[HORROR] ���� NoSleep อยากนอนไม่หลับเชิญทางนี้ ����

13 ส.ค. 57 22:30 น. / ดู 5,117 ครั้ง / 30 ความเห็น / 19 ชอบจัง / แชร์
กระทู้นี้จะรวบรวมเรื่องสยองที่ผมแปลจากเว็บต่างประเทศที่เค้าจะเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์น่าขนลุกที่เค้าเจอมาในเว็บนี้นะครับ http://www.reddit.com/r/nosleep/ ซึ่งบางเรื่องนั้นก็ดูสมจริง แต่บางเรื่องก็มีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่าหลอกลวง ผมมักจะโพสเรื่องใหม่ๆช่วงกลางคืนประมาณสี่ทุ่มขึ้นไปนะครับ ส่วนใหญ่เรื่องเกือบทุกเรื่องเค้าไม่มีภาพประกอบมาให้ผมก็ขอคงเดิมไว้งี้ ถ้าให้เปลี่ยนแปลงอะไรบอกได้นะครับ
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:32 น.

ชายยิ้ม (เคยเห็นคนลงแล้วแต่นี่เป็นเวอร์ชั่นเต็มนะครับ)

ที่มา :http://www.reddit.com/comments/sp9vo/the_smiling_man/

ห้าปีที่แล้วตอนผมอาศัยอยู่ที่ใจกลางเมืองนิวยอร์ค ในตอนกลางคืนผมมักจะออกไปเดินเล่นข้างนอกและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ตลอดสี่ปีนั้นผมทำอย่างนั้นตลอด เดินคนเดียวในตอนกลางคืน และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ผมต้องกลัว แต่แล้วมันก็มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมกลัวการเดินคนเดียวในตอนกลางคืนไปตลอดชีวิต

มันเป็นวันพุธ ประมาณช่วงตี 1-2 นั้นเอง ผมกำลังเดินอยู่ใกล้ๆกับรถตำรวจซึ่งจอดอยู่ไกลจากอพาร์ตเมนท์ผมพอสมควร มันช่างเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ แม้มันจะเป็นวันหยุดก็ตาม แต่ผมไม่ก็ไม่ค่อยเห็นรถราแล่นแล่นตามท้องถนนซักเท่าใด ยิ่งคนเดินนี่ไม่ต้องพูดถึง

ในขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่อพาร์ตเมนท์ของผมนั้นเอง ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่ง อยู่ตรงสุดของถนน และอยู่ถนนฝั่งเดียวกับผม เป็นเงาของผู้ชายที่กำลังเต้นอยู่ เต้นแบบแปลกๆคล้ายๆกับการเต้นแบบวอลซ์ และแต่ละจังหวะที่เค้าเต้นเค้าก็จะเดินไปข้างหน้าแบบแปลกๆ หรือจะพูดให้ถูกคือเค้ากำลังเดินไปเต้นไปนั้นแหละ พร้อมกับหันหน้ามาหาผม

ผมคิดว่าเค้ากำลังเมาอยู่ ผมจึงลองเดินใกล้เข้าไปดู ยิ่งผมใกล้มากเท่าใด ผมก็ยิ่งสังเกตการเคลื่อนไหวของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เค้าสูงและผอม และสวมเสื้อสูทตัวเก่าๆ เขายังคงเต้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมเห็นหน้าของเขา ตาของเขาเบิกกว้างและกว้างขึ้นเรื่อยๆ หัวของเขาเอียงไปทางด้านหลังเล็กน้อยแหงนมองไปบนท้องฟ้า ปากของเขาฉีกยิ้มกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ปกติจะทำได้ด้วยความเจ็บปวด ระหว่างนั้นเอง

ผมรีบหันหน้าหนีแล้วตัดสินใจข้ามถนนหนีก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ผมมากกว่านี้ ตอนที่ผมไปถึงอีกฝั่งของถนนแล้วนั้นเอง ผมก็เหลือบกลับไปมอง ผมหยุดชะงักด้วยความหวาดกลัว ชายคนนั้นได้หยุดเต้นและค้างท่ายืนขาเดียวอยู่บนถนนนั้น ยืนตรงข้ามกับผม หันหน้ามาทางผมแต่ยังคงแหงนมองที่ท้องฟ้าอยู่ รอยยิ้มยังคงกว้างอยู่อย่างนั้น

ผมตกใจอย่างมากและเริ่มเดินกลับตามปกติพร้อมมองไปที่ชายคนนั้นอยู่ตลอด เค้าไม่ได้ขยับไปไหน ผมเดินไปเรื่อยๆและหันกลับไปดูทางถนนข้างหน้าผม ที่ถนนและทางเดินมันว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย และในตอนนั้นเองผมหันกลับไปมองหาผู้ชายคนนั้น ปรากฏว่าเขาได้หายไปแล้ว ในตอนนั้นผมรู้สึกโล่งออกมาก จนผมเห็นเขาอีกครั้งนึง เค้าได้ข้ามถนนมาอีกฝั่งและครั้งนี้เขาหมอบคลานมา หันมาหาผม ผมใช้เวลาหันกลับไปดูถนนไม่ถึงสิบวินาทีเลย ทำไมเขาเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดนี้

