WalterMitty – การผจญภัยของมิตตี้กับชีวิตที่หลุดฝัน (วิจารณ์)

1 ม.ค. 57 03:17 น. / ดู 2,010 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
The Secret Life of Walter Mitty – การผจญภัยของมิตตี้กับชีวิตที่หลุดฝัน


หนังเรื่องนี้เป็นการรีเมคจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันในปี 1947 ที่อ้างอิงมาจากเรื่องสั้นที่เขียนโดย James Thurber ในปี 1939 ที่เจ้าตัวเอกอย่าง Walter Mitty มีอาการฝันกลางวันหรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "หลุดโลก" เป็นจุดเด่นในการดำเนินเนื้อเรื่องนั้นเอง

กว่าจะเป็นภาพยนตร์ The Secret Life of Walter Mitty นั้นก็นับได้ว่ายากลำบากเอามากๆ เพราะกว่าจะได้เข้าฉายในคริสต์มาสปี 2013 หนังกินเวลาในการพัฒนาการสร้างมาเกือบ 20 ปี เพราะหากจะย้อนไปก็นับตั้งแต่ปี 1994 เลยที่ตัวโปรดิวเซอร์ Samuel Goldwyn, Jr. มีความคิดที่จะรีเมคหนังตลกสุดเสียดสีอย่าง The Secret Life of Walter Mitty ขึ้นมาชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการนำแสดงของ Jim Carrey ที่กำลังโลดแล่นอยู่ในช่วงนั้นและเกือบได้ Ron Howard ผู้กำกับภาพยนตร์ชุด The Davinci Code และ Rush ที่ผ่านมา แต่ก่อนจะถอนตัวไปด้วยเหตุผลบางอย่าง จนเกือบไปได้ผู้กำกับฯอีกรายนั้นก็คือ Steven Spielberg มากำกับแต่ก็ติดภารกิจในการกำกับ War of the Worlds และ Munich ไปจนต้องถอนตัวและด้านบทที่เกือบจะลงตัวแต่ก็ต้องเสียนักแสดง Jim Carrey และเกือบต้องไปคว้า Owen Wilson มาแทนแต่จนแล้วจนรอด Ben Stiller ก็ได้มาเป็นนักแสดงนำแทนและด้วยความที่ตำแหน่งผู้กำกับยังว่างอยู่ Ben จึงตัดสินใจรับหน้าที่กำกับ ภายใต้บทที่เขียนโดย Steven Conrad ผู้เขียนบท The Pursuit of Happyness นั้นเอง

หนังเล่าเรื่องของ Walter Mitty หนุ่มออฟฟิศธรรมดาๆที่ทำงานอยู่ภายใต้แผนกล้างฟิล์ม เขาแอบชอบกับสาวแผนกบัญชีฟิล์มอย่าง Cheryl Melhoff และพยายามหาทางที่จะเขาไปพูดคุยกับเธอ ในขณะที่เจ้าตัวมีนิสัยประหลาดที่ชอบสร้างภาพฝันกลางวันมโนว่าตัวเองมีความพิเศษหรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "หลุดโลก" ก่อนที่บริษัทที่ Mitty ทำงานให้ซึ่งก็คือนิตยสารนั้นกำลังปิดตัวลง เขาก็พบว่าภาพที่ต้องใช้ลงในหน้าปกของนิตยสารสุดท้ายที่ได้รับมาจาก Sean O'Connell หายไป เพื่อรักษางานของทั้งแผนกที่กำลังปิดตัวลง เขาจึงต้องออกเดินทางตามหา Sean ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าฝันที่เขาเคยนึกถึงได้!

หนังมีความโดดเด่นด้านภาพมากที่สุด ทุกภาพทุกมุมทุกการตัดต่อค่อนข้างดีเยี่ยมเลยทีเดียว อีกทั้งดนตรีประกอบที่มีความเป็นเอกลักษณ์และก็ไพเราะไปในเวลาเดียวกัน อย่างบอกว่านี่คือภาพยนตร์ที่มีดนตรีประกอบเพราะที่สุดเท่าที่เคยฟังในปีนี้เลยก็ว่าได้ Walter Mitty นั้นมีการดำเนินเนื้อเรื่องค่อนข้างช้าในช่วงแรกก่อนจะน่าติดตามทันทีที่ Mitty เริ่มหลุดโลกให้เราเห็น หนังค่อนข้างมีมุขฮาเยอะแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นฮาแบบอมยิ้มแต่ฮาก๊ากก็พอมี หนังมีการให้รายละเอียดตัวละครมากสุดแค่ Walter Mitty ที่เป็นภาพสะท้อนวิถีชีวิตของเราๆที่ดิ้นรนทำงาน และพยายามสะท้อนให้เราหลุดออกจากกรอบและออกไปเผชิญโลกเฉกเช่นที่สโลแกนของบริษัทที่ Mitty ทำงานให้ว่าเอาไว้

