Cinderella ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz
18 มี.ค. 58 15:59 น. /
ดู 1,184 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Cinderella ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz
"รองเท้าแก้วปัดฝุ่น"
ณ ตอนนี้ ดูเหมือนค่ายและสตูดิโอผู้สร้าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นค่ายเจ้าหนู ดิสนีย์ ตั้งแต่การซื้อ Marvel , Star Wars แล้วยังจะภาพยนตร์อนิเมชั่นของตนเอง ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จเป็นพิเศษอย่าง Frozen ( 2013 ) และ Big Hero 6 ( 2014 ) นี้ยังไม่นับถึงการประกาศสร้างภาพยนตร์จำนวนมากแบบล่วงหน้า เสมือนไม่กลัวว่าจะเจ๊งแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะสตูดิโอของ Marvel ที่ประกาศกันที 5-6 เรื่องติดกัน
ซึ่งอีกหนึ่งแนวทาง ที่ทางดิสนีย์กำลังตั้งใจสร้างอยู่ในขณะนี้ ก็คือการชุบชีวิตภาพยนตร์อนิเมชั่นคลาสสิคทั้งหลาย มาทำเป็นภาพยนตร์ Live-Action เช่นปีที่แล้ว Maleficent ( 2014 ) ปีนี้ Cinderella ( 2015 ) และ Beauty and the Beast ที่ได้นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นอย่าง เอ็มม่า วัตสัน มารับบทเป็นเบลล่าในปี 2017 อีกด้วย
Cinderella ยังคงเรื่องราวแบบเดิม ที่ว่าด้วยเรื่องราวของซินเดอเรลล่า ผู้ซึ่งถูกใช้งานเยี่ยงทาสจากแม่เลี้ยง และพี่สาวใจร้ายทั้งสองของเธอ แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้พบกับเจ้าชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ที่น่าแปลกใจในภาพยนตร์ Live-Action ของดิสนีย์เรื่องนี้เลยก็คือ การที่คราวนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆของบทภาพยนตร์เลย หมายความว่าเราจำได้ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Cinderella ในปี 1950 เป็นอย่างไร ตัวภาพยนตร์ก็เป็นแบบนั้นเปะๆ
ที่น่าแปลกก็เพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของดิสนีย์อย่าง Maleficent ถึงแม้ว่าจะมีต้นแบบมาจาก Sleeping Beauty (1959 ) ก็จริง แต่ตัวภาพยนตร์ก็เปลี่ยนมาเล่าในมุมมองของตัวละคร มาเลฟิเซนต์ แทนซึ่งทำให้เกิดมุมมองใหม่ของตัวภาพยนตร์ ในขณะที่ Cinderella ( 2015 ) กลับเล่าเหมือนเดิมเปะๆ และการทำเช่นนั้นมันก็ทำให้เกิดปัญหาอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากมันจะทำให้ตัวภาพยนตร์จะออกมาไม่น่าติดตามหรือน่าสนใจเท่าที่ควร เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็น่าจะทราบถึงเรื่องราวของ Cinderella ( 1950 )ไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรในภาพยนตร์ที่จะสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสดใหม่ได้อีก
ไม่แน่ใจว่าเพราะด้วยภาพยนตร์เรื่อง Into the Woods ( 2014 ) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งก็นำเรื่องราวของซินเดอเรลล่ามาเล่า แต่ปรับเปลี่ยนให้เหมือนต้นฉบับมากขึ้นด้วยรึเปล่า ทางดิสนีย์จึงตัดสินใจที่จะไม่ปรับเปลี่ยนอะไรในซินเดอเรลล่าฉบับนี้
ถึงกระนั้นก็ตาม สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือด้านโปรดัคชั่นดีไซน์ การสร้างฉาก อุปกรณ์ เสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆในภาพยนตร์ ที่อลังการงานสร้างชนิดที่สาวกดิสนีย์คนไหนไปชมก็คงจะฟินไปตามๆกัน โดยเฉพาะรถฟักทองและรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่าที่มองทีไรก็พาขนลุกไปทุกทีเพราะมันช่างงดงามเหลือเกิน
