☆═━ เจาะลึกเรื่องของ ' กลูตาไธโอน ' BY SONATA ━═☆
2 มิ.ย. 57 21:17 น. /
ดู 1,226 ครั้ง /
7 ความเห็น /
8 ชอบจัง
/
แชร์
สวัสดีค่า โซนาต้ากลับมาอีกแล้ว (บอกเพื่อ?) ฮ่าๆ
กลับมาในเรื่องของ 'กลูตาไธโอน' เชื่อว่าคำนี้ดึงดูดใจเหล่าสาวๆ ได้มากแน่ๆ
สุดฮิตสุดฮอตในตลาดตอนนี้ มาดูกันว่าจริงๆ แล้ว...
เจ้ากลูตาไธโอนตามท้องตลาดที่แสนจะมากมายหลายยี่ห้อเนี่ย
มันเป็นมายังไง
( ค่อนข้างยาวค่ะ จะอ่านกันรึเปล่าเน้อ ฮ่าๆๆๆ )
ขอเกริ่นก่อนนิดนึง...
เจ้ากลูตาไธโอนเนี่ย จริงๆ แล้วเป็นสารที่คุณหมอทั้งหลาย เอาไว้รักษาโรคทางการแพทย์
เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ และพวกมะเร็งต่างๆ เป็นต้น
โดยเหล่าคุณหมอคนหล่อก็จะฉีดมันเข้าไปที่หลอดเลือดดำหรือตามกล้ามเนื้อของคนไข้
แต่ทว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นและน่าแปลกใจมาก คือ ผู้ป่วยพวกนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น!
เมื่ออาการข้างเคียงหายไป เม็ดสีที่ผิวหนังก็จะกลับเข้มขึ้นดังธรรมชาติเดิม
( กลูตาไธโอนได้ไปยับยั้งเม็ดสีตามร่างกาย จากสีน้ำตาลให้เป็นสีขาวอมชมพู
แม้กระทั่งที่บริเวณ ดวงตา ดวงตาของเราจะรับแสงได้น้อยลง... เสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต
และที่สำคัญที่สุด หากได้รับสารนี้แบบผิดๆ อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ )
ด้วยเหตุที่กล่าวมา พวกคนมือบอนทั้งหลาย เลยพยายามมากที่จะเอาเจ้ากลูตาเนี่ย มาทำผลิตภัณฑ์แบบนู้นแบบนี้
ทั้งที่ไม่รู้เลยว่า ผู้ที่ได้รับกลูตาไธโอนเข้าไปในปริมาณมาก ' อะ ไร จะ เกิด ขึ้น ตาม มา '
( ปล. กลูต้าไธโอน ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากอย.ไทย (ข้อมูลปี 2556) )
ในปัจจุบันนะคะ คนเราก็สรรหาวิธีจะโดปกลูตา ทั้ง ฉีด กิน ทา
ทั้งที่มันมีอยู่แล้วในร่างกายของเรา....
การฉีดกลูตาไธโอน
กลูตาไธโอนสลายไวมากในกระแสเลือด ดังนั้นการฉีดกลูตาเนี่ยจึงต้องทำเป็นประจำใช่มั้ยคะ
และแน่นอน เรามักฉีดในความเข้มข้นที่สูง ประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
นอกจากจะเสียเงินสุดๆ แล้ว อาจทำให้ช็อค ความดันต่ำ เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
กล้ามเนื้อสั่น ประสาทหลอน หายใจติดขัด หลอดลมตีบ และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
และผู้ที่ได้รับยาฉีดนี้นานๆ เป็นประจำ อาจทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลง ทำให้รับแสงได้น้อยลง
เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต
การแพทย์ในสหรัฐอเมริกา จึงจัดสารกลูตาไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางสายตา
การทานกลูต้าไธโอน (ในทุกรูปแบบ)
กลูต้าไธโอนที่จริงแล้ว ไม่สามารถดูดซึมได้ในทางเดินอาหาร เพราะว่ามันมีโมเลกุลที่ใหญ่เกินไป (มันเป็น protein)
เพราะฉะนั้นผู้ผลิตเค้าจะใช้ กรดอะมิโน ตัวนึง ซึ่งพอเข้าไปในร่างกายปู๊ป
มันจะไปรวมกับกรดอะมิโนตัวอื่น แล้วกลายเป็นกลูตา (เหมือนเกิดเป็นโกโก้ครันช์เลยเนอะ อิอิ)
เพราะฉะนั้นแล้ว หากยี่ห้อไหนบอกว่า กลูต้าแท้ กลูต้าเพียว บลาๆๆๆ
บอกเลยค่ะ ว่าร่างกายไม่ดูดซึม/ดูดซึมน้อยมากกกกกก นะ เสียตังฟรี
ลองหาที่เป็นแบบ " complex " ดูค่ะ อย่างของ vistra อะไรงี้-0-
ถ้ามีคำว่า ' complex ' คือร่างกายเราจะดูดซึมสารกลูตาได้มากกว่า
ถ้าถามว่าอันตรายไหม.....