ส่วนที่ดีเยี่ยมที่สุดในนี้คือ ด้านภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สวยงามแทบจะไร้ที่ติ สีในภาพมันช่างสดแต่ก็ไม่แสบตาแต่อย่างใด แถมองค์ประกอบในภาพก็ดูดีมีชาติตระกูลอีกทั้งบางมุมก็ดูแปลกแต่ก็สวยงามในแบบที่มีระดับ ไม่ได้หวือหวาหรือพิศดารอะไร ส่วนถัดมาคือ ดนตรีประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เพราะมากเช่นกัน โดยเฉพาะเพลงจบเอนด์เครดิต Stay Alive ที่จบภาพยนตร์ได้เข้ากันกับเอนด์เครดิตมากๆ ส่วนถัดมาคือปมรายละเอียดที่หนังทิ้งไว้ให้ในแต่ละจุด ซึ่งถึงแม้จะคาดเดาได้ แต่พอสรุปจบก็ทำให้เราประทับใจเอาซะเฉยๆ

หนังมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ Walter Mitty ชายผู้ที่มีโรคประหลาดคือชอบฝันกลางวันจนใครต่อใครก็เรียกว่าหลุดโลก ผมเชื่อว่าไม่มากก็น้อยที่มีอาการเหล่านี้ แต่อาจไม่หนักเท่าที่ Mitty แสดงให้เห็นในหนัง แต่เราก็ต้องเคยฝันหรือจิ้นถึงจุดมุ่งหมายในสิ่งที่เราต้องการหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไปในชีวิตของเรา เพื่อทำให้ตัวเราเป็นที่ยอมรับและเป็นที่โดดเด่นในสังคม แต่เมื่อเราไม่สามารถเป็นดังนั้น เราจึงต้องจินตนาการตัวเองในจุดที่เราอยากจะอยู่ว่าหากเราไปอยู่ ณ จุดๆนั้น มันจะเป็นเช่นไร ผมไม่ปฏิเสธเลยว่า ทุกวันนี้ผมมีอาการเช่นนั้น เพียงแต่มีสติกว่า ผมวาดฝันเห็นภาพตัวเองกำลังกำกับหนังที่ตัวผมสนใจจะทำมาเกือบ 4-5 ปี วาดฝันว่าตัวเองกำลังโซโล่กีต้าร์อยู่บนคอนเสิร์ต เราต่างมีความฝันที่ตัวเองอยากเป็น แต่เมื่อไหร่ที่เราจะกล้าออกไปเผชิญกับความจริงสักที? Mitty ย้ำเตือนเราได้ดีถึงข้อนี้ว่า แทนที่จะละความฝันบ้าๆบอๆที่หลุดโลก เขากลับใช้มันเป็นตัวกระตุ้นให้ออกไปหาความจริงและสร้างมันให้เป็นแรงผลักดันซะงั้นไป เราจึงต้องถามตัวเองว่า เมื่อไหร่ที่เราจะทำเช่นนั้น อีกทั้งชีวิตคนเรานั้น มันไม่ได้ง่ายดายเลย บางสิ่งที่เราเห็นว่าไกลตัวนั้น มันอาจจะอยู่ใกล้ตัวก็เป็นได้ ภาพเพียงภาพเดียวก็สามารถสื่ออะไรได้หลายอย่างเช่นกัน

สรุป The Secret Life of Walter Mitty คือภาพยนตร์ที่ให้แรงบันดาลใจส่งท้ายปีเก่าหรือต้อนรับปีใหม่ได้อย่างดี หนังมีข้อคิดที่ให้เราฝ่าอุปสรรค ท้าทายโลกกว้างและออกไปเปิดประสบการณ์ ด้วยเนื้อเรื่องที่สามารถสรุปจบได้พีคและประทับใจ หนังอุดมไปด้วยฉากสวยงามของวิวทิวทัศน์มากมาย อีกทั้งยังมีเพลงประกอบเพราะๆอีกด้วย ถึงแม้ว่าหนังจะมีมุขตลกหลุดโลกบางอันที่อาจจะฮาเงิบจนเกือบพาหนังเสียรูปก็ตาม แต่มุขเกือบทุกอันก็พาเราอมยิ้มไปด้วยแน่นอน

3.75/5

สามารถอ่านบทวิจารณ์ภาพยนตร์อื่นๆ ได้ที่นี้นะครับ กด
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | `{.fOR?WhAt} | 12 ม.ค. 57 07:42 น.

ขอบคุณนะคะ ว่าจะไปดูวันนี้
กลัวออกโรงแล้วจัง 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google