Before I Go to Sleep (2014) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
26 พ.ย. 57 19:08 น. /
ดู 799 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Before I Go to Sleep ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการร่วมงานกันของสองดาราออสการ์ชื่อดัง แต่นั้นก็ไม่ได้ฉุดตัวภาพยนตร์ขึ้นมาจากกับดักที่มีชื่อว่า "ความซ้ำซาก" ได้เลยแม้แต่น้อย"
ในปีนี้หรือในหลายๆปีที่ผ่านมา สำหรับตัวผู้เขียนเอง ต้องพูดเลยว่ารู้สึกเสียดายกับภาพยนตร์หลายๆเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อมองจากเนื้อผ้าหรือแนวทางที่มันกำลังจะไป มันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจเอามากๆ แต่ในท้ายที่สุดภาพยนตร์เหล่านี้หลายๆเรื่องก็ล้มเหลวในการถ่ายทอดมันออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยโอกาศหรือความเป็นไปได้ซักเท่าไรก็ตาม
อย่างเช่น Dracula Untold ที่นำเสนอเรื่องราวของแดร็กคูล่าในฉบับจริงจังและบิดเรื่องเล่าหรือตำนานได้อย่างน่าสนใจ แต่พอเอาเข้าจริงตัวภาพยนตร์กลับเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นเหนือจริงแทบจะทั้งเรื่อง โดยไม่มีเวลาให้ตัวมันเองได้นั่งลงแล้วเล่าเรื่องจริงๆจังๆเสียที ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายเสียทีเดียว
Before I Go to Sleep เป็นภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากหนังสือนวนิยายในชื่อเดียวกันของ เอส.เจ วัตสัน (ซึ่งผู้เขียนไม่เคยอ่าน) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสามารถจะเก็บความทรงจำได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอจะจำอะไรไม่ได้ในวันก่อนหน้าอีก วันหนึ่งเธอได้พบว่าเหตุการณ์ในอดีตของเธออาจจะเต็มไปด้วยความลับอันน่าสะพรึ่งกลัวกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้
ต้องสารภาพก่อนเลยว่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของตัวภาพยนตร์ เอาเข้าจริงมันก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว ด้วยการเล่าเรื่องที่พอไปวัดไปวาได้ของผู้กำกับโรแวน จ็อฟฟ์ รวมถึงตัวบทที่น่าสนใจในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าดึงดูดความสนใจของตัวผู้เขียนได้มากที่สุด ก็คือสองนักแสดง นิโคล คิดแมน กับ โคลิน เฟิร์ธ ซึ่งทั้งคู่ก็นำแสดงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโคลิน เฟิร์ธที่จัดได้ว่าแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ผู้เขียนอยากให้ตัวละครของโคลิน เฟิร์ธมาเป็นตัวเอกแทนเสียด้วยซ้ำไป
ในช่วงแรกของตัวภาพยนตร์จริงๆแล้ว ในด้านดราม่าชีวิตมันก็ถือได้ว่าถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าสนใจทีเดียว ด้วยเรื่องราวที่ว่าถึงความเจ็บปวดของสามีที่ทุกๆวันจะต้องตื่นมาพบว่าภรรยาของตัวเองลืมตัวเขารวมถึงอดีตต่างๆไปทั้งหมด โดยเฉพาะเวลาเมื่อภรรยาของเขาถามถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดมันเป็นอะไรที่คอยกัดกินและทำร้ายจิตใจของเขาทุกวัน ลองนึกดูสภาพถ้าหากคุณจะต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับตัวเอกในเรื่องนี้มันคงจะเป็นความเจ็บปวดที่เกินคำบรรยายน่าดู รวมถึงการแอบแฝงผสมผสานความเป็นปริศนาเข้าไปสนับสนุนบทที่เป็นดราม่าก็เป็นอะไรที่ฉลาดและสร้างความน่าสนใจให้กับตัวภาพยนตร์ขึ้นได้เยอะ
แต่พอตัวภาพยนตร์เข้าช่วง 30 นาทีสุดท้าย เมื่อตัวมันเปลี่ยนเกียร์จากภาพยนตร์ดราม่าชีวิตมากลายเป็นภาพยนตร์ปริศนาและระทึกขวัญเต็มตัวเท่านั้นละ ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างก็เริ่มที่จะพังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว เพราะบทในส่วนนี้เรียกได้ว่า น่าเบื่อ และซ้ำซากสุดๆ ซ้ำในช่วงนี้ก็เป็นจุดที่แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสบการณ์ในการกำกับของโรแวน จ็อฟฟ์ในทันทีด้วยการเล่าเรื่องที่ตกลง น่าเบื่อและมุขต่างๆที้เดาทางง่าย
ที่น่าเสียดายก็คือพอตัวภาพยนตร์เปลี่ยนมาเป็นปริศนาและระทึกขวัญเต็มตัว ตัวมันเองก็เหมือนได้มัดมือปิดตาตัวเอง เพราะเมื่อย้ายมาเป็นภาพยนตร์แนวนี้แล้ว ตัวมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะต้องยัดเยียดจุดหักมุมและการพลิกบทบาทเข้ามา ซึ่งผลของการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ตัวละครและเนื้อหาที่น่าสนใจในช่วงแรกก็ถูกพัดหายไปกับสายลมในทันใด ชนิดที่ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
ทำให้ในท้ายที่สุด Before I Go to Sleep ก็กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ถึงแม้ว่ามองจากภายนอกจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ แต่ด้วยการตัดสินใจอันผิดพลาดอย่างร้ายแรงก็ทำให้มันเปลี่ยนจากภาพยนตร์ที่มีตัวละครและเนื้อหาอันน่าสนใจในช่วงแรก กลายเป็นได้แค่ภาพยนตร์ดาษๆอีกเรื่องที่ซ้ำซากและไม่มีความน่าจดจำแต่อย่างใดเลย
