Fast and Furious 7 ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz
ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ประเภทแข่งรถแล้ว อีกหนึ่งภาพยนตร์ซีรียส์ ที่นอกจากจะโด่งดังแล้ว ยังจะสามารถรักษาคุณภาพของตัวเองมาได้โดยตลอด ก็คือซีรียส์ Fast and Furious ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ภาคแรก The Fast and the Furious ในปี 2001 ยาวมาถึงภาคที่ 7 ในปี 2015 นี้
Fast and Furious 7 ว่าด้วยเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว โดเมนิก จะต้องตามไล่ล่าผู้ที่สังหารเพื่อน และทำร้ายครอบครัวของเขาให้จงได้
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยในแทบจะทุกภาคของ Fast and Furious ก็คือความที่มันละเมิดแทบจะทุกกฎและทฤษฏีวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ รวมถึงความโอเวอร์และความบ้าบอที่เริ่มที่จะมากขึ้นเข้าไปทุกภาคๆ โดยเฉพาะตัวละครเอกทั้งหลาย ที่ไม่รู้ว่าไปสักยันต์หรือไปทำบุญวัดไหนมา เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาประสบกับประสบการณ์เฉียดตาย พวกเขาก็มักจะรอดมาได้เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นรถตกหน้าผาตีลังกาไม่รู้กี่สิบตลบ หรือรอดจากการถูกเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่าได้อย่างฉิวเฉียด เรียกได้ว่าถ้าวันไหนพวกเขาเกิดดวงซวยขึ้นมา วันนั้นก็คงจะทำให้พวกเขากลายเป็นโก้โก้ครันช์อย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนั้นแล้ว บทภาพยนตร์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจะเป็นจุดโดดเด่นของภาพยนตร์ซีรียส์นี้ โดยเฉพาะพล็อต ที่ก็ยังคงใช้พล็อตที่เข้าใจง่าย และธรรมดาอยู่เช่นเคย ซึ่งภาคนี้ก็ยังคงไม่แตกต่าง เพียงคุณรู้แค่ว่า นี้คือภาพยนตร์ล้างแค้น คุณก็แทบจะรู้เรื่องราวทั้งหมดในเรื่องแล้ว
ถึงกระนั้นก็ตาม Fast and Furious ก็เป็นภาพยนตร์ซีรียส์ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านำพามาซึ่งความสนุก ตื่นเต้น และอะดรีนาลีนพลุ่งพลานได้เป็นอย่างดี และในภาค 7 นี้ก็เช่นเดียวกัน
ใช่ฉากแอ็คชั่นโลดโผนเหล่านี้มันสุดจะโอเวอร์เหนือจริง แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ว่า มันโคตรจะ"มันส์"เลยเช่นกัน เพราะเนื่องจากความเหนือจริงของมันนี้แหละ จึงทำให้ฉากแอ็คชั่นเหล่านี้สามารถแทบที่จะทำอะไรก็ได้ หลุดโลกเท่าไรก็ได้ ในด้านของความตระการตา ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงแทบที่จะได้เต็มไปเลยทีเดียว นี้ยังไม่นับถึงการมาร่วมงานของ เจสัน สเตทแธม และ จา พนม ที่สร้างความสมน้ำสมเนื้อระหว่างตัวละครเอก และ ตัวร้ายได้อย่างน่าติดตามทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ Fast and Furious ภาคนี้กำกับโดย เจมส์ วาน ซึ่งเคยมีผลงานโด่งดังเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญอย่าง Saw ( 2004 ) , Insidious ( 2010 ) และ The Conjuring ( 2013 ) นี้ถือได้ว่าแทบจะเป็นการพลิกบทบาทการกำกับเลยทีเดียว จากเจ้าพ่อภาพยนตร์สยองขวัญ มากำกับภาพยนตร์แอ็คชั่น
