( เล่า ) - จัดฟันรอบสอง.

5 ม.ค. 57 13:53 น. / ดู 22,708 ครั้ง / 8 ความเห็น / 2 ชอบจัง / แชร์
สวัสดีเพื่อนๆบอร์ดความงามทุกคนงับ
ออกตัวก่อนเลยว่ากระทู้นี้จะไม่สวย จริงๆ เพราะขี้เกียจแต่ง
จุดประสงค์มาเพื่อเล่าประสบการณ์ เป็นอุทธาหรณ์หรืออะไรก็แล้วแต่
ยาวหน่อย ใครไม่อยากอ่านก็ไม่ว่ากัน แต่อ่านหน่อยก็ดีนะคะ


เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่กำลังจะหมดวัยทีนแล้ว อายุจะ 19 รอมร่อ
เรียนอยู่ปี1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเนี่ยแหล่ะ



โอเค เข้าเรื่องดีกว่า
วันนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เรากำลังจะไปจัดฟันรอบสอง
สาเหตุคือ ฟันเรายื่น เนื่องจากไม่ใส่รีเทนเนอร์นั่นแหล่ะ
ปัญหาโลกแตกของคนจัดฟันทั้งหลาย



เราเคยจัดฟันมาแล้วรอบนึง เมื่อตอนเราอยู่ ม.1
ใช้เวลาทั้งหมดเกือบสามปี ถอดออกตอนจะจบม.3
แล้วหลังจากนั้นมาก็ใส่รีเทนเนอร์บ้างไม่ใส่บ้าง
ปีแรกที่ถอด ก็ยังเห่อรีเทนเนอร์อยู่ ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง
จนทำรีเทนเนอร์หาย ก็รีบไปทำมาใหม่
หายแล้วทำใหม่อยู่หลายรอบ



จนมาปีล่าสุด ไม่ใส่แล้ว เพราะขี้เกียจ
เราย้ายเข้าหอพัก ลืมรีเทนเนอร์บ้าง ไรบ้าง
แต่ทุกทีที่เราคิดได้ เราก็จะพยายามเอากลับมาใส่
ซึ่งใครใส่รีเทนเนอร์ก็น่าจะรู้ ว่าถ้าไม่ได้ใส่ไปนานๆ
พอเอากลับมาใส่มันจะเจ็บมาก ปวดมหาศาล
เอออออนั่นแหล่ะ เลยใส่ได้ไม่นานก็ยอมแพ้


ฟันมันเริ่มกลับมาสภาพเดิม นั่นคือยื่น
ตอนแรกเราก็ไม่ได้กะจะอะไรมากมายเพราะคิดว่ามันคงไม่เป็นไรมาก
แต่เปล่าเลย มันเริ่มยื่นขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับเราทำรีเทนเนอร์เราหักด้วย
ก็เลยกลายเป็นไม่ได้ใส่เลย


เราก็พยายามหาวิธีแก้ทุกวิถีทาง เพื่อจะทำให้ฟันเรามันยุบกลับเข้าไป
โดยคิดตื้นๆว่าก็ขอแค่มันไม่ออกมาอีกก็พอแล้ว

เราหาข้อมูล ในสยามโซนก็แล้ว ในพันทิฟ จีบัน
ไม่ค่อยได้คำตอบที่อยากได้หรอก เพราะทุกที่บอกว่าดัดฟันรอบสองใหม่หมด


เรา ที่ค่าเทอมแพงมหาศาลอยู่แล้วไหนจะรายจ่ายบ้าคลั่ง
เราเลยคิดว่าโอเค เราจะทำยังไงก็ได้โดยที่ไม่ต้องให้พ่อแม่เดือดร้อน
และข้อตกลงลับๆของเรากับตัวเองคือ โดยต้องไม่ให้พ่อแม่รู้ด้วย