แต่ถ้าหากจะมีสิ่งหนึ่ง ที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายมากที่สุดในการนำภาพยนตร์ Cinderella ( 1950 ) กลับมาสร้างใหม่ในครั้งนี้ ก็คือการเล่าถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละคร ซินเดอเรลล่า กับ แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอ โดยเฉพาะในด้านตัวละครแม่เลี้ยงใจร้าย ที่น่าจะมีการพูดถึงสาเหตุที่เธอเป็นเช่นนี้และทำไมเธอถึงทำกับซินเดอเรลล่าเช่นนี้ได้ แต่ตัวภาพยนตร์ยังให้เวลาในส่วนนี้น้อยเกินไป จนทำให้เรื่องราวในจุดนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควร และได้แตะเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
กลายเป็นว่าอีกหนึ่งความสัมพันธ์ อย่างความสัมพันธ์พ่อ-ลูกของเจ้าชายกับพระราชา กลับน่าสนใจและสรุปออกมาได้ดีมากกว่าเสียอีก
ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าหากคิดถึงนักแสดง เคต บลานเชตต์ ก็นำแสดงเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายได้แซ่บสุดๆเลยทีเดียว
สรุปแล้ว Cinderella ในฉบับปี 2015 นี้ ก็ไม่สามารถที่จะนำเสนอสิ่งใหม่อะไรได้เลยนอกจากโปรดัคชั่นดีไซน์อันตระการตา ถึงแม้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป แต่เราก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธถึงความรู้สึกอันเฉยชา ค่อนไปทางเบื่อหน่ายเมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่งดงามพอที่จะดึงดูดความสนใจเราไปได้
แต่ในท้ายที่สุด Cinderella ( 2015 ) ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สอนข้อคิดที่น่าสนใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการให้เราพยายามมองข้ามเรื่องชนชั้นและฐานะของบุคคลไป แต่มองไปที่จิตใจของคนผู้นั้นที่อาจจะดีและสวยงามยิ่งกว่ารองเท้าแก้วไหนๆนั้นเอง
Final Score : [ B - , 6.75 / 10 ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ณ ตอนนี้ ดูเหมือนค่ายและสตูดิโอผู้สร้าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นค่ายเจ้าหนู ดิสนีย์ ตั้งแต่การซื้อ Marvel , Star Wars แล้วยังจะภาพยนตร์อนิเมชั่นของตนเอง ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จเป็นพิเศษอย่าง Frozen ( 2013 ) และ Big Hero 6 ( 2014 ) นี้ยังไม่นับถึงการประกาศสร้างภาพยนตร์จำนวนมากแบบล่วงหน้า เสมือนไม่กลัวว่าจะเจ๊งแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะสตูดิโอของ Marvel ที่ประกาศกันที 5-6 เรื่องติดกัน
ซึ่งอีกหนึ่งแนวทาง ที่ทางดิสนีย์กำลังตั้งใจสร้างอยู่ในขณะนี้ ก็คือการชุบชีวิตภาพยนตร์อนิเมชั่นคลาสสิคทั้งหลาย มาทำเป็นภาพยนตร์ Live-Action เช่นปีที่แล้ว Maleficent ( 2014 ) ปีนี้ Cinderella ( 2015 ) และ Beauty and the Beast ที่ได้นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นอย่าง เอ็มม่า วัตสัน มารับบทเป็นเบลล่าในปี 2017 อีกด้วย
Cinderella ยังคงเรื่องราวแบบเดิม ที่ว่าด้วยเรื่องราวของซินเดอเรลล่า ผู้ซึ่งถูกใช้งานเยี่ยงทาสจากแม่เลี้ยง และพี่สาวใจร้ายทั้งสองของเธอ แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้พบกับเจ้าชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ที่น่าแปลกใจในภาพยนตร์ Live-Action ของดิสนีย์เรื่องนี้เลยก็คือ การที่คราวนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆของบทภาพยนตร์เลย หมายความว่าเราจำได้ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Cinderella ในปี 1950 เป็นอย่างไร ตัวภาพยนตร์ก็เป็นแบบนั้นเปะๆ
