วิจารณ์ American Hustle ปอกเปลือกความแหลของอเมริกัน

18 ธ.ค. 56 19:09 น. / ดู 6,515 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
American Hustle
By Bigtum

***บทความนี้เปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อย
: ปอกเปลือกความแหลของอเมริกัน

  อย่าคิดว่าแคทนิส เอฟเวอดีน จะเป็นไก่ย่างถูกเผาในเตาไฟแบบ Catching Fire ล่ะ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ อาจจะอายุน้อยสุดในบรรดานักเเสดงนำของเรื่อง แต่ทันที่เข้าฉากปะทะกับคริสเตียน เบล, แบรดลีย์ คูเปอร์ และเอมี่ อดัมส์ เธอข่มทุกคนได้หมด ซึ่งเธอไม่ใช่นางเอกด้วยแต่เป็นนักเเสดงสบทบ ก็ถ้านางเอกของเรื่องอย่างเอมี่ อดัมส์จะไม่ได้รางวัลนักเเสดงหญิงยอดเยี่ยมในลูกโลกทองคำก็คงจะไม่แปลก เพราะบทของลอว์เรนซ์นั้นขโมยซีนโดดเด่นเกินหน้าเกินตากว่าเห็นๆ ไม่แน่นะ บางทีลอว์เรนซ์อาจจะได้ตุ๊กตามานอนกอดอีกตัวก็ได้ในบทสบทบนี้ ไม่ว่าจะเวทีลูกโลกหรือออสการ์ ซึ่งน่าจะมีสิทธิ์หรือเปล่า? เพราะคราวก่อนก็เซอร์ไพรส์เราได้นำหญิงมาครองจนสำเร็จไปแล้ว

American Bullshit (อเมริกันตอเเหล) คือชื่อเดิมของหนัง American Hustle ซึ่งหนังได้บอกเอาไว้ว่าเนื้อหาบางส่วนสร้างขึ้นจากเรื่องจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1980 กับหน่วยงานหนึ่งของเอฟบีไอที่ชื่อ แอ็บสแคม (Abscam) ที่มีการดึงเอานักนักต้มตุ๋นมาร่วมมือในการสืบสาวการทุจริตคอรัปชั่นของพวกนักการเมือง บทหนังที่เขียนโดยเดวิด โอ. รัสเซล ร่วมกับเอริก ซิงเกอร์นั้น ถูกสมมุติให้เกิดในปี 1978 และรายที่ได้มารับบทนักต้มตุ๋นที่ว่าก็คือ คริสเตียน เบล ในลุคชายหัวล้านลงพุง นักแสดงมหัศจรรย์จริงๆคนนี้ สามารถเนรมิตให้หุ่นตัวเองผอมโซเหมือนคนขี้โรคใน The Fighter ได้ เพิ่มน้ำหนักเสริมมวลกล้ามเนื้อเป็นบุรุษรัตติกาลก็ได้ แล้วยังจะมาลงพุงให้เราดูอีก ปรบมือให้รัวๆ

เออร์วิน โรเซนฟิลด์ (คริสเตียน เบล) ก็คือนักต้มตุ๋นตัวพ่อที่โคจรมาเจอกับ ซิดนีย์ พรอสเซอร์ (เอมี่ อดัมส์) ปลาไหลตัวเเม่ แม้ฝ่ายหญิงจะรู้ว่าฝ่ายชายมีลูก และเมียที่ชื่อ โรซาลิน (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) อยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ปิ๊งปั๋งกันมากจนถึงขั้นจับมือทำธุรกิจผิดกฎหมายร่วมกัน กระทั่งโดนเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ชื่อ ริชชี่ ดีมาโซ (แบรดลีย์ คูเปอร์) จับกุม เมื่อได้เห็นลีลาการปลิ้นปล้อนระดับเทพของเออร์วิน ริชชี่จึงยื่นข้อเสนอให้เออร์วินร่วมมือกับเค้าในการวางแผนหลอกจับกุมพวกนักการเมืองคอรัปชั่นเพื่อแลกกับความผิด งานนี้ถ้าทำสำเร็จตัวริชชีเองก็จะได้มีผลงานแจ้งเกิดในวงการ