ผมช็อกและยืนค้างอยู่อย่างงั้น มองไปที่ชายคนนั้น และเค้าเริ่มเคลื่อนที่มาหาผมอีกครั้งนึง  เค้าวิ่งโดยเขย่งปลายเท้าและก้าวยาวมาก เหมือนกับตัวการ์ตูนที่กำลังสะกดรอยตามใครซักคนอยู่ เว้นแต่ว่าเค้าเคลื่อนที่มาเร็ว เร็วมาก ในวินาทีนั้นผมอยากจะวิ้งให้ไกลที่สุดหรือหยิบสเปรย์พริกไทยหรือมือถือ หรืออะไรซักอย่างที่จะช่วยผมได้ในตอนนั้น แต่ผมไม่ได้ทำ ผมทำได้เพียงแค่ยืนอยู่อย่างนั้นตัวแข็งตอนที่ชายคนนั้นมาใกล้ผมเรื่อยๆ

แต่จู่ๆเขาก็หยุดเคลื่อนไหว ห่างจากผมประมาณรถคันนึง ยังคงฉีกยิ้มและแหงนมองท้องฟ้า

จนในที่สุดผมก็ได้สติและกำลังคิดคำด่ามันอยู่ว่า "**ต้องการอะไรจากกูวะ" ด้วยน้ำเสียงที่โกรธอย่างเต็มที่ แต่เมื่อผมพูดออกไปจริงๆนั้นผมทำได้เพียงแค่พูดว่า "**ต้องกา...."

เคยมีคนบอกว่ามนุษย์เราได้กลิ่นความหวาดกลัว หรือแม้แต่ได้ยินด้วย ตอนนี้ผมได้ยินมันในหัว เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผมกลัวมากขึ้นได้แล้ว เพียงแค่เห็นชายคนนั้นยืนอยู่นิ่งๆพร้อมกับฉีกยิ้ม

เวลาผ่านไปช้ามาก จนในที่สุดเขาก็หันหลังกลับไปอย่างช้าๆ และเริ่มเต้นไปเดินไปออกไปจากผม ผมไม่คิดจะเดินกลับไปหาเขาอีก ผมมองเค้าห่างจากผมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเค้าอยู่ไกลจนเกือบมองไม่เห็น จนผมสังเกตเห็นว่าเค้าไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนอีกแล้ว เขาเต้นอยู่กับที่ จนผมเห็นเงาของเขาเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาวิ่งกลับมาหาผม!

ผมเห็นดังนั้น ผมจึงวิ่งหนีจากเขาสุดฝีเท้า

ผมวิ่งไปเรื่อยๆจนผมเห็นไฟถนนและรถวิ่งตามท้องถนน ผมมองหันกลับไป ผมไม่เห็นเขาอีกแล้ว ตลอดทางกลับอพาร์ตเมนท์ ผมก็เหลือบหันไปมองด้านหลังผมตลอดเวลาว่าจะเห็นชายคนนั้นอีกรึไม่ แต่ก็ไม่เห็นอีกแล้ว

ผมยังคงอยู่ที่เมืองนั้นต่ออีกหกเดือนหลังจากคืนนั้น ผมไม่กล้าที่จะไปเดินเล่นข้างนอกคนเดียวอีกเลย มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหน้าของเขาที่ยังคงหลอนผมจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้ดูเหมือนคนเมาหรือขาดสติ หน้าของเขาดูเหมือนกับคนที่บ้าคลั่งอย่างเต็มพิกัด นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตผม...

แก้ไขล่าสุด 13 ส.ค. 57 22:38 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:39 น.

นาฬิกาชีวิต

ที่มา : http://www.reddit.com/r/shortscarystories/comments/1glv8v/timekeeper/


เขาได้รับนาฬิกาเป็นของขวัญครบรอบสิบขวบ มันเป็นนาฬิกาข้อมือสีเทาธรรมดาๆเหมือนนาฬิกาทั่วไป เว้นแต่ว่ามันเป็นนาฬิกานับถอยหลัง "มันจะบอกเวลาที่เหลืออยู่ที่เธอจะอยู่บนโลกนี้**หนู ใช้มันให้ดี" หลังจากนั้นเป็นต้นมา นาฬิกายังคงเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จากเด็กชายเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า เขาปีนขึ้นภูเขาและว่ายน้ำกลางมหาสมุทร เขาพูดคุย หัวเราะ มีชีวิตอยู่และมีความรัก ชายคนนี้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่าเขาเหลือเวลาอีกเท่าไรบนโลกใบนี้

ในที่สุด นาฬิกาเรือนนี้ก็ได้เริ่มถอยหลังครั้ง 5วินาทีสุดท้าย ชายแก่ผู้นี้ก็ได้มองดูสิ่งที่เขาทำมาเองกับมือตลอดชีวิตที่เขาได้ผ่านมา 5. เขาจับมือกับเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจด้วยกัน เป็นเพื่อนที่เขาสนิทและไว้ใจมากที่่สุด 4. สุนัขของเขาวิ่งมาที่เขาและเลียมือเขา ชายคนนั้นลูบหัวสุนัขตัวนั้นเป็นการบอกลา 3.เขากอดลูกชายของเขา ให้รู้ว่าเขาเป็นพ่อที่ดีของลูก 2.เขาจูบภรรยาของเขากลางหน้าผากเป็นครั้งสุดท้าย 1. ชายแก่ผู้นี้ยิ้มและปิดตาของเขาลง

แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นาฬิกาเพียงแค่ส่งเสียงเตือนก่อนจะปิดลง ชายผู้นั้นยังคงยืนอยู่อย่างนั้น มีชีวิตอยู่เหมือนเดิม คุณอาจจะคิดว่า ณ ช่วงเวลานั้นเขาคงจะมีความสุขที่สุดในชีวิต แต่กลับกัน มันกลับเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่รู้สึกหวาดกลัว

สำหรับคนที่ไม่เข้าใจความหมายนะครับ คือว่าชายคนนี้เค้าใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าเพราะไม่กลัวความตายเพราะมีนาฬิกาบอกว่าเค้าเหลือชีวิตอีกนานเท่าไร แต่หลังจากนาฬิกาปิดลงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าความตายมันจะมาถึงเมื่อไร เขาก็เลยกลัว ประมาณว่าหลังจากที่นาฬิกานี้ปิดลง ความตายอาจจะมาถึงชายแก่ผู้นี้ตอนไหนก็ได้นั่นเอง

แก้ไขล่าสุด 13 ส.ค. 57 22:41 | ไอพี: ไม่แสดง

#3 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:45 น.

คราวนี้มาแนวตำนานเมืองที่ผมเคยแปลมานานแล้วนะครับ
รอยเท้าบนหิมะ

ตำนานเมืองเรื่องนี้เป็นเรื่องของสาววัยรุ่นคนนึงที่อยู่บ้านกับน้องสาวของเธอ ในขณะพ่อแม่ของพวกเธอออกไปข้างนอกเมือง หลังจากที่ทั้งคู่ได้ดูทีวีด้วยกันแล้ว เธอก็พาน้องของเธอไปเข้านอนและลงบันไดกลับไปดูทีวีต่ออีกหน่อย จนเธอเบื่อและปิดทีวีไป และไปนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มบนโซฟา และมองหิมะตกผ่านกระจกเลื่อนบานใหญ่ในห้องนั่งเล่น เธอมองหิมะตกเพียงสองสามนาทีก่อนที่จะเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่ประตูบ้านของเธอเหมือนเจตนาจะเข้ามาฆ่าใครซักคนหนึ่ง ชายคนนั้นได้หยิบอะไรบางอย่างที่สะท้อนแสงออกมาจากเสื้อโค้ดของเขา จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็รีบมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยความหวาดกลัว

เวลาผ่านไป เธอเอาดึงผ้าห่มออกและพบว่าชายคนนั้นไม่อยู่แล้ว เธอรีบแจ้งตำรวจ ตำรวจรีบเดินทางมาที่เกิดเหตุทันทีเพื่อสืบสวนคดีอย่างรวดเร็ว หลังจากการสำรวจสถานที่เกิดเหตุแล้วนั้น สิ่งแรกที่พวกเขาพบคือมันไม่มีรอยเท้าอยู่บนหิมะเลย และด้วยความเร็วของหิมะที่ไม่ได้ตกเร็วเกินไป มันไม่มีทางที่รอยเท้าจะโดนหิมะกลบเร็วขนาดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาสำรวจต่อภายในบ้านเธอและพบรอยเท้าที่เปียกอยู่บนพรมเช็ดเท้า เดินตรงไปยังโซฟาที่หญิงคนนั้นได้นอนอยู่ ความจริงก็คือฆาตกรที่เธอเห็นนั้นอยู่ข้างหลังเธอตลอดเวลาและสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นเพียงภาพสะท้อนของชายคนนั้นในกระจกนั่นเอง

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:46 น.

อุบัติเหตุอันแสนโชคร้าย

ตำนานเมืองเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งในฤดูหนาวมีคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งได้มีปาร์ตี้ที่บ้านสำหรับลูกของพวกเขา เริ่มมีแขกที่ฝ่าอากาศหนาวเข้ามาร่วมงานเรื่อย และได้รับการต้อนรับโดยเจ้าของบ้าน พวกเขาโยนเสื้อโค้ดไปบนเตียงที่อยู่ใกล้กับห้องรับแขก ตอนแรกมันมีเสื้อโค้ดเพียงสองสามตัว แต่เมื่อเริ่มมีแขกเข้ามาเรื่อยๆ ทุกๆคนต่างก็โยนเสื้อโค้ดจนมันสูงเป็นกองพะเนิน

เวลาผ่านไป แขกทุกคนได้เข้ามาในงานครบทุกคนแล้ว หนุ่มสาวคู่นี้จึงตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะนำลูกของพวกเขามาให้แขกทุกคนได้เห็นกัน ดังนั้นแม่ของเด็กจึงเดินไปที่เตียงนอนที่เธอวางลูกของเธอเอาไว้ จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ได้ดังขึ้นเมื่อแม่ของเด็กพบว่าลูกของเธอได้ขาดอากาศหายใจตายภายใต้กองของเสื้อโค้ดของแขกเหล่านั้นเอง

แก้ไขล่าสุด 13 ส.ค. 57 22:50 | ไอพี: ไม่แสดง

#5 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:51 น.

