วิจารณ์ Captain Phillips

Captain Phillips
By Bigtum

***บทความนี้มีสปอยล์เนื้อหาหนังในช่วงแรก : เรือใหญ่ควรงดออกจากฝั่งถ้ายังไม่พร้อม

'เรือเล็กควรออกจากฝั่ง' คำพูดนี้สามารถเอามาใช้ได้เลยกับพวกเด็กหนุ่มโซมาเลียกลุ่มนี้ ที่ใช้เรือเล็กพร้อมอาวุธปืนสงครามติดตัวไปกันคนละกระบอก เพื่อออกหากินปล้นเรือใหญ่ นี่เป็นหนังที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริงที่เคยเป็นข่าวดังครึกโครมไปทั่วโลก เมื่อเรือบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศของสหรัฐถูกโจรสลัดโซมาเลีย บุกปล้นขึ้นยึดเรือขนาดใหญ่เมื่อเดือนเมษายน ปี 2009 กับเรือ เมิร์สค์ อลาบามา ที่บรรทุกสินค้ามาแบบชุดใหญ่เต็มลำ หนังบอกเล่าอย่างตรงมา เปิดตัวกัปตันฟิลลิปส์ (ทอม แฮงค์ส) กับภาพของครอบครัวระหว่างทางที่กำลังจะเดินทางไปทำงาน ซึ่งควรจะเป็นวันที่ปกติ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นมา

เปิดตัวกลุ่มเด็กโซมาเลียที่กำลังชุมนุมกันอยู่ริมชายฝั่งทะเล กำลังชักชวนกันออกไปล่าเหยื่อที่เดินทางมายังถิ่นของพวกเค้า เพื่อหาของมีค่ากลับมาเสวยสุข แว๊บแรกที่คนดูได้เห็นเด็กเหล่านี้ ก็รู้ได้ทันทีถึงอันตรายที่กำลังจะเกิด ความน่ากลัวบนใบหน้าของน้องๆมันแผ่ซ่านออกมาเต็มๆ ปากเคี้ยวใบกระท่อม ในมือถืออาวุธปืน กับภาษาท้องถิ่นที่เราฟังไม่ออก คงไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับเด็กหัวรุนแรงกลุ่มนี้แน่ๆ

ที่จริงน่านน้ำแห่งนี้ถือว่าเป็นน่านน้ำสากล แต่ก็เป็นเขตที่อันตราย มีคำเตือนของเรือที่จะผ่านมาแถวนี้ให้ระวังพวกโจรสลัดมาดักปล้น กัปตันฟิลลิปส์ผู้รอบคอบก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เช็คระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆของเรือก่อนขึ้นไปทำหน้าที่ มีการซักซ้อมกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินให้ลูกเรือทุกคนปฏิบัติตาม แต่ก็ไม่วายตกเป็นเป้าของเด็กกลุ่มนี้ที่หมายมั่นตั้งใจตอนดูในจอเรดาห์แล้วว่า จะต้องปล้นเรือลำนี้เพื่อชิงเอาทรัพย์สมบัติอันมีค่ามาให้ได้

ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการปะทะกันที่สุดเเสนจะเหลือเชื่อเอามากๆ กับเรือเล็กขนาด 2 คนนั่งของโจรสลัด ไล่กวดตามติดเรือสูงขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากถึง 17,000 ตัน เพื่อจะหาทางขึ้นไปบนเรือ ก็เลยเจอกลยุทธ์ตอบโต้ของกัปตันฟิลลิปส์เราซะหน่อย จัดให้ทั้งยิงพลุ ทั้งประกาศหลอกว่ามีตำรวจทางน้ำกำลังมา ส่งผลให้พวกมันแตกคอกันเอง บางส่วนเลยหนีกลับเข้าฝั่งไปเพราะไม่กล้าตามต่อ เหลือเพียงโจรสลัด 4 คน กับเรือเล็ก 2 ลำ ที่ยังคงติดตามมา กัปตันฟิลลิปส์เลยสั่งฉีดน้ำจมเรือมันซะเลย แต่ทว่าพวกมันอาศัยช่องโหว่อันน้อยนิด ยิงปืนเปิดทาง จนในที่สุดมันก็ขึ้นมาได้สำเร็จ เเล้วทีนี้กัปตันของเราจะทำยังไงดี!? ไปลุ้นฉากหัวใจจะวายนี้กันได้ต่อในหนังเองนะ ขอเล่าพลอตถึงแค่ตรงนี้พอ

