The Water Diviner ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
24 ม.ค. 58 13:19 น. /
ดู 635 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
The Water Diviner ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"ถึงแม้ว่าตัวบทภาพยนตร์จะค่อนข้างน่าสนใจ แต่การกำกับที่หายนะของรัซเซล โครว์ก็ทำให้ฉากที่น่าจดจำทั้งหลาย กลายเป็นฉากที่จืดชืดไร้ความหมายไปแทน"
ในโลกของภาพยนตร์แล้ว นักแสดงมากฝีมือหลายท่านเมื่อผ่านผลงานการแสดงไปซักช่วงหนึ่ง พวกเขาก็พยายามผันตัวมาทำหน้าที่อื่นเช่นกัน ไม่ว่าจะหันไปทำทางด้านเสียงประกอบภาพยนตร์ ออกเงินให้ หรือว่าบางท่านก็หันมาลองเป็นผู้กำกับเลยก็มี ยกตัวอย่างที่น่าจะใกล้ชิดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Argo ซึ่งกำกับและนำแสดงโดย เบน เอฟเฟลค ถึงแม้ว่าการผันตัวมาทำหน้าที่อื่นๆนี้ของดารานักแสดงทั้งหลายจะน่าชื่นชมถึงความพยายาม แต่ในบางครั้งการผันตัวมาครั้งนี้ก็ไม่ได้นำมาซึ่งผลงานที่น่าจดจำเสมอไป
The Water Diviner ว่าด้วยเรื่องราวของ คอนเนอร์ ชายวัยกลางคนผู้ต้องออกตามหาลูกๆของพวกเขาที่หายไปในสงคราม ระหว่างนั้นเองเขาก็ได้ค้นพบว่าสงครามครั้งนี้ได้นำพามาซึ่งความเสียหายมากกว่าที่เขาได้คาดคิดไว้
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับผู้เขียนเลย ก็คือบทภาพยนตร์ นี้ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ต่อต้านสงคราม และพูดถึงความเสียหาย ความสูญเสียที่สงครามได้พามา ซึ่งต้องสารภาพเลยว่าประเด็นต่างๆก็น่าสนใจมากทีเดียว
ตั้งแต่ประเด็นเรื่องการสูญเสียลูกของผู้เป็นพ่อแม่ การสูญเสียพี่น้องร่วมสายเลือด หรือประเด็นทางการแบ่งเชื้อชาติ ความขัดแย้งระหว่างสงคราม ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็นำไปสู่ข้อความหลักของภาพยนตร์ที่พูดถึงการต่อต้านสงคราม เพราะสงครามนำมาซึ่งการสูญเสียของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะผู้แพ้ ผู้ชนะ มิตร หรือ ศัตรู
น่าเสียดายที่ประเด็นและข้อความอันน่าสนใจของภาพยนตร์ต้องถูกลดน้ำหนักและความน่าจดจำลงไปเยอะพอสมควรเนื่องจากสาเหตุที่ร้ายแรงสาเหตุหนึ่ง ซึ่งสาเหตุนั้นก็หนีไม่พ้นการกำกับของ รัซเซล โครว์
ถึงแม้ว่าตัวรัซเซล โครว์เองจะนำแสดงได้ไม่แย่ซักเท่าไรนัก แต่ฝีมือการกำกับ เล่าเรื่องและคุมอารมณ์ของเรื่องนั้นอยู่ในระดับหายนะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่เก่าเกินไปและถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง เช่นการสโลว์ภาพให้ช้าลง จังหวะการใส่เสียงเพลงประกอบที่ไม่ถูกจังหวะ การจัดวางปมของตัวละครที่ครึ่งๆกลางๆและรีบมากจนเกินไป เป็นผลทำให้ภาพยนตร์รู้สึกแห้งแล้ง น่าเบื่อ ยกตัวอย่างเช่นฉากเปิดเรื่องซึ่งควรจะเป็นฉากที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นไปกับภาพยนตร์ แต่ด้วยการเล่าเรื่องและการคุมอารมณ์ภาพยนตร์ที่แย่ ทำให้ฉากๆนี้กลายเป็นฉากที่จืดชืดน่าเบื่อเสมือนนั่งชมก้อนหิน
อีกอย่างก็คือตัดต่อที่ค่อนข้างจะจืดชืด ขาดชั้นเชิงและถูกยัดเยียดเข้ามาเพื่อสนับสนุนการเล่าเรื่องที่ไม่ได้เรื่องของรัซเซล โครว์ ที่พยายามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นฉากเรียกน้ำตาอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้ฉากเหล่านี้ไม่มีพลังและความน่าจดจำเท่าที่ควร
นี้ยังไม่รวมถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องที่สั่นคลอนและเกือบจะพังทลายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการอาศัยเรื่องของความบังเอิญมากจนเกินไปโดยไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอคอยหนุนหลัง ยังถือว่าโชคดีที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครเอกกับนางเอกในเรื่องยังพอที่จะน่าสนใจและดึงผู้เขียนออกจากสภาวะเกือบหลับได้อยู่บ้าง
ในท้ายที่สุด The Water Diviner ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีแนวคิดและเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมา ซึ่งสาเหตุหลักก็คงจะหนีไม่พ้นการกำกับที่ล้มเหลวของ รัซเซล โครว์ ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้กำกับที่มีฝีมือและประสบการณ์มากกว่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ตัวภาพยนตร์น่าจดจำมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่แน่นอนว่านั้นก็คงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