พนักงานปั๊มน้ำมัน

มันดึกมากแล้ว และหญิงสาวคนหนึ่งได้ขับรถผ่านพื้นที่ที่เธอไม่คุ้นเคยในละแวกนั้น รถของเธอนั้นเก่าและจะพังแหล่มิพังแหล่ จนเธอคิดว่าเธอควรจะหยุดรถเธอที่ปั๊มน้ำมันไม่งั้นเธอคงจะต้องเดินกลับไปแทนขับรถแน่ โชคดีที่เธอขับรถผ่านมาเจอปั๊มน้ำมันเก่าๆแห่งนึงอยู่ไม่ไกลจากถนนนั้น มันเป็นเหมือนกับปั๊มน้ำมันที่ดูล้าสมัย และก็มีคนที่น่าจะเป็นพนักงานในปั๊มเดินออกมาจากปั๊มน้ำมันแห่งนั้น เธอรู้สึกถึงอันตรายที่จะเข้ามาใกล้ตัวเธอ แต่เธอก็คิดว่าเธอคงไปไม่ได้ไกลนักโดยไม่ได้เติมน้ำมันรถ เธอจึงนำรถของเธอไปที่ปั๊มนั้นและขอให้เติมน้ำมันให้รถอย่างไม่เต็มใจนัก

พนักงานในปั๊มดูค่อนข้างน่ากลัวตอนที่เขากำลังเติมน้ำมันให้รถ และหลังจากเขาเติมเสร็จแล้วก็เดินมาที่ที่นั่งของคนขับเพื่อมารับเงิน หญิงคนนั้นให้เงินเขาไป 20 ดอลลาร์ ชายคนนั้นตรวจแบงค์อย่างรอบคอบก่อนที่จะบอกเธอไปว่านี่มันเป็นแบงค์ปลอม ตอนนี้เธอไม่รู้สึกถึงอันตรายแล้ว แต่เธอรู้ว่าเธออาจกำลังจะโดนหลอกเอาเงินเพิ่มจากพนักงานคนนี้ เขาอธิบายว่าเขาจะต้องพาเธอไปที่ทำงานของเขาและเรียกให้ผู้จัดการของเขามาเอาเรื่องเธอ เพราะว่าเรื่องแบงค์ปลอมนี้จะต้องไปแจ้งทางธนาคาร หลังจากที่พนักงานพาเธอออกมาจากรถแล้วนั้น เขาได้อธิบายว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้ให้แบงค์ปลอมเค้ามา ที่เค้าพาเธอออกมาจากรถก็เพราะว่าเขาเห็นชายถือขวานคนหนึ่งซ่อนอยู่เบาะหลังของรถเธอ...

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:51 น.

เด็กหลงทาง

หญิงสาวคนหนึ่งเดินไปตามถนนในฤดูใบไม้ผลิวันหนึ่ง จนเธอได้เห็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างถนนแล้วร้องไห้ เธอตัดสินใจหยุดและเข้าไปถามเด็กน้อยคนนั้นว่าเป็นอะไรไป เด็กหญิงของนั้นบอกเธอว่าเธอหลงทาง เด็กคนนั้นสูดน้ำมูกก่อนจะขอร้องให้หญิงสาวคนนั้นช่วยพาเธอกลับบ้านที เธอตอบรับคำขอร้องของเด็กนั้นอย่างเต็มใจ โชคดีที่เด็กหญิงคนนี้รู้ที่อยู่ของเธอและพอจะจำทางไปบ้านของเธอได้นิดหน่อย จนในที่สุดทั้งคู่ก็ไปจนถึงบ้านของเด็กหญิงคนนั้นได้ เธอบอกกับหญิงสาวคนนั้นไปว่าเธอเตี้ยเกินที่จะเอื้อมมือไปกดออดประตูจึงขอให้เธอกดออดแทนเธอให้หน่อย

หญิงสาวคนนั้นกดกริ่งประตูโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทันใดนั้นก็มีกระแสไฟฟ้าช็อตไปที่ตัวของเธอ ทำให้เธอสลบไป เธอตื่นขึ้นมาหลังจากหลายชั่วโมงผ่านไปพบว่าตัวเองอยู่ในร่างเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยถุงยางที่ถูกใช้แล้ว บ้านหลังนี้ว่างเปล่า คนที่ข่มขืนเธอได้หนีหายไปไกลแล้ว พร้อมกับเด็กหญิงที่เธอพามาที่บ้านหลังนี้ด้วย...

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | tr0ujan1 | 13 ส.ค. 57 22:55 น.