แต่ทำไปทำมาดันกลายเป็นว่านายกเทศมนตรี (เจเรมี เรนเนอร์) ผู้อุทิศทำงานรับใช้ประชาชนมาร่วมหลายสิบปีดันมาติดร่างแห จนต้องใช้ตัวละครสมมุติหลอกๆขึ้นมา จับเอฟบีไอที่เป็นเเม็กซิกันมาปลอมเป็นมหาเศรษฐีอาหรับ ท่านชีค (ไมเคิล พีน่า) ลงทุนเช่าเหมาเครื่องบิน โรงเเรม ภารกิจใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งมาเฟียตัวเอ้ ทั้งนักฆ่าระดับพระกาฬ (โรเบิร์ต เดอ นีโร) เข้ามาเอี่ยว งบบานปลายจนเริ่มเอาไม่อยู่เมื่อต้องมีการโอนเงินกันเป็นสิบๆล้าน ความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวอันแปลกประหลาดที่เดินทางไปพร้อมกับภารกิจฉ้อฉลซ่อนกลโกงนี้จะลงเอยอีท่าไหนนั้นต้องไปติดตามกันเอง

ที่ชอบสุดในหนังเรื่องนี้ก็คือการแสดง ผู้เขียนชอบหนังที่ตัวละครพูดคุยฉอดๆเฉือดเฉือนวัดกึ๋นกัน บางทีมันมันส์หยดเสียยิ่งกว่าหนังบู๊แหลกลานผลาญงบซะอีก แต่ไม่ชอบหนังที่เอาดารามาพูดปรัชญายากๆอย่าง The Counselor เอาซะเลย แม้จะเป็นหนังรวมดาวเหมือนกัน แต่ American Hustle นั้นพรั่งพราวกว่าเอามากๆ ผู้กำกับเดวิด โอ. รัสเซลล์ เก่งกาจมากในการกำกับนักเเสดง เค้าเลือกที่จะนำเสนอให้ออกมาเป็นหนังดราม่าจิกกัดตลกแสบๆ แทนที่จะเป็นแนวทริลเลอร์ซ้ำซาก พิสูจน์ให้เห็นว่าเรื่องระดับชาติอย่างคดีการเมืองในสภาคองเกรสกับธุรกิจมืดที่โยงไปสู่เรื่องผิดกฎหมายนั้น เค้าก็เล่าความสัมพันธ์ออกมาได้สนุกสนานไม่แพ้เรื่องราวครอบครัวแบบเดียวกับใน Silver Linings Playbook เลย

ถึงจะมีตัวละครที่มากมายหลายหลากสถานะ แต่หนังก็ได้เน้นย้ำด้านสีเทาให้เห็นมากกว่าจะมองเพียงแค่มุมด้านขาวกับดำ เเม้คนนั้นจะเป็นถึงเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเองก็ตาม คาเเรคเตอร์ของคริสเตียน เบล นั้นชัดเจนมาก เป็นพวกต้มตุ๋นตลบแตลงโกหกชั่วร้ายแบบสุดๆ แต่ก็ไม่รู้สึกเกลียด แปลกมั้ยล่ะ อาจจะด้วยคติบ้าๆของเค้าที่มั่นใจตัวเองแบบสุดขีด และเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เผลอเอาใจช่วยว่าเค้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงนั้นยังไง รวมทั้งเมียหลวงอย่างลอว์เรนซ์ ที่โคตรฉลาดสุดๆ รู้ทันจับทางได้หมดทุกเรื่อง ฉากออกงานกับสามี ฉากคุยโทรศัพท์ ฉากโต้เถียงมันออกมาดูมีพลังหมดเลย

