า คุณกำลังนั่งดูฉาก Action อย่างเดียวเท่านั้นเสียมากกว่า ซึ่งนั้นมาจากหลายๆสาเหตุ อย่างเช่น การตัดต่อที่ไม่ให้เวลา Intro ในฉากต่างๆเลย ซึ่งมันทำให้รู้สึกเหมือนแต่ละฉากพอย้ายไปฉากต่อไปมันเป็นการ Jump หรือ กระโดดไปเลย มันจึงไม่รู้สึกเชื่อมต่อกันเลยแม้แต่น้อย ตัวละครที่แบน และแทบจะไม่มีการปูตัวละครเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากเวลานั้นถูกโยนไปให้กับฉาก Action ซะ 70-80% ของทั้งเรื่อง ตัวละครบางตัวแย่ถึงขนาดที่ทำให้ตั้งคำถามว่า จะมีมาทำไม และตัวละครบางตัวก็สร้างความน่ารำคาญมากกว่าความบันเทิง Dialog ที่หลายๆครั้งเขียนมาได้แย่ บางฉาก Dialog แย่จนทำให้รู้สึกว่า เราควรจะตลก หรือ เราควรจะซีเรียสกันแน่ ? และที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็คงจะเป็น CG ที่แย่ ไม่สมจริง ผลคือมันดึงคนดูออกจากฉาก และทำให้คุณไม่เชื่อสิ่งในฉากนั้นๆเลย ทั้งๆที่ ต้มยำกุ้ง เป็นภาพยนตร์ที่ไม่จำเป็นจะต้องพึ่ง CG เลยก็ยังได้ รวมไปถึงฉากจบที่ค่อนข้างจะแย่ อ่อนแอ และไม่สมจริงเอาเสียเลย
นอกจากนั้น บางฉากเช่นฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์รู้สึกเหมือนฉากวิ่งไล่จับเสียมากกว่าฉาก Action ซึ่งมันน่าเบื่อ และ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีใน ต้มยำกุ้งเลย ต้มยำกุ้งมันควรจะเกี่ยวกับ Martial Arts การแลกหมัด การต่อสู้ ต่างๆนาๆ ไม่ใช่การวิ่งไปวิ่งมา ไล่จับกันอย่างกับ Tom and Jerry สุดท้ายก็คือท่าต่อสู้ต่างๆ ที่น่าจะทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างมากกว่านี้ ชัดเจนกว่านี้ ในภาพยนตร์มันดูค่อนข้างจะมั่วซั่วไปหมด ทำให้ในบางฉากที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสร้างท่าต่อสู้ที่แตกต่าง มันกลับไม่รู้สึกแตกต่างเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็มีหลายสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ทำได้โดดเด่นและดีเช่นกัน อย่างแรกเลยก็คือ ฉาก Action (ไม่นับฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์) ทุกๆฉากค่อนข้างจะเป็นฉาก Action ที่สนุก ตื่นเต้น พอสมควร อยู่ตลอดเวลา แต่ช่างมีหลายๆไอเดียในฉาก Action ที่คิดได้น่าสนใจเช่นกัน เช่นตัวละครที่มีท่า ต่อย 3 หมัดหนัก ที่ตัวภาพยนตร์บอกให้คนดูรู้ว่า ถ้าหากคนๆนี้ต่อยได้ครบ 3 หมัด คนที่โดนจะตาย และตัวภาพยนตร์ก็เล่นกับจุดนี้ได้ดีเลยทีเดียว หรือ นักแสดงและตัวละครอย่าง Twenty หรือ ญาญ่าญิ๋ง นั้นเอง ที่เธอแสดงได้ไม่เลวเลยทีเดียว Sexy ฉลาด ร้ายกาจ ตัวละครของเธอก็น่าสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว ผมกลับรู้สึกว่า อยากจะเห็นเธอมากกว่านี้ มากกว่าตัวละครที่ปราฏตัวเยอะอย่าง Number Two เสียอีก และอาจจะเนื่องจากเธอได้ไปเล่นภาพยนตร์ Only God Forgives กับ Ryan Gosling ภาษาอังกฤษของเธอในเรื่องนี้ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับดีมากเลยทีเดียว นักแสดงอย่าง จีจ้า ในฉาก Action เธอก็แสดงได้ดีพอตัวเลยทีเดียวเช่นกัน นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังมีหลายๆฉากที่ทำออกมาได้น่าสนใจ บางฉากที่สร้างอารมณ์ขันหรือ Humor พร้อมกับแฝงอะไรบางอย่างได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญคือ คุณจะเห็นความพยายามในการยกระดับในหลายๆด้านได้อย่างชัดเจนในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นบท Production Design ต่างๆ เพื่อให้เทียบในระดับ Hollywood จริงๆ เพียงแต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ และบางส่วนมันยังไม่ Work เท่านั้นเอง
ระบบ 3D นั้นในต้มยำกุ้ง 2 นั้นถือว่าทำได้อยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่เมื่อดูจบ คุณก็จะรู้เลยว่ามันเป็นระบบที่ไม่จำเป็นเลยใน ต้มยำกุ้ง ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับ 3D ควรจะเป็นภาพยนตร์ที่พึ่ง 3D Depth of Field และใช้งานมันได้อย่างเต็มที่จริงๆ อย่างเช่น Gravity ที่จะต้องพึ่งความลึกเพื่อสร้างรายละเอียดใน Background หรือ Hugo ที่ต้องพึ่ง 3D เพื่อสร้างมิติในฉากต่างๆ แต่ในต้มยำกุ้ง 2 นั้น มันไม่ความจำเป็นจะต้องใช้ระบบ 3D เลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้ฉาก Action ดูน่าตื่นเต้นขึ้นแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้อะไรดูดีขึ้นเลย กลับกัน ตัวระบบ 3D เป็นตัวทำให้ภาพยนตร์นั้นถูกจำกัดและมีฉาก Gimmick แย่ๆมาผสม และทำให้ภาพยนตร์ดูแย่ขึ้นไปเสียอีก เช่นถ่ายท่าพระเอกกระโดดเตะมาทางหน้าคุณ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกเหมือนโดนเตะจริงๆ หรือ โยนอะไรเข้าหาคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ไม่ควรจะทำเลย เพราะ นอกจากมันจะแหกกฎเหล็กของภาพยนตร์ที่แล้ว ยังทำให้รู้สึกน่าอนาจ จากการที่ภาพยนตร์หมดมุขที่จะเล่นแล้วมากกว่าน่าตื่นเต้นเสียอีก
แต่แปลกนัก เพราะแทนที่หลังดูจบผมควรจะรู้สึกแย่และรู้สึกไม่ดีกับมัน กลับรู้สึกว่า ต้มยำกุ้ง 2 เป็นภาพยนตร์ที่น่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการ"กล้า"ที่จะแหวกกระแส และ ความเสี่ยงพอตัวเลยในการสร้างภาพยนตร์ Action ของประเทศไทยเอง โดยเฉพาะยิ่งช่วงนี้ที่มีภาพยนตร์ระดับใหญ่ยักษ์ของ Hollywood เข้ามามากมาย แทนที่จะไปทำแต่ภาพยนตร์วัยรุ่น รักๆ หรือ ผีๆ ซ้ำซากๆ แบบภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆที่เวลาเจ็บจากรายได้ก็ไม่เจ็บมากเท่าไรนัก รวมไปถึงการลงทุนไปมหาศาลถึงเกือบ 500 ล้าน และการพยายามที่จะทำอะไรใหม่ๆที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่ ต้มยำกุ้ง หรือ ภาพยนตร์ไทยตอนนี้ควรจะทำก็คือ การ"หา"สิ่งที่เป็นของตัวเอง มากกว่าการพยายามที่จะเดินตาม Hollywood อย่างเช่น ศิลปะมวยไทย Martial Arts ต่างๆ ความสวยงามทางวัฒนธรรมต่างๆ หรืออื่นๆ แทนที่จะไปพึ่งทางด้าน CG หรือ ระบบ 3D ซึ่งไม่จำเป็นเลย หาสิ่งๆนั้นให้เจอและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ก็น่าจะทำให้ภาพยนตร์ไทยมีความเป็นเอกลักษณ์และดีไม่แพ้ Hollywood ได้ไม่ยาก
Final Score : [ C- ]
อ่านรีวิวเก่าๆและติดตามรีวิวใหม่ๆได้ที่นี้ครับ http://fallsdownz.blogspot.com/
การกลับมาของภาพยนตร์ Action สัญชาติไทย ?