ความเข้มข้นน้อยกว่าแบบฉีด , ร่างกายดูดซึมกลูตาจากเม็ดยาที่เราทานไปได้น้อย
แน่นอนว่าปลอดภัยกว่าแบบฉีดค่ะ แต่ขอแนะนำว่าอย่าทานในระยะเวลาที่นานเกินไปและปริมาณมากเกินไป
จะเกิดอาหารเหมือนแบบฉีดได้
ปริมาณเท่าไหร่ล่ะคะถึงจะเหมาะกับการทานต่อวัน?
ถ้าจะทานแบบต้านอนุมูล (ชะลอความแก่ ช่วยในเรื่องของบำรุงร่างกาย) 10 mg/น้ำหนักตัว 1 kg./วัน
ถ้าจะทานเพื่อให้ผิวขาว 20-40 mg/น้ำหนักตัว 1 kg./วัน
Ex. เราหนัก 45 kg. ปริมาณที่ควรทานได้มากสุดต่อวันคือ 40*45 = 1800 mg.
และ ต่ำสุดต่อวัน 20*45 = 900 mg
ดังนั้น เราจะเลือกทานแค่ 1350 mg ประมาณนี้ ไม่เสี่ยงต่อการพินาศของร่างกาย ฮ่าๆ
การทากลูต้าไธโอน
เมื่อนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือเจลสำหรับทาผิวหนัง เพื่อหวังให้ผิวขาวขึ้นนั้น
จะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เพราะโมเลกุลสารนี้ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้
เตือนภัย : หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้กลูตาไธโอนอย่างเด็ดขาด
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ก็คงรู้แล้วเนอะ ว่าถ้าอยากจะขาวโดยกลูตาเนี่ย
ทำยังไง อะไร ใช้แบบไหนถึงจะพอเหมาะพอดีและปลอดภัย
ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ 1 เม้น 1 กำลังใจ
ขอบคุณค่ะ
FB : https://www.facebook.com/ppuupae
IG : @pupaesonata
ฝากกระทู้เก่าด้วยน้า
☆═━ วิธีการสู่ความสวยอย่างถูกวิธี BY SONATA ━═☆
☆═━ REVIEW: the best skincare for me (hair) BY SONATA ━═☆
กลับมาในเรื่องของ 'กลูตาไธโอน' เชื่อว่าคำนี้ดึงดูดใจเหล่าสาวๆ ได้มากแน่ๆ
สุดฮิตสุดฮอตในตลาดตอนนี้ มาดูกันว่าจริงๆ แล้ว...
เจ้ากลูตาไธโอนตามท้องตลาดที่แสนจะมากมายหลายยี่ห้อเนี่ย
มันเป็นมายังไง
( ค่อนข้างยาวค่ะ จะอ่านกันรึเปล่าเน้อ ฮ่าๆๆๆ )
เจ้ากลูตาไธโอนเนี่ย จริงๆ แล้วเป็นสารที่คุณหมอทั้งหลาย เอาไว้รักษาโรคทางการแพทย์
เช่น ภาวะเป็นหมันในเพศชาย ปลายเส้นประสาทอักเสบ และพวกมะเร็งต่างๆ เป็นต้น
โดยเหล่าคุณหมอคนหล่อก็จะฉีดมันเข้าไปที่หลอดเลือดดำหรือตามกล้ามเนื้อของคนไข้
แต่ทว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นและน่าแปลกใจมาก คือ ผู้ป่วยพวกนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น!
เมื่ออาการข้างเคียงหายไป เม็ดสีที่ผิวหนังก็จะกลับเข้มขึ้นดังธรรมชาติเดิม
( กลูตาไธโอนได้ไปยับยั้งเม็ดสีตามร่างกาย จากสีน้ำตาลให้เป็นสีขาวอมชมพู
แม้กระทั่งที่บริเวณ ดวงตา ดวงตาของเราจะรับแสงได้น้อยลง... เสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต
และที่สำคัญที่สุด หากได้รับสารนี้แบบผิดๆ อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ )
ด้วยเหตุที่กล่าวมา พวกคนมือบอนทั้งหลาย เลยพยายามมากที่จะเอาเจ้ากลูตาเนี่ย มาทำผลิตภัณฑ์แบบนู้นแบบนี้
ทั้งที่ไม่รู้เลยว่า ผู้ที่ได้รับกลูตาไธโอนเข้าไปในปริมาณมาก ' อะ ไร จะ เกิด ขึ้น ตาม มา '
( ปล. กลูต้าไธโอน ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากอย.ไทย (ข้อมูลปี 2556) )
ในปัจจุบันนะคะ คนเราก็สรรหาวิธีจะโดปกลูตา ทั้ง ฉีด กิน ทา
ทั้งที่มันมีอยู่แล้วในร่างกายของเรา....