เสียงกรีดร้องที่ไม่มีใครได้ยิน

ในมหาลัยบางแห่งนั้น จะมีประเพณีโดยการให้นักศึกษาที่อยู่ในหอพักมหาลัยนั้นปล่อยเสียงกรีดร้องลั่นของพวกเขาออกมาในเวลาที่กำหนด เนื่องจากเพื่อให้นักศึกษาปลดปล่อยความเครียด โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของการสอบ ในสัปดาห์สุดท้ายที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้มีกำหนดการให้ทุกๆคนในหอพักนั้นกรีดร้องตอนเที่ยงคืนเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่กังวลใจออกมา และดังคาดเอาไว้ ทุกๆคนได้ทำพิธีการกรีดร้องกันทุกคน

พิธีกรรมได้เสร็จสิ้นไป เสียงได้เงียบลงและทุกๆคนก็ได้เข้าไปนอน จนเช้าวันต่อมาได้มีการพบว่าหนึ่งในเสียงกรีดร้องของเมื่อวานนั้นเป็นของจริง มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ถูกข่มขืนในคืนก่อนหน้านั้น เวลาที่เธอถูกข่มขืนนั้นดันไปตรงกับพิธีกรรมการกรีดร้องนั้นพอดี ไม่มีใครได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เพราะใครจะแยกเสียงกรีดร้องจริงออกจากเสียงกรีดร้องเป็นร้อยล่ะจริงมั้ย? ต่อจากนั้นเป็นต้นมาประเพณีการกรีดร้องก็ได้ถูกยกเลิกไปจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และใครก็ตามที่แหกกฏนั้นจะต้องถูกไล่ออกโดยไม่มีข้อยกเว้น

ปล. สำหรับใครที่นึกเสียงไม่ออกลองฟังจากที่เค้าเคยบันทึกก่อนหน้านั้นที่เคยมีพีธีดังกล่าวกันนะครับ สมมติว่าเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนั้นอยู่ในคลิปนี้จริงๆคุณจะแยกออกรึเปล่า?

http://www.youtube.com/watch?v=N-pSia3BqYc

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | `เลือดสีโคลน.? | 13 ส.ค. 57 23:45 น.

ขอแปะนะคะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | @9ิ1swaิg์x_ | 14 ส.ค. 57 02:31 น.

แปะครับ

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | -VivaLaVida. | 14 ส.ค. 57 08:01 น.

แปะค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | Anymore. | 14 ส.ค. 57 08:42 น.

หยองทุกเรื่อง แปะมั่ง

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | Mrs.Wang | 14 ส.ค. 57 17:00 น.

อู้ววว หลอนตรงพนักงานปั๊ม 

ไอพี: ไม่แสดง

#13 | tr0ujan1 | 14 ส.ค. 57 22:31 น.

ไปโรงเรียนวันแรก

มันเป็นวันแรกของการไปโรงเรียนสำหรับนางฟ้าตัวน้อยของผม เธอชื่อวิลล่า เธอยืนข้างๆผมตรงที่จอดรถบัสสวมกระเป๋าสะพายหลังลายเต่านินจา และรอขึ้นรถบัส เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มเรียนชั้นอนุบาล 1 ผมยืนอยู่ที่นั้นพร้อมกับพ่อแม่ของเด็กๆอีกหลายคนที่เตรียมตัว
นำลูกของพวกเขาไปโรงเรียนครั้งแรก เมื่อมีรถบัสโรงเรียนคันสั้นหยุดอยู่ตรงหัวมุม ผมไม่
คิดว่ารถบัสโรงเรียนจะเล็กขนาดนี้แต่ชายแก่ผมขาวในรถนั้นก็ได้ดึงคันโยกและเปิดประตูรถบัส ทำให้ผมเห็นเด็กๆอีกหลายคนอยู่ข้างในรถ ผมสวมกอดลูกสาวผมจากนั้นก็ส่งเธอขึ้นรถบัสพร้อมๆกับเด็กคนอื่นๆ ประตูรถบัสปิดลงและรถก็ได้แล่นผ่านหัวมุมตรงตามท้องถนนต่อไป

ผมยืนอยู่ตรงนั้นกับพ่อแม่เด็กคนอื่นๆที่พูดคุยและหัวเราะกันเกี่ยวกับประสบการณ์ในการส่งลูกของพวกเขาไปโรงเรียนครั้งแรก ทันใดนั้นก็มีรถบัสโรงเรียนสีเหลืองคันยาวจอดที่ป้ายนั้น ในตอนนั้นพ่อแม่ของเด็กบางคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านกันแล้ว เมื่อรถจอดลงและประตูเปิดขึ้นพร้อมกับมีหญิงแก่ที่ดูอ่อนโยนนั่งอยู่ตรงเบาะคนขับชะโงกหัวออกมาและถามว่าเด็กๆอยู่ไหนกันล่ะ ผมบอกไปว่าพึ่งมีรถบัสอีกคันนึงมารับไปเอง เธอบอกผมกลับมาว่า "มันไม่มีรถบัสของโรงเรียนคันอื่นในถนนเส้นนี้นอกจากคันนี้หรอกค่ะ" ใจของผมตกลงไปที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด "มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ..." ผมรีบวิ่งไปมองตามถนนที่รถบัสคันก่อนหน้านั้นได้แล่นออกไป

ตอนห้าโมงเย็นก็ได้มีข่าวประกาศออกมาว่า เด็กๆในหลายพื้นที่ได้ถูกลักพาตัวโดยคนแปลกหน้าโดยสวมรอยเป็นคนขับรถโดยขโมยรถบัสของโรงเรียนมาขับ รถคันดังกล่าวถูกพบสองสามไมล์ออกไปนอกตัวเมือง กระเป๋าสะพายหลังและอาหารกลางวันของพวกเด็กๆถูกโยนออกมาข้างนอกรถบัสนั้น ผมยืนอยู่ตรงนั้นกับพ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆจนผมพบกับกระเป๋าสะพายหลังลายนินจาเต่าของวิลล่าลูกสาวของผม ตรงสายสะพายนั้นฉีกขาดและมีคราบเลือดติดอยู่ผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วยอาการตกตะลึงและน้ำตาไหลออกมา ลูกสาวของผมอยู่ที่ไหนกัน?