Final Score : [ C ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆพี่ๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ในโลกของภาพยนตร์แล้ว นักแสดงมากฝีมือหลายท่านเมื่อผ่านผลงานการแสดงไปซักช่วงหนึ่ง พวกเขาก็พยายามผันตัวมาทำหน้าที่อื่นเช่นกัน ไม่ว่าจะหันไปทำทางด้านเสียงประกอบภาพยนตร์ ออกเงินให้ หรือว่าบางท่านก็หันมาลองเป็นผู้กำกับเลยก็มี ยกตัวอย่างที่น่าจะใกล้ชิดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Argo ซึ่งกำกับและนำแสดงโดย เบน เอฟเฟลค ถึงแม้ว่าการผันตัวมาทำหน้าที่อื่นๆนี้ของดารานักแสดงทั้งหลายจะน่าชื่นชมถึงความพยายาม แต่ในบางครั้งการผันตัวมาครั้งนี้ก็ไม่ได้นำมาซึ่งผลงานที่น่าจดจำเสมอไป
The Water Diviner ว่าด้วยเรื่องราวของ คอนเนอร์ ชายวัยกลางคนผู้ต้องออกตามหาลูกๆของพวกเขาที่หายไปในสงคราม ระหว่างนั้นเองเขาก็ได้ค้นพบว่าสงครามครั้งนี้ได้นำพามาซึ่งความเสียหายมากกว่าที่เขาได้คาดคิดไว้
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับผู้เขียนเลย ก็คือบทภาพยนตร์ นี้ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ต่อต้านสงคราม และพูดถึงความเสียหาย ความสูญเสียที่สงครามได้พามา ซึ่งต้องสารภาพเลยว่าประเด็นต่างๆก็น่าสนใจมากทีเดียว
ตั้งแต่ประเด็นเรื่องการสูญเสียลูกของผู้เป็นพ่อแม่ การสูญเสียพี่น้องร่วมสายเลือด หรือประเด็นทางการแบ่งเชื้อชาติ ความขัดแย้งระหว่างสงคราม ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็นำไปสู่ข้อความหลักของภาพยนตร์ที่พูดถึงการต่อต้านสงคราม เพราะสงครามนำมาซึ่งการสูญเสียของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะผู้แพ้ ผู้ชนะ มิตร หรือ ศัตรู
น่าเสียดายที่ประเด็นและข้อความอันน่าสนใจของภาพยนตร์ต้องถูกลดน้ำหนักและความน่าจดจำลงไปเยอะพอสมควรเนื่องจากสาเหตุที่ร้ายแรงสาเหตุหนึ่ง ซึ่งสาเหตุนั้นก็หนีไม่พ้นการกำกับของ รัซเซล โครว์
ถึงแม้ว่าตัวรัซเซล โครว์เองจะนำแสดงได้ไม่แย่ซักเท่าไรนัก แต่ฝีมือการกำกับ เล่าเรื่องและคุมอารมณ์ของเรื่องนั้นอยู่ในระดับหายนะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่เก่าเกินไปและถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง เช่นการสโลว์ภาพให้ช้าลง จังหวะการใส่เสียงเพลงประกอบที่ไม่ถูกจังหวะ การจัดวางปมของตัวละครที่ครึ่งๆกลางๆและรีบมากจนเกินไป เป็นผลทำให้ภาพยนตร์รู้สึกแห้งแล้ง น่าเบื่อ ยกตัวอย่างเช่นฉากเปิดเรื่องซึ่งควรจะเป็นฉากที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นไปกับภาพยนตร์ แต่ด้วยการเล่าเรื่องและการคุมอารมณ์ภาพยนตร์ที่แย่ ทำให้ฉากๆนี้กลายเป็นฉากที่จืดชืดน่าเบื่อเสมือนนั่งชมก้อนหิน
อีกอย่างก็คือตัดต่อที่ค่อนข้างจะจืดชืด ขาดชั้นเชิงและถูกยัดเยียดเข้ามาเพื่อสนับสนุนการเล่าเรื่องที่ไม่ได้เรื่องของรัซเซล โครว์ ที่พยายามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นฉากเรียกน้ำตาอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้ฉากเหล่านี้ไม่มีพลังและความน่าจดจำเท่าที่ควร
นี้ยังไม่รวมถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องที่สั่นคลอนและเกือบจะพังทลายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการอาศัยเรื่องของความบังเอิญมากจนเกินไปโดยไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอคอยหนุนหลัง ยังถือว่าโชคดีที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครเอกกับนางเอกในเรื่องยังพอที่จะน่าสนใจและดึงผู้เขียนออกจากสภาวะเกือบหลับได้อยู่บ้าง
ในท้ายที่สุด The Water Diviner ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีแนวคิดและเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมา ซึ่งสาเหตุหลักก็คงจะหนีไม่พ้นการกำกับที่ล้มเหลวของ รัซเซล โครว์ ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้กำกับที่มีฝีมือและประสบการณ์มากกว่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ตัวภาพยนตร์น่าจดจำมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่แน่นอนว่านั้นก็คงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
Final Score : [ C ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆพี่ๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google