แต่ที่ผู้เขียนชอบสุดคือ ฉากในห้องน้ำที่โดดเด่นทั้งสองฉาก ทั้งฉากที่แบรดลีย์กับอดัมส์กำลังจะมีอะไรกันในห้องน้ำ แต่หยุดชะงักให้อารมณ์ค้าง และฉากในห้องน้ำหญิงที่สองนางอดัมส์กับลอว์เรนซ์ ปะทะฝีปากโต้เถียงกัน แต่แล้วจู่ๆก็? เล่นเอาเหวอกันเลย แบรดลีย์ คูเปอร์ หมอนี่ยังไม่หายจากโรคไบโพลาร์แน่ๆ ยังขี้โมโหอารมณ์เดือดพล่านควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เหมือนเคย เอมี่ อดัมส์ สวยแบบคนมีอายุ โนบราทั้งเรื่องเห็นเลยว่าย้อยตามวัย ปลิ้นปล้อนเปลี่ยนสำเนียงเล่นจับคู่เข้าขากับคริสเตียน เบลเช่นกัน ขณะที่เจเรมี เรนเนอร์ กับไมเคิล พีน่า มาพร้อมกับบทสบทบสนุกๆที่เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เป็นสีสันส่งเสริมให้กับเรื่องราว รุ่นใหญ่โรเบิร์ต เดอ นีโร มาไม่เยอะ แต่เป็นฉากสนทนาในการเจรราธุรกิจที่คลาสสิกได้อารมณ์หนังเเก๊งสเตอร์ยุคเก่าสุดๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่เล่ามาเจ็ดย่อหน้าให้ฟังก็ต้องบอกกล่าวกันก่อนว่า ต้องเป็นคนที่ชอบหนังแนวนี้ด้วยนะถึงจะดูสนุก ผู้เขียนสังเกตเห็นผู้หญิงที่นั่งข้างๆหลับตั้งแต่ต้นยันจบ ซึ่งก็ไม่ถือว่าแปลก เพราะหนังแนวนี้มักจะเน้นบทสนทนาที่ต้องคิดตาม ซึ่งหากตามไม่ทันก็อาจจะเบื่อ ดูไม่เก็ตไม่สนุกไปเลยก็ได้ แต่ถ้าชอบหนังขายฝีมือทางการแสดงก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเหมือนกัน เพลงประกอบคัดมาได้ไพเราะเข้ากันดีกับสไตล์ยุค 70 "ถ้าเราจะข่มขู่คุกคามใคร เราควรจะถูกข่มขู่คุกคามก่อน" ชอบประโยคนี้จัง ซับไทยโดยท่านเจไดยุทธแปลได้สะเด่าเอามากๆ เช่น "ผมแม่_รักคุณฉิ_หาย" และ "อีเน่าใน" มีอีกเพียบ... ไปฮากันเอาเอง

ระดับคะเเนน "B+"

ติดตามอ่านรีวิวหนังใหม่เรื่องอื่นๆได้อีกเพียบ อาทิ ฟัดจังโตะ // The Secret Life of Walter Mitty // Blue is the Warmest Color // Like Father, Like Son // Mary is Happy, Mary is happy ได้ที่ https://www.facebook.com/pages/The-.........101573433344532
แก้ไขล่าสุด 12 ม.ค. 57 14:31 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | nuer | 18 ธ.ค. 56 21:53 น.

อยากจะอ่าน แต่พอเห็น บทความนี้เปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อย เลยไม่กล้าอ่าน กลัวจะดูหนังไม่สนุก 

แก้ไขล่าสุด 18 ธ.ค. 56 21:54 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | MTH.Channel | 18 ธ.ค. 56 22:28 น.

กะว่าจะดูเรื่องนี้ควบ captain phillips พรุ่งนี้พอดีเลยครับ เห็นกระแสต่างประเทศดีมากๆ แนวของหนังยังเป็นแบบที่ผมชอบด้วย 

ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบหนังมีบทพูดกินสมอง สู้กันด้านไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยม ยิ่งตามบทสนทนาทันยิ่งมันส์สุดๆอะครับ

แต่ผมก็ชอบหนังที่พูดปรัชญายากๆเช่นกัน มันเป็นวลีที่สวยงามซึ่งถูกย้อมด้วยความหมายอันมีค่า แม้เราอาจหรือไม่อาจจะเข้าใจได้ มันก็คุ้มค่าที่เราจะเข้าใจไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ตาม

ขอบคุณสำหรับริวิวครับ 

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | jude | 20 ธ.ค. 56 14:40 น.

เห็นด้วย ว่า หนังเด่นที่เรื่องการแสดงมากๆ เจนนิเฟอร์ ลอเรนซ์ เล่นได้โดดเด่นมากๆ ถึงขั้นที่ว่า ใครที่เข้่าฉากกับเธอ กินเธอไม่ลงเลยทีเดียว ส่วนความประทับใจ คงไม่เท่า silver lining playbook

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google