ไอพี: ไม่แสดง

#14 | daisyinlove | 14 ส.ค. 57 22:40 น.

ต่อเลยค่าา

ไอพี: ไม่แสดง

#15 | `Pim_doiii.- | 15 ส.ค. 57 19:32 น.

ขอบคุณค้าาา
ต่อค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#16 | `;$-แม่สิบเอ็ดโมง.* | 15 ส.ค. 57 22:52 น.

แปะค่า >_<

ไอพี: ไม่แสดง

#17 | tr0ujan1 | 15 ส.ค. 57 23:23 น.

Pinky Pinky

เรื่องราวของ Pinky Pinky นั้นเป็นตำนานเมืองและความเชื่อโบราณที่เล่ากันมาตั้งแต่แอฟริกาใต้ปี 1994 จากตำนานกล่าวไว้ว่ามีสัตว์ประหลาดรอคอยเด็กผู้หญิงอยู่ในห้องน้ำในโรงเรียนประถม ซึ่งเด็กผู้หญิงก็จะถูกเพื่อนๆเตือนว่าอย่าใส่ชุดสีชมพูไปที่โรงเรียน เพราะว่ามันจะทำให้สัตว์ประหลาดตนนั้นโกรธ แล้วมันจะเข้ามาโจมตีหรือแม้กระทั่งข่มขืนเธอ
      ความหวาดกลัวและรายงานการพบเห็นสัตว์ประหลาดนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆโรงเรียนทั่วประเทศ กล่าวกันว่ามันมีลักษณะคล้ายกับ bogeyman หรือ tokoloshe (เป็นสัตว์ตำนานของแอฟริกา) และมีหนึ่งอุ้งมือและกรงเล็บ เด็กผู้ชายจะมองไม่เห็นมัน แต่ก็มีบางการรายงานบอกเหมือนกันที่โดนมันทำร้ายโดยฝากรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำไว้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่หนาแน่นพอที่จะเชื่อว่าสัตว์ประหลาดชนิดนี้มีอยู่จริง
      ไม่มีใครรู้ว่า Pinky Pinky เกิดจากอะไร เคยมีคนบอกว่ามันเกิดจากการรวมตัวกันของเด็กผู้หญิงที่จะไปห้องน้ำโรงเรียนด้วยตัวพวกเธอเอง ในสังคมที่เต็มไปด้วยข่าวที่มีการข่มขืนและทารุณกรรมทางเพศในแต่ก่อน (แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่) ที่แพร่หลาย
        Pinky Pinky โดยส่วนใหญ่มักจะมีการพบเห็นในตึกอาคาร และมีการพบเห็นมันหนึ่งหรือสองครั้งจนเวลาผ่านไป หนังสือและงานศิลปะบางอันก็ได้ใช้เรื่องราวนี้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทุกวันนี้ Pinky Pinky เป็นเพียงแค่เรื่องสยองที่เด็กประถมในแอฟริกาใต้ในยุค 90s จะได้ยินกันทุกคน

ไอพี: ไม่แสดง

#18 | 347656 | 15 ส.ค. 57 23:27 น.

แปะค้าบผม ~  มาต่อด้วยน้า 

ไอพี: ไม่แสดง

#19 | tr0ujan1 | 16 ส.ค. 57 00:15 น.

มาแนว creepypasta กันมั่ง
Bart ตาย

มันมีตอนตอนนึงที่หายไปจากโชว์ The Simpsons ซีซั่นที่ 1

การจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตอนที่หายไปตอนนี้ยากพอสมควร ไม่มีใครที่ทำงานเกี่ยวข้องกับโชว์เรื่องนี้ในตอนนั้นมากพอที่จะพามาคุยได้ จากที่ได้ปะติดปะต่อเรื่องราวกัน ตอนที่หายไปตอนนี้ถูกเขียนขึ้นโดย Matt Groeing ระหว่างการผลิตซีซั่นที่ 1 ของ Simpsons Matt เริ่มทำตัวแปลกประหลาดไป เขากลายเป็นคนเงียบขรึม ดูไม่ปกติแถมยังหงุดหงิดง่าย ถ้าคุณไปหาใครก็ตามในตอนนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Matt แล้วถามเกี่ยวกับตัวเขาเขาจะโกรธมาก แล้วห้ามไม่ให้คุณไปยุ่งกับ Matt ครั้งแรกที่ผมได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเป็นตอนที่ David Silverman กำลังพูดแนะนำโชว์ The Simpsons อยู่ จู่ๆมีคนยกมือถามเขาเกี่ยวกับตอนของโชว์ดังกล่าว Silverman กลับเดินลงจากเวลาทันทีทันใด จบการแนะนำโชว์เร็วกว่ากำหนดหนึ่งชั่วโมง รหัสของตอนที่หายไปคือรหัส 7G06 ชื่อตอนว่า Dead Bart (บาร์ตตายแล้ว) มีป้ายเขียนกำกับว่า 7G06 Moaning Lisaได้แปะป้ายดังกล่าวในภายหลังพร้อมเขียนรหัสของตอนเอาไว้เพื่อซ่อนไม่ให้คนรุ่นหลังรู้