การฉีดกลูตาไธโอน
กลูตาไธโอนสลายไวมากในกระแสเลือด ดังนั้นการฉีดกลูตาเนี่ยจึงต้องทำเป็นประจำใช่มั้ยคะ
และแน่นอน เรามักฉีดในความเข้มข้นที่สูง ประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
นอกจากจะเสียเงินสุดๆ แล้ว อาจทำให้ช็อค ความดันต่ำ เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
กล้ามเนื้อสั่น ประสาทหลอน หายใจติดขัด หลอดลมตีบ และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
และผู้ที่ได้รับยาฉีดนี้นานๆ เป็นประจำ อาจทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลง ทำให้รับแสงได้น้อยลง
เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต
การแพทย์ในสหรัฐอเมริกา จึงจัดสารกลูตาไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางสายตา
การทานกลูต้าไธโอน (ในทุกรูปแบบ)
กลูต้าไธโอนที่จริงแล้ว ไม่สามารถดูดซึมได้ในทางเดินอาหาร เพราะว่ามันมีโมเลกุลที่ใหญ่เกินไป (มันเป็น protein)
เพราะฉะนั้นผู้ผลิตเค้าจะใช้ กรดอะมิโน ตัวนึง ซึ่งพอเข้าไปในร่างกายปู๊ป
มันจะไปรวมกับกรดอะมิโนตัวอื่น แล้วกลายเป็นกลูตา (เหมือนเกิดเป็นโกโก้ครันช์เลยเนอะ อิอิ)
เพราะฉะนั้นแล้ว หากยี่ห้อไหนบอกว่า กลูต้าแท้ กลูต้าเพียว บลาๆๆๆ
บอกเลยค่ะ ว่าร่างกายไม่ดูดซึม/ดูดซึมน้อยมากกกกกก นะ เสียตังฟรี
ลองหาที่เป็นแบบ " complex " ดูค่ะ อย่างของ vistra อะไรงี้-0-
ถ้ามีคำว่า ' complex ' คือร่างกายเราจะดูดซึมสารกลูตาได้มากกว่า
ถ้าถามว่าอันตรายไหม.....
ความเข้มข้นน้อยกว่าแบบฉีด , ร่างกายดูดซึมกลูตาจากเม็ดยาที่เราทานไปได้น้อย
แน่นอนว่าปลอดภัยกว่าแบบฉีดค่ะ แต่ขอแนะนำว่าอย่าทานในระยะเวลาที่นานเกินไปและปริมาณมากเกินไป
จะเกิดอาหารเหมือนแบบฉีดได้
ปริมาณเท่าไหร่ล่ะคะถึงจะเหมาะกับการทานต่อวัน?
ถ้าจะทานแบบต้านอนุมูล (ชะลอความแก่ ช่วยในเรื่องของบำรุงร่างกาย) 10 mg/น้ำหนักตัว 1 kg./วัน
ถ้าจะทานเพื่อให้ผิวขาว 20-40 mg/น้ำหนักตัว 1 kg./วัน
Ex. เราหนัก 45 kg. ปริมาณที่ควรทานได้มากสุดต่อวันคือ 40*45 = 1800 mg.
และ ต่ำสุดต่อวัน 20*45 = 900 mg
ดังนั้น เราจะเลือกทานแค่ 1350 mg ประมาณนี้ ไม่เสี่ยงต่อการพินาศของร่างกาย ฮ่าๆ
การทากลูต้าไธโอน
เมื่อนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือเจลสำหรับทาผิวหนัง เพื่อหวังให้ผิวขาวขึ้นนั้น
จะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เพราะโมเลกุลสารนี้ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้
เตือนภัย : หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้กลูตาไธโอนอย่างเด็ดขาด
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ก็คงรู้แล้วเนอะ ว่าถ้าอยากจะขาวโดยกลูตาเนี่ย
ทำยังไง อะไร ใช้แบบไหนถึงจะพอเหมาะพอดีและปลอดภัย
ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ 1 เม้น 1 กำลังใจ
ขอบคุณค่ะ
FB : https://www.facebook.com/ppuupae
IG : @pupaesonata
ฝากกระทู้เก่าด้วยน้า
☆═━ วิธีการสู่ความสวยอย่างถูกวิธี BY SONATA ━═☆
☆═━ REVIEW: the best skincare for me (hair) BY SONATA ━═☆
แก้ไขล่าสุด 2 มิ.ย. 57 21:22 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ดีอะ ถึงเราจะไม่ได้สนใจเรื่องความขาวมาก
แต่ถือว่ากระทู้นี้ได้ประโยชน์มากเลย
เราจะได้เอาไว้คอยเบรกเพื่อน555
ขอบคุณมากจ้า
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google