Fury ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
25 ต.ค. 57 19:42 น. /
ดู 595 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Fury ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
"นี้คืออีกหนึ่งภาพยนตร์ที่พูดถึงความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองได้ดี แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่อาจที่จะนำเสนออะไรใหม่ได้เลย"
ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นการมารวมตัวของดารานักแสดงดังมากมายอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไชอา เลอบัฟ (Transformers) , โจนาธาน เบิร์นธัล ( TV-Series The Walking Dead ) หรือ โลแกน เลอร์แมน ( Percy Jackson ) แต่แน่นอนว่านักแสดงท่านที่โดดเด่นมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น แบรด พิตต์ ซึ่งทำให้หลายๆคนถึงกับสับสนภาพยนตร์เรื่องนี้กับ Inglourious Basterds ของผู้กำกับเควนติน แทแรนติโนอยู่เหมือนกัน แต่ผู้เขียนรับรองเลยว่าทั้งสองเรื่องค่อนข้างจะแตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
Fury เล่าเรื่องในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของดอนกับลูกทีมของเขาที่จะต้องไปเผชิญกับภารกิจอันแสนลำบาก นอกจากจำนวนคนจะน้อยกว่าแล้ว กระสุนก็ยังมีจำกัดอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตามดอนและลูกทีมก็ไมยอมแพ้
ก่อนอื่นต้องขอชมผู้กำกับเดวิด เอเยอร์ก่อนเลย ที่สามารถกำกับและถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ Fury กลายเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะจริงจังพอสมควร
นอกจากนั้นแล้วการกำกับฉากแอ็คชั่นต่างๆของเขาก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว มันทั้งตื่นเต้นและสนุกอยู่ตลอด แถมยังเป็นฉากแอ็คชั่นที่ดูรู้เรื่องแทบจะตลอดเวลา จากการใช้จังหวะฉาบฉวยและการตัดอันรวดเร็วที่น้อยของภาพยนตร์
ถึงแม้ว่านักแสดงอย่าง แบรด พิตต์ จะยังคงรับบทนำแสดงได้ยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยน แต่นักแสดงคนที่ผู้เขียนต้องให้เครดิตจริงๆเลยก็คือ ไชอา เลอบัฟ ซึ่งแสดงดีผิดคาดพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นหรือฉากดราม่าเขาก็แสดงได้น่าประทับใจ
แต่ถึงแม้ว่า Fury จะเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองได้ดีหรือมีฉากแอ็คชั่นที่สนุก ตื่นเต้นก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดนั้นก็เป็นเพียงสองสิ่งที่มันทำได้โดดเด่นจริงๆเท่านั้น
ส่วนอื่นๆของมันหลายส่วนก็ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยน่าประทับใจซักเท่าไรนัก อย่างเช่นบทภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยจะแปลกใหม่ซ้ำยังเดาทิศทางได้ง่ายพอสมควรของมัน
หรือจะเป็นตัวละครต่างๆในภาพยนตร์ที่ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์ต้องการจะให้เราเห็นใจและเอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้ก็ตาม แต่นอกจากพวกเขาจะไม่น่าสนใจซักเท่าไรแล้ว ตัวละครหลายๆตัวก็แสดงนิสัยและสันดานได้ไม่ค่อยน่าที่จะเอาใจช่วยซักเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะโทษจุดนี้ไปที่ความโหดร้ายของสงคราม แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวละครเหล่านี้น่าสนใจมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็มาจากการเล่าเรื่องและปูตัวละครที่ค่อนข้างแย่ซ้ำยังให้เวลาในส่วนนี้ที่ค่อนข้างน้อยของ เดวิด เอเยอร์
และด้วยความที่ Fury เป็นภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด จึงทำให้มันยังคงพูดถึงความกล้าหาญและความยิ่งใหญ่ของประเทศสหรัญอเมริกาหรือคนอเมริกันอยู่เช่นเคย โดยปราศจากการพูดถึงเรื่องราวของสงครามในด้านอื่นๆ จนทำให้ผู้เขียนเกือบจะนึกว่าสงครามโลกครั้งที่สองคือการปะทะกันของ สหรัฐอเมริกากับเยอรมันเพียงสองชาติเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงมุมมองอันคับแคบของตัวภาพยนตร์อยู่ไม่ใช่น้อย
ทำให้ในท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่อง Fury ก็กลายเป็นแค่อีกหนึ่งภาพยนตร์สงครามที่ไม่สามารถนำเสนออะไรใหม่ๆได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะนำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามได้ดี มีฉากแอ็คชั่นที่สนุกตื่นเต้น หรือการแสดงที่ดีของไชอา เลอบัฟ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นได้เพียงแค่นั้น ด้วยบทที่เดาง่าย ตัวละครที่ไม่ค่อยน่าเอาใจช่วย และการถือหางประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ จึงทำให้มันไม่อาจที่จะสร้างความน่าจดจำได้แต่อย่างใดเลย