แล้วถ้าคุณไปถามใครก็ตามที่เกี่ยวกับโชว์ตอนนี้ จะทำให้เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะหยุดคุณไม่ให้ไปยุ่งกับ Matt Groening ให้ได้ ในงานสำหรับแฟนๆของ The Simpsons ผมได้เดินตามเขาไปหลังจากที่เขาพูดต่อสาธารณชนเสร็จ จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสคุยกับเขาสองต่อสองในขณะที่เขากำลังจะออกจากตัวตึก เขาไม่ได้โกรธที่ผมแอบตามเขามา เขาอาจจะคิดล่วงหน้าว่าจะต้องเจอแฟนๆที่เป็นพวกสตอล์กเกอร์อยู่แล้ว จนผมเริ่มเข้าเรื่องถามเขาเกี่ยวกับตอนที่หายไปของ The Simpsons จู่ๆหน้าของเขาก็ซีดแล้วตัวเขาก็สั่น แล้วผมก็ถามเขาว่าพอจะมีข้อมูลอะไรที่จะบอกผมได้ไหม เสียงของเขาก็ดูตะกุกตะกักเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง เขาหยิบเศษกระดาษมาหนึ่งชิ้น เขียนบางอย่างลงไปในนั้น แล้วส่งมาที่ผม ก่อนจะจากกันเขาขอร้องไม่ได้ผมสนใจกับเรื่องนี้มากนัก

กระดาษที่ Matt ยื่นมาให้ผมมันเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์หนึ่ง ผมขอไม่บอกชื่อเว็บละกัน เพราะคุณจะได้เห็นต่อจากนี้เอง ผมก็พิมพ์ชื่อเว็บตามกระดาษลงไปในเว็บเบราเซอร์ของผม เว็บดังกล่าวดำเกือบทั้งหมด ยกเว้นมันมีตัวอักษรเหลืองอยู่บรรทัดหนึ่ง มันเป็นลิงค์ดาวน์โหลด ผมคลิกไปที่มัน แล้วไฟล์ก็เริ่มดาวน์โหลด ในขณะที่มันดาวน์โหลดอยู่นั่นเอง คอมของผมก็เหมือนจะโดนไวรัส มันเป็นไวรัสที่เลวร้ายที่สุดที่ผมเคยพบมา System restore ทำงานไม่ได้ คอมถูกรีสตาร์ดใหม่ แต่ก่อนที่มันจะเป็นแบบนี้ ผมได้ copy ไฟล์ลงในซีดีแล้ว ผมพยายามที่จะเปิดมันลงบนคอมอีกเครื่องหนึ่งของผม แล้วก็เป็นดังคาด มันเป็นตอนๆหนึ่งของโชว์ The Simpsons นั่นเอง

ตอนดังกล่าวเริ่มเรื่องขึ้นปกติเหมือนกับตอนอื่นๆ แต่ดูเหมือนภาพการ์ตูนดูแตกๆ มีคลื่นสั่นไปมา ตอนแรกทุกอย่างดูปกติ แต่สิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวกระทำดูแตกต่างออกไปทีละนิด ตัวละครทุกตัวมีอารมณ์ที่ดูหม่นหมองและมืดมนแปลกๆ

ตอนดังกล่าวเกี่ยวกับครอบครัว Simpsons กำลังจะไปเที่ยวโดยสารเครื่องบิน ก่อนที่จะจบฉากแรกของตอน เครื่องบินได้บินขึ้น Bart ดูปกติเหมือนๆกับทุกตอน จนกระทั่งเครื่องบินห่างจากพื้นดินประมาณ 50 ฟุต Bartก็ทุบหน้าต่างเครื่องบินแล้วกระโดดลงมาตาย

ในตอนแรกเริ่มของ The Simpsons นั่น Matt มีความคิดว่าจะให้การ์ตูน Simpsons เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับโลกหลังความตาย แล้วความตายทำให้ทุกอย่างดูสมจริงขึ้น ความคิดของ Matt นั้นถูกมาใช้ในตอนดังกล่าว ภาพศพของ Bart มองไม่ชัดเจนเท่าไร ภาพต่อมาที่เห็นคือเป็นภาพวาด Drawingเกือบสมจริงเป็นภาพศพของ Bart

ฉากแรกจบไปด้วยภาพศพของ Bart ฉากที่สองเริ่มต้นขึ้น Homer Marge และ Lisa นั่งอยู่บนโต๊ะ ร้องไห้ ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก เสียงเริ่มรุนแรงและสมจริงขึ้น เหมือนกับเสียงร้องไห้ที่โศกเศร้าจริงๆ ยิ่งร้องไห้เท่าไร ภาพการ์ตูนก็ยิ่งดูเรือนรางไป และถ้าฟังดีๆจะได้ยินเสียงพึมพัมอยู่ด้วย ภาพต่อมาคือทุกคนจะกอดกัน แต่จู่ภาพก็ขยายยืดขึ้นและดูมืดมัว พวกเขาดูเหมือนกับร่างเงาที่มีสีสะเปะสะปะละเลงอยู่ที่ตัวของพวกเขา