เราหาวิธี เราค้นข้อมูล จนไปเจอกับการจัดฟันแบบใหม่
ที่เรียกว่า invisalign มันเป็นการจัดฟันแบบที่ไม่เห็นเหล็ก
กล่าวคือจะไม่มีใครรู้ว่าเราจัดฟันเนี่ยแหล่ะ

เราโคตรสนใจ บอกเลยว่าสนใจมาก แต่พอดูราคาแล้วเราก็เลยเซย์กู้ดบาย
มันราคาเป็นแสน หลายแสน ใช้เวลาไม่นานก็จริง แต่มันแพงมาก
เพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่มากในเมืองไทย
เห็นเค้าบอกกันว่าที่แพงเพราะมันต้องส่งเข้าแลปเมืองนอก
ดาราใช้กันเยอะ มันถอดเข้าถอดออกได้ เหมาะสำหรับคนที่ทำงาน
ที่ต้องใช้หน้าตาในการทำมาหากิน ซึ่งเราถามตัวเองว่าจำเป็นขนาดนั้นมั้ย
ก็ได้คำตอบมาโดยแทบไม่ต้องคิดว่า คงไม่หรอก


เราก็หาไปอีก ไปเจออีกแบบนึงที่เรียกว่า clear lighner
ซึ่งแบบนี้มันก็คล้ายๆกับตัว invisalign แต่ผิดกันตรงที่ใช้แลปไทยทำ
ราคาก็จะต่างกันมาก อยู่ที่สองสามหมื่น ใช้เวลาแปปเดียว


เราสนใจมาก เราติดต่อกับโรงพยาบาลฟันที่เราทำอยู่ตั้งแต่เด็กๆ
เค้าไม่มีโปรแกรมนี้ มีแต่แบบ invisalign ซึ่งทำให้เราช็อคมาก
เราบอกเค้าว่าโอเค ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ


แล้วมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี หลายคนอาจจะคิดว่า
ก็ไปทำคลีนิกที่เขามีดิ ค่ะ คุณคิดเหมือนเราเลย
เราก็โทรไปหาคลีนิกที่เขามี คุยกันเรียบร้อย นัดวันไปหาคุณหมอ
พอถึงวันนัด เดชะบุญ เรากลับไม่ว่างไป ติดทำงานกลุ่ม


ก็โทรไปขอเขาเลื่อนนัด แล้วเราก็มาคิดว่า แบบนี้เราจะไหวมั้ย
ถ้าต้องเลื่อนนัดบ่อยๆแบบนี้ ต้องทำหลบๆซ่อนๆแบบนี้อีก
เราจะโอเคมั้ย


แล้วเราก็ถามตัวเองว่า ทำไมไม่บอกพ่อแม่ไปเลยจะได้จบๆ
ว่าอยากจัดฟันรอบที่สอง แล้วขอเสนอว่าเราจะจ่ายเอง
จะได้ไม่เป็นภาระพ่อแม่ อีกอย่างจะได้ไม่ต้องหลบซ่อนด้วย


เราตัดสินใจบอกพ่อแม่ แม่เราบอกให้ไปคุยกับคุณหมอ
เนื่องจากจะทำอะไรต้องปรึกษาู้เชี่ยวชาญก่อน ถูกไหม
เราไปนั่งคุย สิ่งที่คุณหมอพูดทำให้เราเอากลับไปคิดแล้วก็รู้สึกดีที่
ไม่ได้ไปเข้าคลีนิกอื่น


คุณหมอพูดว่า
คุณรู้ไหม อันตรายนะกับการที่เข้าโรงพยาบาลฟันสองที่พร้อมกัน
หนึ่ง ประวัติฟันคุณอยู่ที่นี่ คุณหมอที่อื่นไม่มีทางรู้เลย
ว่าคุณไปเจอปัญหาฟันในรูปแบบไหนมา
คุณอาจจะเคย ผ่าฟัน คุณอาจจะเคยอุดฟัน
แน่นอนว่าหมอรู้แน่นอนว่าคุณไปทำอะไรมา แค่เห็นก็รู้
แต่ที่เค้าไม่มีทางรู้คือ คุณได้แก้ปัญหาอะไรไปถึงกระบวนการไหนแล้ว