ที่น่าแปลกก็เพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของดิสนีย์อย่าง Maleficent ถึงแม้ว่าจะมีต้นแบบมาจาก Sleeping Beauty (1959 ) ก็จริง แต่ตัวภาพยนตร์ก็เปลี่ยนมาเล่าในมุมมองของตัวละคร มาเลฟิเซนต์ แทนซึ่งทำให้เกิดมุมมองใหม่ของตัวภาพยนตร์ ในขณะที่ Cinderella ( 2015 ) กลับเล่าเหมือนเดิมเปะๆ และการทำเช่นนั้นมันก็ทำให้เกิดปัญหาอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากมันจะทำให้ตัวภาพยนตร์จะออกมาไม่น่าติดตามหรือน่าสนใจเท่าที่ควร เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็น่าจะทราบถึงเรื่องราวของ Cinderella ( 1950 )ไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรในภาพยนตร์ที่จะสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสดใหม่ได้อีก
ไม่แน่ใจว่าเพราะด้วยภาพยนตร์เรื่อง Into the Woods ( 2014 ) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งก็นำเรื่องราวของซินเดอเรลล่ามาเล่า แต่ปรับเปลี่ยนให้เหมือนต้นฉบับมากขึ้นด้วยรึเปล่า ทางดิสนีย์จึงตัดสินใจที่จะไม่ปรับเปลี่ยนอะไรในซินเดอเรลล่าฉบับนี้
ถึงกระนั้นก็ตาม สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือด้านโปรดัคชั่นดีไซน์ การสร้างฉาก อุปกรณ์ เสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆในภาพยนตร์ ที่อลังการงานสร้างชนิดที่สาวกดิสนีย์คนไหนไปชมก็คงจะฟินไปตามๆกัน โดยเฉพาะรถฟักทองและรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่าที่มองทีไรก็พาขนลุกไปทุกทีเพราะมันช่างงดงามเหลือเกิน
แต่ถ้าหากจะมีสิ่งหนึ่ง ที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายมากที่สุดในการนำภาพยนตร์ Cinderella ( 1950 ) กลับมาสร้างใหม่ในครั้งนี้ ก็คือการเล่าถึงความสัมพันธ์ของสองตัวละคร ซินเดอเรลล่า กับ แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอ โดยเฉพาะในด้านตัวละครแม่เลี้ยงใจร้าย ที่น่าจะมีการพูดถึงสาเหตุที่เธอเป็นเช่นนี้และทำไมเธอถึงทำกับซินเดอเรลล่าเช่นนี้ได้ แต่ตัวภาพยนตร์ยังให้เวลาในส่วนนี้น้อยเกินไป จนทำให้เรื่องราวในจุดนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควร และได้แตะเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
กลายเป็นว่าอีกหนึ่งความสัมพันธ์ อย่างความสัมพันธ์พ่อ-ลูกของเจ้าชายกับพระราชา กลับน่าสนใจและสรุปออกมาได้ดีมากกว่าเสียอีก
ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าหากคิดถึงนักแสดง เคต บลานเชตต์ ก็นำแสดงเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายได้แซ่บสุดๆเลยทีเดียว
สรุปแล้ว Cinderella ในฉบับปี 2015 นี้ ก็ไม่สามารถที่จะนำเสนอสิ่งใหม่อะไรได้เลยนอกจากโปรดัคชั่นดีไซน์อันตระการตา ถึงแม้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป แต่เราก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธถึงความรู้สึกอันเฉยชา ค่อนไปทางเบื่อหน่ายเมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่งดงามพอที่จะดึงดูดความสนใจเราไปได้
แต่ในท้ายที่สุด Cinderella ( 2015 ) ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สอนข้อคิดที่น่าสนใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการให้เราพยายามมองข้ามเรื่องชนชั้นและฐานะของบุคคลไป แต่มองไปที่จิตใจของคนผู้นั้นที่อาจจะดีและสวยงามยิ่งกว่ารองเท้าแก้วไหนๆนั้นเอง
Final Score : [ B - , 6.75 / 10 ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
แก้ไขล่าสุด 19 มี.ค. 58 15:36 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google