Birdman ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
6 ม.ค. 58 23:54 น. /
ดู 643 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Birdman (2014) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"Birdmanไม่ใช่แค่เสียดสีสังคมอเมริกันอย่างชาญฉลาดเท่านั้น มันยังถ่ายทอดออกมาด้วยวิธีอันน่าทึ่งหาใครเปรียบได้ยากอีกด้วย"
ต้องเรียกได้ว่า การแข่งขันชิงรางวัลเทศกาลภาพยนตร์ทั้งหลายที่ใกล้เข้ามาปีนี้ดุเดือดทีเดียว ตั้งแต่ตัวเต็งอย่าง Boyhood หรือ Whiplash ก็ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่กำลังมาแรงในเวทีรางวัลเช่นกัน
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น Birdman ของผู้กำกับ Alejandro González Iñárritu เจ้าของผลงานอย่าง Babel (2006) และ Biutiful (2010) อย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เตะตาผู้เขียนมากที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบเลย ก็คือการตัดต่อและเคลื่อนไหวกล้องอันสุดแสนจะลื่นไหล มันลื่นไหลขนาดที่ว่าผู้เขียนไม่สามารถที่จะหาจุดที่ตัดต่อแบบชัดเจนร้อยเปอร์เซนต์ได้เลย
ยิ่งผนวกกับอีกจุดเด่นของตัวภาพยนตร์ซึ่งก็คือจำนวนฉากถ่ายยาว Long Take ที่เรียกได้ว่าทั้งเรื่อง แถมยังไม่มีช่วงเวลาใดที่รู้สึกว่าติดขัดหรือหลุดออกจากตัวภาพยนตร์เลยก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าทึ่งเข้าไปอีก
ส่วนใหญ่ๆก็ต้องขอชมนักแสดงทุกคนที่เล่นกันโดยไม่มีติดขัดใดๆเลยซึ่งแสดงให้เห็นถึงฝีมือการแสดงทางฉาก Long Take อันยอดเยี่ยมของพวกเขาเป็นอย่างดี
ในด้านของบทภาพยนตร์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยความที่มันเสียดสีสังคมวัตถุนิยมและค่านิยมต่างๆของสังคมได้อย่างเจ็บแสบ
เมื่อพูดถึงค่านิยมแล้วแน่นอนว่าก็ต้องมีในโลกภาพยนตร์เช่นกัน ซึ่ง Birdman กนำจุดนี้มาเล่นกับผู้ชมเยอะอยู่พอสมควรจนแทบจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่องเลยทีเดียว อย่างเช่นตัวละครเอกที่ตัวภาพยนตร์ทิ้งคำถามถึงพลังของเขาให้เราคิดเอง หรือมุขตลกที่ล้อถึงพลังของผู้ชมในการเปลี่ยนแปลงทิศทางของสื่อและความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม
ที่โดนหนักที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นสังคมอเมริกันและโดยเฉพาะภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ที่มีให้เห็นกันแทบจะทุกเดือน น่าเสียดายที่ในจุดนี้ตัวภาพยนตร์ยังเล่นได้ไม่หนักเท่าที่ควรนักถึงแม้ว่าจะย้ำถึงจุดนี้ตลอดเวลาแต่ตอนเนื้อสำคัญจริงๆก็ปาเข้าไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว
ที่น่าสนใจก็คือการเสียดสีของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จากมุขตลกอันเจ็บแสบเท่านั้น แต่ยังมาจากความเหนือจริงของมันด้วยเช่นกันเนื่องจากตัวภาพยนตร์แทบจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความสมเหตุสมผลของตัวเอง ตัวมันจึงนำจุดๆนี้มาล้อเลียนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นอะไรที่บันเทิงไม่ใช่น้อย
คำถามที่น่าค้นหามากๆในภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือ เป็นตัวละครหรือผู้ชมกันแน่ที่เป็น Birdman ตัวจริง เพราะด้วยเทคนิคการถ่ายทำและเนื้อหามันทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้เสียจริง
ในท้ายที่สุด Birdman ก็เป็นภาพยนตร์แห่งปี 2014 ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เต็มไปด้วยพลังอย่าง Whiplash หรือเต็มไปด้วยความทรงจำแบบ Boyhood แต่ด้วยการเสียดสีสังคมวัตถุนิยมและค่านิยมได้อย่างน่าสนใจที่สำคัญเลยก็คือเทคนิคการถ่ายทำ ตัดต่อและฉาก Long Take อันน่าทึ่งก็ ี่ทำให้ยากที่จะลืมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