คิดง่ายๆ ประวัติฟันสองที่คุณจะเป็นแบบกระโดดไปกระโดดมา
อาทิตย์นี้ฟันไม่เรียบ อีกอาทิตย์นึงกลับมาเรียบ
คุณจะให้ทางฝั่งหมอคิดอะไร ทำยังไง ต้องแก้ปัญหาอะไรไหมหรือยังไง


เรื่องแบบนี้มันมักง่ายไม่ได้ ฟันเป็นสิ่งที่จะติดตัวคุณไปตลอด
จะอยู่กับคุณตลอด เป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในทุกวัน


อย่าคิดตื้น ..


มันทำให้เรารู้สึกว่าโอเค .. เราโอเคแล้ว เราตัดสินใจว่า
เราจะจัดฟันกับคุณหมอคนเดิม ที่เราเคยจัดด้วย
และก็เป็นในเวลาอีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้แหล่ะค่ะ


กลัวอยู่เหมือนกัน เพราะรูปหน้าเราจะเปลี่ยนไปอีกแล้ว
คิดดูสิ คนอายจะ 20 อยู่แล้วยังจะมาดัดฟันแอ๊บเด็กอยู่อีก
ขำก็ขำตัวเองนะ แต่ให้ทำไงได้


เดี๋ยวผลเป็นยังไงจะกลับมาบอกค่ะ : D
ใครมีคำถามอะไรถามได้เลยนะคะ
ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านค่ะ
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | `(yarkke4w?\-)- | 5 ม.ค. 57 15:22 น.

สู้ๆ นะครับ จขกท. ผมอ่านละทำให้รู้สึกว่าตอนถอดเหล็กจะพยายามส่รีให้ได้ตลอด
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่านะครับ 

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | \นี่มันอะไรกัน?- | 5 ม.ค. 57 17:11 น.

อ่านสนุกมากค่ะ 55555555 

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | EXO-LOVE | 5 ม.ค. 57 18:47 น.

จขกท.ไม่ต้องกังวลเรื่องอายุจ้า บางคนจะ 30 อยู่แล้วยังจัดเลย 

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | bolam; | 5 ม.ค. 57 21:03 น.

จขกทไม่เห็นเป็นไรเลยครูเราก็พึ่งจะดัด 555555
เราก็กลัวเหมือนกัน ไม่ค่อยได้ใส่รี(แบบว่ากินทั้งวัน) พอกินแล้วก็ขี้เกียจใส่อะ
มารู้ตัวอีกทีก็ใส่ก่อนนอน เดี๋ยวหมอเราจะนัดไปดูความเปลี่ยนแปลง ต้องโดนด่าแน่ๆเลย 
หมอดุมากมาก 

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | เราไงจะใครล่ะ | 6 ม.ค. 57 19:22 น.

อยากเห็นรูปจัง 5555  ไม่เคยรู้เลยนะว่ารีโทนเนอร์จำเป็น คือไม่เคยจัดนี่นะ 5555

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | hoest'z.`P'imy$4w3R? | 8 ม.ค. 57 23:09 น.

ครูเราอายุ  28 ยังพึ่งดัดฟัน สวยด้วย
อย่าอายเลยค่ะ เพื่อความสวยของเรา ไฟท์ติ้ง

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | ST:3 | 11 ม.ค. 57 19:50 น.

อ่านแล้วหยิบรีมาใส่ทันที 555 ชอบลืมมม T^T
คุณครูเรา 25 + ยังจัดเลยค่าาา 

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | เด็กน้อย-3- | 7 เม.ย. 57 14:11 น.

จขกท ไม่ต้องออายพี่หนูจะสามสิบกว่าๆยังดัดเลย

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google