Final Score : [ B ]
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆและติดตามแฟนเพจได้ที่นี้ครับ
http://fallsdownz.blogspot.com/
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นการมารวมตัวของดารานักแสดงดังมากมายอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไชอา เลอบัฟ (Transformers) , โจนาธาน เบิร์นธัล ( TV-Series The Walking Dead ) หรือ โลแกน เลอร์แมน ( Percy Jackson ) แต่แน่นอนว่านักแสดงท่านที่โดดเด่นมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น แบรด พิตต์ ซึ่งทำให้หลายๆคนถึงกับสับสนภาพยนตร์เรื่องนี้กับ Inglourious Basterds ของผู้กำกับเควนติน แทแรนติโนอยู่เหมือนกัน แต่ผู้เขียนรับรองเลยว่าทั้งสองเรื่องค่อนข้างจะแตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
Fury เล่าเรื่องในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของดอนกับลูกทีมของเขาที่จะต้องไปเผชิญกับภารกิจอันแสนลำบาก นอกจากจำนวนคนจะน้อยกว่าแล้ว กระสุนก็ยังมีจำกัดอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตามดอนและลูกทีมก็ไมยอมแพ้
ก่อนอื่นต้องขอชมผู้กำกับเดวิด เอเยอร์ก่อนเลย ที่สามารถกำกับและถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ Fury กลายเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะจริงจังพอสมควร
นอกจากนั้นแล้วการกำกับฉากแอ็คชั่นต่างๆของเขาก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว มันทั้งตื่นเต้นและสนุกอยู่ตลอด แถมยังเป็นฉากแอ็คชั่นที่ดูรู้เรื่องแทบจะตลอดเวลา จากการใช้จังหวะฉาบฉวยและการตัดอันรวดเร็วที่น้อยของภาพยนตร์
ถึงแม้ว่านักแสดงอย่าง แบรด พิตต์ จะยังคงรับบทนำแสดงได้ยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยน แต่นักแสดงคนที่ผู้เขียนต้องให้เครดิตจริงๆเลยก็คือ ไชอา เลอบัฟ ซึ่งแสดงดีผิดคาดพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นหรือฉากดราม่าเขาก็แสดงได้น่าประทับใจ
แต่ถึงแม้ว่า Fury จะเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองได้ดีหรือมีฉากแอ็คชั่นที่สนุก ตื่นเต้นก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดนั้นก็เป็นเพียงสองสิ่งที่มันทำได้โดดเด่นจริงๆเท่านั้น
ส่วนอื่นๆของมันหลายส่วนก็ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยน่าประทับใจซักเท่าไรนัก อย่างเช่นบทภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยจะแปลกใหม่ซ้ำยังเดาทิศทางได้ง่ายพอสมควรของมัน
หรือจะเป็นตัวละครต่างๆในภาพยนตร์ที่ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์ต้องการจะให้เราเห็นใจและเอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้ก็ตาม แต่นอกจากพวกเขาจะไม่น่าสนใจซักเท่าไรแล้ว ตัวละครหลายๆตัวก็แสดงนิสัยและสันดานได้ไม่ค่อยน่าที่จะเอาใจช่วยซักเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะโทษจุดนี้ไปที่ความโหดร้ายของสงคราม แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวละครเหล่านี้น่าสนใจมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็มาจากการเล่าเรื่องและปูตัวละครที่ค่อนข้างแย่ซ้ำยังให้เวลาในส่วนนี้ที่ค่อนข้างน้อยของ เดวิด เอเยอร์
และด้วยความที่ Fury เป็นภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด จึงทำให้มันยังคงพูดถึงความกล้าหาญและความยิ่งใหญ่ของประเทศสหรัญอเมริกาหรือคนอเมริกันอยู่เช่นเคย โดยปราศจากการพูดถึงเรื่องราวของสงครามในด้านอื่นๆ จนทำให้ผู้เขียนเกือบจะนึกว่าสงครามโลกครั้งที่สองคือการปะทะกันของ สหรัฐอเมริกากับเยอรมันเพียงสองชาติเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงมุมมองอันคับแคบของตัวภาพยนตร์อยู่ไม่ใช่น้อย
ทำให้ในท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่อง Fury ก็กลายเป็นแค่อีกหนึ่งภาพยนตร์สงครามที่ไม่สามารถนำเสนออะไรใหม่ๆได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะนำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามได้ดี มีฉากแอ็คชั่นที่สนุกตื่นเต้น หรือการแสดงที่ดีของไชอา เลอบัฟ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นได้เพียงแค่นั้น ด้วยบทที่เดาง่าย ตัวละครที่ไม่ค่อยน่าเอาใจช่วย และการถือหางประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ จึงทำให้มันไม่อาจที่จะสร้างความน่าจดจำได้แต่อย่างใดเลย
Final Score : [ B ]
อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆและติดตามแฟนเพจได้ที่นี้ครับ
http://fallsdownz.blogspot.com/
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google