Final Score: A - [ Must See Badge ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ต้องเรียกได้ว่า การแข่งขันชิงรางวัลเทศกาลภาพยนตร์ทั้งหลายที่ใกล้เข้ามาปีนี้ดุเดือดทีเดียว ตั้งแต่ตัวเต็งอย่าง Boyhood หรือ Whiplash ก็ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่กำลังมาแรงในเวทีรางวัลเช่นกัน
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น Birdman ของผู้กำกับ Alejandro González Iñárritu เจ้าของผลงานอย่าง Babel (2006) และ Biutiful (2010) อย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เตะตาผู้เขียนมากที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบเลย ก็คือการตัดต่อและเคลื่อนไหวกล้องอันสุดแสนจะลื่นไหล มันลื่นไหลขนาดที่ว่าผู้เขียนไม่สามารถที่จะหาจุดที่ตัดต่อแบบชัดเจนร้อยเปอร์เซนต์ได้เลย
ยิ่งผนวกกับอีกจุดเด่นของตัวภาพยนตร์ซึ่งก็คือจำนวนฉากถ่ายยาว Long Take ที่เรียกได้ว่าทั้งเรื่อง แถมยังไม่มีช่วงเวลาใดที่รู้สึกว่าติดขัดหรือหลุดออกจากตัวภาพยนตร์เลยก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าทึ่งเข้าไปอีก
ส่วนใหญ่ๆก็ต้องขอชมนักแสดงทุกคนที่เล่นกันโดยไม่มีติดขัดใดๆเลยซึ่งแสดงให้เห็นถึงฝีมือการแสดงทางฉาก Long Take อันยอดเยี่ยมของพวกเขาเป็นอย่างดี
ในด้านของบทภาพยนตร์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยความที่มันเสียดสีสังคมวัตถุนิยมและค่านิยมต่างๆของสังคมได้อย่างเจ็บแสบ
เมื่อพูดถึงค่านิยมแล้วแน่นอนว่าก็ต้องมีในโลกภาพยนตร์เช่นกัน ซึ่ง Birdman กนำจุดนี้มาเล่นกับผู้ชมเยอะอยู่พอสมควรจนแทบจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่องเลยทีเดียว อย่างเช่นตัวละครเอกที่ตัวภาพยนตร์ทิ้งคำถามถึงพลังของเขาให้เราคิดเอง หรือมุขตลกที่ล้อถึงพลังของผู้ชมในการเปลี่ยนแปลงทิศทางของสื่อและความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม
ที่โดนหนักที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นสังคมอเมริกันและโดยเฉพาะภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ที่มีให้เห็นกันแทบจะทุกเดือน น่าเสียดายที่ในจุดนี้ตัวภาพยนตร์ยังเล่นได้ไม่หนักเท่าที่ควรนักถึงแม้ว่าจะย้ำถึงจุดนี้ตลอดเวลาแต่ตอนเนื้อสำคัญจริงๆก็ปาเข้าไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว
ที่น่าสนใจก็คือการเสียดสีของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จากมุขตลกอันเจ็บแสบเท่านั้น แต่ยังมาจากความเหนือจริงของมันด้วยเช่นกันเนื่องจากตัวภาพยนตร์แทบจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความสมเหตุสมผลของตัวเอง ตัวมันจึงนำจุดๆนี้มาล้อเลียนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นอะไรที่บันเทิงไม่ใช่น้อย
คำถามที่น่าค้นหามากๆในภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือ เป็นตัวละครหรือผู้ชมกันแน่ที่เป็น Birdman ตัวจริง เพราะด้วยเทคนิคการถ่ายทำและเนื้อหามันทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้เสียจริง
ในท้ายที่สุด Birdman ก็เป็นภาพยนตร์แห่งปี 2014 ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เต็มไปด้วยพลังอย่าง Whiplash หรือเต็มไปด้วยความทรงจำแบบ Boyhood แต่ด้วยการเสียดสีสังคมวัตถุนิยมและค่านิยมได้อย่างน่าสนใจที่สำคัญเลยก็คือเทคนิคการถ่ายทำ ตัดต่อและฉาก Long Take อันน่าทึ่งก็ ี่ทำให้ยากที่จะลืมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
Final Score: A - [ Must See Badge ]
ติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆในอนาคต และอัพเดทข่าวหรือตัวอย่างวงการภาพยนตร์/เกมได้ที่แฟนเพจเลยครับผม
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google