ภาพฉายมาที่หน้าของพวกเขาทุกคนมองไปที่หน้าต่าง ซูมเข้าไปมาจนดูไม่ออกว่าตอนนี้พวกเขาดูเหมือนกับอะไรไปแล้ว

เสียงร้องไห้ยังคงดังอยู่ตลอดในฉากที่สอง

ฉากที่สามเริ่มต้นขึ้นโดยมีข้อความเขียนไว้ว่า หนึ่งปีผ่านไป Homer Marge และ Lisa ดูผอมเหลือแต่กระดูก ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มี Maggie หรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในตอนดังกล่าว

พวกเขาตัดสินใจไปเยี่ยมหลุมศพ Bart เมืองSpringfield เป็นทะเลทรายทั้งเมือง เมื่อพวกเขาเดินไปที่สุสาน บ้านของพวกเขาก็พังทลายลงแล้วหายไป ตอนนี้พวกเขาไม่มีบ้านแล้ว เมื่อไปถึงหลุมศพ ร่างของ Bartนอนแผ่อยู่หน้าหลุดศพ ดูเหมือนกับฉากแรกทุกประการ

ทุกคนเริ่มร้องไห้อีกครั้ง จนพวกเขาหยุดร้องไห้แล้วมองไปที่ร่าง Bart กล้องซูมไปที่หน้า Homer เท่าที่ผมเห็น Homer ได้พูดอะไรซักอย่าง แต่ตอนที่ผมดูมันไม่มีเสียง ผมเลยบอกไม่ได้ว่า Homer พูดอะไรออกมา

กล้องซูมออกมาเหมือนกับว่าตอนจะจบแล้ว หลุมศพที่เป็นพื้นหลังของฉากสลักชื่อของแขกรับเชิญที่เคยมารายการ The Simpsons บางคนผมก็ไม่เคยได้ยินชือมาก่อน บางคนก็ยังไม่เคยจะมาทีรายการนี้ด้วยซ้ำ ที่ป้ายของสุสานระบุวันตายของทุกคนเอาไว้สำหรับแขกรับเชิญที่ได้ตายไปแล้วอย่างMichael Jackson และ George Harrison วันเวลาตายตรงกับที่ทั้งสองคนตายจริงๆ ตัดมาที่ฉาก Credit ซึ่งไม่มีเสียงอะไรเลย ตัวอักษรเหมือนเป็นลายมือเขียน ภาพสุดท้ายก่อนจะจบตอนคือภาพครอบครัว Simpsons นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยกัน เหมือนกับที่คุณเคยเห็นส่วนใหญ่ แต่ภาพนี้ดูสมจริงขึ้นกว่ามาก และยังมีศพของ Bart มานั่งที่เก้าอี้ดังกล่าวอีกด้วย

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมหลังจากดูตอนนี้จบเป็นรั้งแรกนั้น ผมน่าจะลองดูที่หลุมศพให้ดีแล้วดูวันตายของแขกรับเชิญแต่ละคนที่เคยมาที่รายการ The Simpsons แต่มีบางสิ่งที่แปลกออกไปคือรายชื่อของหลุมศพของดาราที่ยังไม่ได้เสียชีวิตนั้น

วันเวลาตายของพวกเขาเป็นวันเวลาเดียวกัน...

แก้ไขล่าสุด 16 ส.ค. 57 00:16 | ไอพี: ไม่แสดง

#20 | Splendid.Q | 16 ส.ค. 57 16:28 น.

ขอบคุณมากนะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#21 | Allyzํ | 19 ส.ค. 57 12:53 น.

ขอบคุณค่าา 

ไอพี: ไม่แสดง

#23 | SCorPion_F**k | 21 ส.ค. 57 22:55 น.

กระทู้แบบนี้ต้องแปะๆๆๆๆๆๆ

ไอพี: ไม่แสดง

#24 | `เกี๊ยวซ่า.|>3< | 28 ส.ค. 57 12:05 น.

แปะๆ อ่านเพลินมากอะ เอามาลงอีกนะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#25 | `cbyunqอิ้อิ้ | 28 ส.ค. 57 14:21 น.

แปะแปะ

ไอพี: ไม่แสดง

#26 | ออมม่าน้องยูค | 31 ส.ค. 57 21:06 น.

แปะทันที

ไอพี: ไม่แสดง

#27 | `คิมคิบอมคิมทงเฮ | 12 ก.ย. 57 20:25 น.

แปะะะะะะะะะ

ไอพี: ไม่แสดง

#28 | aki | 13 ก.ย. 57 12:03 น.

ขอบคุณมากค่ะ น่าสนใจหลายเรื่องเลยย

ไอพี: ไม่แสดง

#29 | MARKMTX | 14 ก.ย. 57 14:10 น.

แปะะะะะะะะะ

ไอพี: ไม่แสดง

#30 | `คิมคิบอมคิมทงเฮ | 22 ก.ย. 57 21:55 น.

รอนะคะะะะะ

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google