Director : ปรัญชา ปิ่นแก้ว ( องค์บาก , ต้มยำกุ้ง )
Stars : พนม ยีรัมย์ ( องค์บาก 1-3 , ต้มยำกุ้ง ) , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ( ต้มยำกุ้ง , แหยมยโสธร ) , ญาณิน วิสมิตะนันทน์ ( ช็อคโกแลต ) , รฐา โพธิ์งาม ( Only God Forgives , จิตสัมผัส 3D ) , RZA ( The Man with the Iron Fists )
Rating : น 15+
REVIEW
ต้มยำกุ้ง 2 นั้นต้องขอสารภาพเลยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่คาดหวังอะไรเลยจริงๆตอนก่อนที่จะเข้าไปชม เนื่องจากกระแส และเสียงพูดกันมาด้านลบพอตัวในหลายๆที่ ซึ่งต้องขอพูดเลยว่า หลังจากที่ได้ชมต้มยำกุ้ง 2 จบ กลับคิดว่า มันไม่ได้เลวร้ายหรือแย่แบบที่หลายๆคนเคยพูดหรือเคยเขียนเอาไว้ซะทีเดียวเลย
ต้มยำกุ้ง 2 นั้นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของภาพยนตร์เลยก็คือ บท ที่มันไม่มีตัวตนเลยจริงๆ ไม่มีเลยจริงๆ ในขณะที่คุณชมภาพยนตร์ จนจบภาพยนตร์ คุณจะไม่รู้สึกเลยว่า บทมันมีตัวตน คุณจะรู้สึกแค่ว่า คุณกำลังนั่งดูฉาก Action อย่างเดียวเท่านั้นเสียมากกว่า ซึ่งนั้นมาจากหลายๆสาเหตุ อย่างเช่น การตัดต่อที่ไม่ให้เวลา Intro ในฉากต่างๆเลย ซึ่งมันทำให้รู้สึกเหมือนแต่ละฉากพอย้ายไปฉากต่อไปมันเป็นการ Jump หรือ กระโดดไปเลย มันจึงไม่รู้สึกเชื่อมต่อกันเลยแม้แต่น้อย ตัวละครที่แบน และแทบจะไม่มีการปูตัวละครเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากเวลานั้นถูกโยนไปให้กับฉาก Action ซะ 70-80% ของทั้งเรื่อง ตัวละครบางตัวแย่ถึงขนาดที่ทำให้ตั้งคำถามว่า จะมีมาทำไม และตัวละครบางตัวก็สร้างความน่ารำคาญมากกว่าความบันเทิง Dialog ที่หลายๆครั้งเขียนมาได้แย่ บางฉาก Dialog แย่จนทำให้รู้สึกว่า เราควรจะตลก หรือ เราควรจะซีเรียสกันแน่ ? และที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็คงจะเป็น CG ที่แย่ ไม่สมจริง ผลคือมันดึงคนดูออกจากฉาก และทำให้คุณไม่เชื่อสิ่งในฉากนั้นๆเลย ทั้งๆที่ ต้มยำกุ้ง เป็นภาพยนตร์ที่ไม่จำเป็นจะต้องพึ่ง CG เลยก็ยังได้ รวมไปถึงฉากจบที่ค่อนข้างจะแย่ อ่อนแอ และไม่สมจริงเอาเสียเลย
นอกจากนั้น บางฉากเช่นฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์รู้สึกเหมือนฉากวิ่งไล่จับเสียมากกว่าฉาก Action ซึ่งมันน่าเบื่อ และ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีใน ต้มยำกุ้งเลย ต้มยำกุ้งมันควรจะเกี่ยวกับ Martial Arts การแลกหมัด การต่อสู้ ต่างๆนาๆ ไม่ใช่การวิ่งไปวิ่งมา ไล่จับกันอย่างกับ Tom and Jerry สุดท้ายก็คือท่าต่อสู้ต่างๆ ที่น่าจะทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างมากกว่านี้ ชัดเจนกว่านี้ ในภาพยนตร์มันดูค่อนข้างจะมั่วซั่วไปหมด ทำให้ในบางฉากที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสร้างท่าต่อสู้ที่แตกต่าง มันกลับไม่รู้สึกแตกต่างเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็มีหลายสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ทำได้โดดเด่นและดีเช่นกัน อย่างแรกเลยก็คือ ฉาก Action (ไม่นับฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์) ทุกๆฉากค่อนข้างจะเป็นฉาก Action ที่สนุก ตื่นเต้น พอสมควร อยู่ตลอดเวลา แต่ช่างมีหลายๆไอเดียในฉาก Action ที่คิดได้น่าสนใจเช่นกัน เช่นตัวละครที่มีท่า ต่อย 3 หมัดหนัก ที่ตัวภาพยนตร์บอกให้คนดูรู้ว่า ถ้าหากคนๆนี้ต่อยได้ครบ 3 หมัด คนที่โดนจะตาย และตัวภาพยนตร์ก็เล่นกับจุดนี้ได้ดีเลยทีเดียว หรือ นักแสดงและตัวละครอย่าง Twenty หรือ ญาญ่าญิ๋ง นั้นเอง ที่เธอแสดงได้ไม่เลวเลยทีเดียว Sexy ฉลาด ร้ายกาจ ตัวละครของเธอก็น่าสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว ผมกลับรู้สึกว่า อยากจะเห็นเธอมากกว่านี้ มากกว่าตัวละครที่ปราฏตัวเยอะอย่าง Number Two เสียอีก และอาจจะเนื่องจากเธอได้ไปเล่นภาพยนตร์ Only God Forgives กับ Ryan Gosling ภาษาอังกฤษของเธอในเรื่องนี้ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับดีมากเลยทีเดียว นักแสดงอย่าง จีจ้า ในฉาก Action เธอก็แสดงได้ดีพอตัวเลยทีเดียวเช่นกัน นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังมีหลายๆฉากที่ทำออกมาได้น่าสนใจ บางฉากที่สร้างอารมณ์ขันหรือ Humor พร้อมกับแฝงอะไรบางอย่างได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญคือ คุณจะเห็นความพยายามในการยกระดับในหลายๆด้านได้อย่างชัดเจนในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นบท Production Design ต่างๆ เพื่อให้เทียบในระดับ Hollywood จริงๆ เพียงแต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ และบางส่วนมันยังไม่ Work เท่านั้นเอง
ระบบ 3D นั้นในต้มยำกุ้ง 2 นั้นถือว่าทำได้อยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่เมื่อดูจบ คุณก็จะรู้เลยว่ามันเป็นระบบที่ไม่จำเป็นเลยใน ต้มยำกุ้ง ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับ 3D ควรจะเป็นภาพยนตร์ที่พึ่ง 3D Depth of Field และใช้งานมันได้อย่างเต็มที่จริงๆ อย่างเช่น Gravity ที่จะต้องพึ่งความลึกเพื่อสร้างรายละเอียดใน Background หรือ Hugo ที่ต้องพึ่ง 3D เพื่อสร้างมิติในฉากต่างๆ แต่ในต้มยำกุ้ง 2 นั้น มันไม่ความจำเป็นจะต้องใช้ระบบ 3D เลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้ฉาก Action ดูน่าตื่นเต้นขึ้นแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้อะไรดูดีขึ้นเลย กลับกัน ตัวระบบ 3D เป็นตัวทำให้ภาพยนตร์นั้นถูกจำกัดและมีฉาก Gimmick แย่ๆมาผสม และทำให้ภาพยนตร์ดูแย่ขึ้นไปเสียอีก เช่นถ่ายท่าพระเอกกระโดดเตะมาทางหน้าคุณ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกเหมือนโดนเตะจริงๆ หรือ โยนอะไรเข้าหาคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ไม่ควรจะทำเลย เพราะ นอกจากมันจะแหกกฎเหล็กของภาพยนตร์ที่แล้ว ยังทำให้รู้สึกน่าอนาจ จากการที่ภาพยนตร์หมดมุขที่จะเล่นแล้วมากกว่าน่าตื่นเต้นเสียอีก
แต่แปลกนัก เพราะแทนที่หลังดูจบผมควรจะรู้สึกแย่และรู้สึกไม่ดีกับมัน กลับรู้สึกว่า ต้มยำกุ้ง 2 เป็นภาพยนตร์ที่น่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการ"กล้า"ที่จะแหวกกระแส และ ความเสี่ยงพอตัวเลยในการสร้างภาพยนตร์ Action ของประเทศไทยเอง โดยเฉพาะยิ่งช่วงนี้ที่มีภาพยนตร์ระดับใหญ่ยักษ์ของ Hollywood เข้ามามากมาย แทนที่จะไปทำแต่ภาพยนตร์วัยรุ่น รักๆ หรือ ผีๆ ซ้ำซากๆ แบบภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆที่เวลาเจ็บจากรายได้ก็ไม่เจ็บมากเท่าไรนัก รวมไปถึงการลงทุนไปมหาศาลถึงเกือบ 500 ล้าน และการพยายามที่จะทำอะไรใหม่ๆที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่ ต้มยำกุ้ง หรือ ภาพยนตร์ไทยตอนนี้ควรจะทำก็คือ การ"หา"สิ่งที่เป็นของตัวเอง มากกว่าการพยายามที่จะเดินตาม Hollywood อย่างเช่น ศิลปะมวยไทย Martial Arts ต่างๆ ความสวยงามทางวัฒนธรรมต่างๆ หรืออื่นๆ แทนที่จะไปพึ่งทางด้าน CG หรือ ระบบ 3D ซึ่งไม่จำเป็นเลย หาสิ่งๆนั้นให้เจอและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ก็น่าจะทำให้ภาพยนตร์ไทยมีความเป็นเอกลักษณ์และดีไม่แพ้ Hollywood ได้ไม่ยาก
Final Score : [ C- ]
อ่านรีวิวเก่าๆและติดตามรีวิวใหม่ๆได้ที่นี้ครับ http://fallsdownz.blogspot.com/
แก้ไขล่าสุด 9 พ.ย. 56 17:45 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google