Lucy ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
ลุค เบซองเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่คอหนังหลายคนน่าจะรู้จักกันดี จากผลงานการกำกับชื่อดังอย่าง Leon The Professional หรือเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ให้กับ Taken ทั้งสองภาค รวมถึงภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย แต่ผลงานการกำกับของเขาในช่วงหลังๆ ค่อนข้างจะเอาแน่เอานอนไม่ได้และบางครั้งผลที่ออกมาก็น่าผิดหวัง ตัวอย่างเช่น The Family ซึ่งนำแสดงโดยป๋าโรเบิรต์ เดอนีโร เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจ แต่ล้มเหลวในการถ่ายทอดมันออกมาอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่น่าจะเป็นจุดดึงดูดมากๆอีกจุดหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือนักแสดงนำหญิงที่กำลังฮ็อตฮิตกันมากในขณะนี้อย่าง สการ์เล็ต โจแฮนสัน จากผลงานดังๆในช่วงปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น The Avengers , Captain America 2 , Under The Skin และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งใน Lucy เธอก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอคนเดียวสามารถแบกภาพยนตร์ทั้งเรืองไว้ได้ แม้ว่าอาจจะยังอยู่ในระดับที่สามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้ก็ตาม
ถึงแม้ว่าภายนอกของภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูเหมือนภาพยนตร์แอ๊คชั่นระห่ำทั่วๆไป ด้วยบทหนีและไล่ล่ากันไปมาทั่วๆไป แต่เมื่อเข้าไปชมจริงๆแล้ว กลับพบว่ามันแตกต่างไปจากที่คิดหลายขุมเลยทีเดียวเชียว โดยเฉพาะความ "เหนือจริง" ของมันที่ลุค เบซองแอบซ่อนเอาไว้ในบทภาพยนตร์อีกชั้นได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เรียกได้ว่าไปไม่กลับแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะเอาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาอ้างมากมายก็ตาม แต่มันก็อธิบายได้ไม่ดีพอที่จะเราจะเชื่อมัน ยิ่งผนวกกับความบ้าที่มันแสดงออกมาให้เห็น จึงทำให้ผู้เขียนไม่สามารถที่จะจริงจังกับมันได้เลย ผลของการผสมรวมครั้งนี้จึงทำให้ Lucy กลายเป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่น ไซไฟ ที่ขาข้ามเส้นมาเป็นแฟนตาซีไปครึ่งตัวแล้วนั้นเอง
ซึ่งจริงๆแล้วประเด็นทฤษฎีเรื่องการใช้สมองเป็น % ของมนุษย์นี้ก็เคยถูกพูดถึงมาก่อนแล้วไม่นานนี้เองในภาพยนตร์เรื่อง Limitless ของหนุ่มแบรดลีย์ คูเปอร์ กับ โรเบิรต์ เดอนีโรซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าลุค เบซองได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่
แต่สิ่งที่แยก Limitless กับ Lucy ออกจากกันก็คือสไตล์การเล่าเรื่องของมัน ในขณะที่ Limitless เป็นการเล่าเรื่องแบบจริงจัง ช้า และพยายามสร้างความสมจริง(ส่วนหนึ่ง) Lucy กลับเป็นอีกด้านหนึ่งของ Limitless มันบ้าคลั่ง รวดเร็วและหลายสิ่งอย่างก็เหนือจริงเกินที่จะหาคำมาอธิบายใดๆได้
ซึ่งการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเหนือจริงนั้น ก็ใช่ว่ามันจะนำมาซึ่งเพียงแต่หายนะซะทีเดียว ในอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นอะไรที่บันเทิงไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อยถ้าหากคุณจะบ้า ก็ใส่มันมาให้เต็มที่ ไม่ใช่จะบ้าและมานั่งกั๊กอาวุธเอาไว้ และนั้นมันก็ยังทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดเด่นและน่าจดจำขึ้นมาอย่างทันตาเห็น ด้วยบทแก้แค้น หนีและไล่ล่าสุดแสนจะธรรมดา แต่ซ้อนความบ้าบอคอแตกเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
ในท้ายที่สุดแล้ว Lucy ก็กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าชื่นชมไม่น้อยของลุค เบซอง ด้วยความบ้าบิ่นและไร้ตรรกะของมันทำให้มันกลายเป็นภาพยนตร์ที่บันเทิงไม่ใช่น้อย ในอีกด้านหนึ่งการซ่อนความบ้าเอาไว้ในบทสุดแสนจะธรรมดาอีกชั้นหนึ่งก็ถือเป็นความฉลาดในการเล่าเรื่องของเขาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าความบ้าของตัวมันเองก็เป็นเสมือนดาบสองคม ที่ทำให้ผู้ชมไม่อาจจะหยิบจับอะไรจากมันมาเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยเช่นเดียวกัน
Final Score : [ B + ]
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆและติดตามแฟนเพจได้ที่นี้ครับ
http://fallsdownz.blogspot.com/
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ผมเปรียบกับ TRANSCENDENCE เหมือนกันอะ
ผมว่าหนังมาในแนวเดียวกันนะ วิทยาศาสตร์ วิวัฒนาการ การคิดที่เหนือขีดจำกัดจากข้อจำกัดที่มีในปัจจุบัน การคิดต่อยอดถึงศักยภาพ และมโนเอาเองถึงเอกภพ สิ่งต่างๆที่อยู๋อยู่ตัวเรา ความสัมพันธุ์ ความเชื่อมโยง.. บลา บลา
แต่ก็งงนิดหน่อยอตนที่นางเอกย้อนเวลากลับไป หาลงิเพศเมียตัวแรกของโลกอ่ะ กลับไปเผื่อ 555555 อธิบายให้ฟังหน่อยครับ พอครบ100ก็หายไปเลย แบบนี้ถ้าคนเราสามารถใช่สมองได้ครบ100ก็จะหายไปเหลือแค่จิตที่สื่อได้ไม่มีสสารหรอครับ อธิบายที
#5 นั่นคือป้าลูซี่ที่เชื่อกันว่าเป็นมนุษย์คนแรกของโลกเพราะฟอสซิลของป้าที่เจอเก่ามากๆ ซึ่งชื่อลูซี่(สการ์เล็ต)ก็น่าจะมาจากป้าเนี่ยแหล่ะ แล้วตอนนางเอานิ้วยื่นมาหากัน มันจะไปเหมือนรูป The Creation of Adam ที่พระเจ้าสร้างอดัม ประหนึ่งลูซี่นางใกล้ความเป็นพระเจ้ามากขึ้นเมื่อนางเข้าถึงสมองเกือบสุด
ส่วนตอนสุดท้ายอ่านมาว่าที่ลูซี่นางหายไปเมื่อ 100% คือนางกลับสู่ความว่างเปล่า หรือตามพุทธศาสนาคือนิพพาน คือนางจะคล้ายพระพุทธเจ้ามากๆ ตรัสรู้เองได้ แสดงอิทธฤทธิ์ต่างๆ เพียงแต่อธิบายในรูปแบบวิทยาศาสตร์ หรือที่เราคิดก็คือนางกลายเป็นพระเจ้าไปละ เพราะถึงแม้ว่านางไม่มีตัวตนแล้วแต่นางยังอยู่ แค่นางอยู่เหนือกาลเวลา ซึ่งในเรื่องบอกว่าจักวาลอยู่ใต้กฏของเวลาไม่ใช่คณิตศาสตร์ นางยังทำอะไรๆที่มีผลต่อโลกได้เหมือนตอนนางเมสเสดเข้าโทรศัพท์ตอนจบไง
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google