Final Score : [ C ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ในปีนี้หรือในหลายๆปีที่ผ่านมา สำหรับตัวผู้เขียนเอง ต้องพูดเลยว่ารู้สึกเสียดายกับภาพยนตร์หลายๆเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อมองจากเนื้อผ้าหรือแนวทางที่มันกำลังจะไป มันดูเป็นอะไรที่น่าสนใจเอามากๆ แต่ในท้ายที่สุดภาพยนตร์เหล่านี้หลายๆเรื่องก็ล้มเหลวในการถ่ายทอดมันออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยโอกาศหรือความเป็นไปได้ซักเท่าไรก็ตาม
อย่างเช่น Dracula Untold ที่นำเสนอเรื่องราวของแดร็กคูล่าในฉบับจริงจังและบิดเรื่องเล่าหรือตำนานได้อย่างน่าสนใจ แต่พอเอาเข้าจริงตัวภาพยนตร์กลับเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นเหนือจริงแทบจะทั้งเรื่อง โดยไม่มีเวลาให้ตัวมันเองได้นั่งลงแล้วเล่าเรื่องจริงๆจังๆเสียที ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายเสียทีเดียว
Before I Go to Sleep เป็นภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากหนังสือนวนิยายในชื่อเดียวกันของ เอส.เจ วัตสัน (ซึ่งผู้เขียนไม่เคยอ่าน) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสามารถจะเก็บความทรงจำได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอจะจำอะไรไม่ได้ในวันก่อนหน้าอีก วันหนึ่งเธอได้พบว่าเหตุการณ์ในอดีตของเธออาจจะเต็มไปด้วยความลับอันน่าสะพรึ่งกลัวกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้
ต้องสารภาพก่อนเลยว่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของตัวภาพยนตร์ เอาเข้าจริงมันก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว ด้วยการเล่าเรื่องที่พอไปวัดไปวาได้ของผู้กำกับโรแวน จ็อฟฟ์ รวมถึงตัวบทที่น่าสนใจในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าดึงดูดความสนใจของตัวผู้เขียนได้มากที่สุด ก็คือสองนักแสดง นิโคล คิดแมน กับ โคลิน เฟิร์ธ ซึ่งทั้งคู่ก็นำแสดงได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโคลิน เฟิร์ธที่จัดได้ว่าแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ผู้เขียนอยากให้ตัวละครของโคลิน เฟิร์ธมาเป็นตัวเอกแทนเสียด้วยซ้ำไป
ในช่วงแรกของตัวภาพยนตร์จริงๆแล้ว ในด้านดราม่าชีวิตมันก็ถือได้ว่าถ่ายทอดเรื่องราวได้น่าสนใจทีเดียว ด้วยเรื่องราวที่ว่าถึงความเจ็บปวดของสามีที่ทุกๆวันจะต้องตื่นมาพบว่าภรรยาของตัวเองลืมตัวเขารวมถึงอดีตต่างๆไปทั้งหมด โดยเฉพาะเวลาเมื่อภรรยาของเขาถามถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดมันเป็นอะไรที่คอยกัดกินและทำร้ายจิตใจของเขาทุกวัน ลองนึกดูสภาพถ้าหากคุณจะต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับตัวเอกในเรื่องนี้มันคงจะเป็นความเจ็บปวดที่เกินคำบรรยายน่าดู รวมถึงการแอบแฝงผสมผสานความเป็นปริศนาเข้าไปสนับสนุนบทที่เป็นดราม่าก็เป็นอะไรที่ฉลาดและสร้างความน่าสนใจให้กับตัวภาพยนตร์ขึ้นได้เยอะ
แต่พอตัวภาพยนตร์เข้าช่วง 30 นาทีสุดท้าย เมื่อตัวมันเปลี่ยนเกียร์จากภาพยนตร์ดราม่าชีวิตมากลายเป็นภาพยนตร์ปริศนาและระทึกขวัญเต็มตัวเท่านั้นละ ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างก็เริ่มที่จะพังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว เพราะบทในส่วนนี้เรียกได้ว่า น่าเบื่อ และซ้ำซากสุดๆ ซ้ำในช่วงนี้ก็เป็นจุดที่แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสบการณ์ในการกำกับของโรแวน จ็อฟฟ์ในทันทีด้วยการเล่าเรื่องที่ตกลง น่าเบื่อและมุขต่างๆที้เดาทางง่าย
ที่น่าเสียดายก็คือพอตัวภาพยนตร์เปลี่ยนมาเป็นปริศนาและระทึกขวัญเต็มตัว ตัวมันเองก็เหมือนได้มัดมือปิดตาตัวเอง เพราะเมื่อย้ายมาเป็นภาพยนตร์แนวนี้แล้ว ตัวมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะต้องยัดเยียดจุดหักมุมและการพลิกบทบาทเข้ามา ซึ่งผลของการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ตัวละครและเนื้อหาที่น่าสนใจในช่วงแรกก็ถูกพัดหายไปกับสายลมในทันใด ชนิดที่ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
ทำให้ในท้ายที่สุด Before I Go to Sleep ก็กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ถึงแม้ว่ามองจากภายนอกจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ แต่ด้วยการตัดสินใจอันผิดพลาดอย่างร้ายแรงก็ทำให้มันเปลี่ยนจากภาพยนตร์ที่มีตัวละครและเนื้อหาอันน่าสนใจในช่วงแรก กลายเป็นได้แค่ภาพยนตร์ดาษๆอีกเรื่องที่ซ้ำซากและไม่มีความน่าจดจำแต่อย่างใดเลย
Final Score : [ C ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google