ดูเหมือนว่าผู้กำกับ พอล กรีนกราสส์ จาก The Bourne จะชอบหยิบจับของยากอย่างพวกข่าวดังๆช็อคโลกนำมาสร้างเป็นหนัง หลังจากเคยระทึกขวัญไปกับนรกบนฟ้าจากเครื่องบินลำที่ไม่พุ่งชนตึกเวิลด์เทรดในหนัง United 93 กันไปเเล้ว พอล กรีนกราสส์ กลับมาครั้งนี้พาคนดูไปพบหายนะกลางท้องทะเลกันบ้าง ไม่ต้องมีบทที่ซับซ้อนให้ปวดหัว หนังก็จัดการกระหน่ำซัดคนดูให้จดจ่อกับภาพตรงหน้าจอ ชนิดลุ้นตื่นเต้นอย่างไม่อาจละสายตากันได้ กับสถานการณ์ชอตต่อชอตที่สร้างความกดดันตึงเครียด เสมือนผู้ชมได้ลงเรือไปด้วย กรีนกราสส์แม่นมากในการจัดการตรงส่วนนี้ เป็นหนังที่มีดีเอ็นเอเดียวกับ United 93 อย่างที่สื่อนอกว่าไว้จริงๆ

อารมณ์ร่วมส่งมาถึงคนดูเเบบสุดๆ ทอม แฮงค์ส ในบทกัปตันฟิลลิปส์ ที่สุดของการแสดงที่สมควรได้รับรางวัลอีกครั้ง ถ่ายทอดมุมมองของผู้ที่กล้าหาญ อ่อนเเอ ปวดร้าว สิ้นหวังปนสงสาร ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด ขณะเดียวกันนักเเสดงที่ชื่อ บาร์คฮัด แอบดี หรือ 'บักจ่อย' ที่เล่นเป็นโจรหนุ่มโซมาเลีย ปะทะฝีมือเฉือดเฉือนกับ ทอม แฮงค์ส ได้อย่างสุดยอด น่าชื่นชมทีมเเคสติ้งที่ช่างเข้าใจสรรหามา เหมือนดีจริงๆ ฉากที่บักจ่อยจ้องตาฟิลลิปส์แล้วพูดว่า “มองผม ตอนนี้ผมเป็นกัปตันแล้ว” (มีในตัวอย่าง) แสดงถึงความน่าทึ่งกับการต้องมาปะทะกับรุ่นใหญ่โดยไม่เคอะเขินใดๆ 16 วันกับการถ่ายทำ นำสู่ความบันเทิงอันเข้มข้นสุดระทึกใจ

ระบบไอแมกซ์ที่ผู้เขียนได้ชมมา ช่วยให้ภาพของตู้คอนเทนเนอรที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเรือบรรทุกสินค้า รวมไปถึงเรือรบพิฆาตของกองทัพดูโอ่อ่า ทรงพลัง งานนี้หนังเสียดสีประเทศมหาอำนาจที่ชอบทำอะไรเวอร์ๆโหดร้าย และกดขี่ผู้ที่ด้อยกว่าอีกครั้ง เปลี่ยนอารมณ์จากความน่ากลัวของเด็กกลุ่มนี้ไปเป็นความน่าเห็นใจได้อย่างกลมกลืนผ่านแววตาของนักเเสดงระดับเทพ เเละเชื่อว่าหลังเหตุการณ์นี้คงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยบนเรือสินค้าอย่างเข้มงวดขึ้นแน่ๆ ก็ความเชื่อมั่นอันแสนภาคภูมิใจถูกสั่นคลอนลงแบบนี้แล้วหนิ หรือเหตุการณ์ 9/11 ที่น่าจะถือเป็นบทเรียน กลับทำให้ใครยิ่งกระหายอำอาจลำพองตนอวดศักดายิ่งกว่าเดิมก็ไม่รู้นะ

ระดับความอิน "A-"

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นๆได้อีกเพียบ เช่น Snowpiercer, Don Jon, Mary is Happy, Mary is happy ที่ https://www.facebook.com/pages/The-.........101573433344532