ซึ่งโดยรวมการกำกับของ เจมส์ วาน ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องเชื่อมต่อระหว่างฉากแอ็คชั่นและฉากพูดคุยของตัวละคร หรือ การปูจุดขัดแย้งของเรื่อง ถึงแม้ว่าการกำกับฉากแอ็คชั่น และการเล่าเรื่องต่างๆอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบและค่อนข้างจะธรรมดาพื้นๆไปบ้างก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าซีรียส์ Fast and Furious ทำได้ยอดเยี่ยมเหนือภาพยนตร์แข่งรถ / แอ็คชั่นอื่นๆ ก็คือความผูกพันธ์ระหว่างผู้ชมกับตัวละคร ที่เราแทบจะรู้สึกเหมือนตัวละครเหล่านี้เป็นเพื่อนหรืออาจจะเป็นครอบครัวของเราขึ้นมาจริงๆ เหมือนกับประเด็นที่ตัวภาพยนตร์มักจะพยายามตอกย้ำ ซึ่งพูดถึงความสำคัญของครอบครัวอยู่เสมอๆ ซึ่งเราในฐานะผู้ชมก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุนี้นอกจากจะมาจากจำนวนภาคที่มากถึง 7 ภาคแล้ว ยังจะมาจากตัวละครเหล่านี้ ที่มีความเป็นมนุษย์ซึ่งน่าติดตาม น่าคอยเอาใจช่วย และการเข้าไปรู้จักกับพวกเขา ก็ยังทำให้เราผูกพันธ์ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ซึ่งด้วยสาเหตุนี้เอง ข่าวการจากไปของนักแสดงหลักอย่าง พอล วอล์กเกอร์ ก็ทำให้แฟนๆหลายคนสะเทือนใจไม่ใช่น้อย และมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทางทีมเขียนบทและผู้กำกับ เจมส์ วาน จะเขียนบทสรุปให้กับตัวละครของพอลอย่างไร และก็ต้องขอชมในส่วนนี้เสียจริงๆ กับฉากบทสรุปของพอลที่นอกจากจะสมบูรณ์แบบแล้ว ยังจะฉลาดมากอีกด้วย
ในท้ายที่สุดแล้ว Fast and Furious 7 ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่เรารู้จักกันดี ด้วยฉากแอ็คชั่นสุดโอเวอร์ และพล็อตที่สุดแสนจะธรรมดา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกและความบันเทิงของภาพยนตร์ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ที่น่าประทับใจมากที่สุดเลย ก็คือบทสรุปของตัวละคร พอล วอล์กเกอร์ ที่น่าจดจำและอาจที่จะทำให้คุณเสียน้ำตาอย่างง่ายดาย
Final Score : 7.5 / 10
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
สำหรับหนังตระกูล fast ไม่มีอะไรที่จะต้องวิจารณ์เยอะ แค่อยากบอกว่าหนังสนุกและมันส์มากตอบโจทย์แฟนๆที่คาดหวังเรื่องความสนุกได้เป็นอย่างดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีตรรกะ ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน ใส่แค่ความบันเทิงเพื่อเอาใจแฟนๆก็พอล่ะ และฉากส่งท้ายของพอลท้ายเรื่องก็ทำได้ดีกว่าที่คิด ซาบซึ้งและประทับใจมากทีเดียว
รู้สึกภาคนี้เว่อวังมาก แต่อิ่มมากกับทุกสิ่ง ตัวละครภาคนี้ลดลงจากภาค 5 และ 6 ค่อนข้างมาก แต่ได้นาตาลีมาเสริมทัพก็ถือว่าไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไรไปเพราะนางก็มาเต็มเหมือนกัน ที่เหลือคงรอดูลูกบ้าจากภาคอื่น ส่วนบทของพอลคิดว่าหลายคนคงจับได้ในหลายๆฉากที่เป็นหุ่นคาเล็บและหน้าโคดี้มาแทน แต่ถามว่ามันดูจับได้จนน่าเกลียดมั้ย..ก็ไม่นะ
ชอบการจ่ายบทให้กับตัวละครแต่ละตัวมาก เพราะมันไม่ได้ทำให้ใครหายไปเลย การที่แรมซี่ย์มาก็ไม่ได้ทำให้บทบาทของเทจลดลง แต่เป็นการเสริมบทให้กันให้ตัวละครดูมีมิติมากขึ้น การเชื่อมบทของตัวละครในภาคนี้กับภาคอื่นๆคือดูรู้เลยว่าทำการบ้านมาดีนะ อย่างเบียร์ที่ดอมชอบ แซนวิชที่ไบรอันสั่งมีอา หรือฉากมุดใต้รถบรรทุก คือดูแล้วคิดถึงภาคเก่าๆอ่ะ ไม่ได้เป็นการลบภาพจากภาคเก่าๆออกไป
แล้วก็ชอบ Cameos หลายๆฉากของนักแสดง(และนักร้อง) ที่แอบมาแบบเนียนๆ ดูรู้บ้างไม่รู้บ้าง ผ่านไปแบบไม่สนใจอะไรบ้างแล้วก็มาแบบให้รู้เลยว่า "นี่ก็มานะรู้ยัง" ก็ดี เริ่ดมาก..ชอบ
สิ่งเดียวที่ไม่ชอบคือฉากโตเกียวที่เจือกเอาฟุตเตจตัวเก่ามาใช้แล้วฌอน(พระเอกภาค3)มันไม่ได้หุ่นหรือหน้าแบบนั้นแล้วอ่ะ คือหน้าไปมาก หุ่นก็ล่ำเป็นเดอะร็อคไปแล้ว สิ่งเดียวในฉากนี้ที่คงกระพันก็คือหน้าดอมนี่ล่ะ - -" คือน่าจะถ่ายซีนนั้นใหม่ไปเลยเพราะมันดูออกว่านักแสดงแก่เกินฟุตเตจเดิมแล้ว
ส่วนตัวชอบนะ ชอบมาก ชอบฉากเล็ตตี้สู้กับรปภ.ด้วย เท่ห์มาก(แอบคิดว่ารปภ.จะมีบทเยอะกว่านี้) แล้วก็คิดว่าหนังเรื่องนี้คงยังไม่จบง่ายๆอ่ะ เดี๋ยวคงมาอีก 2-3 ภาค ไม่ก็มีไปเรื่อยๆอ่ะคิดว่า แต่คงต้องหาทัพเสริมอีก ขอให้โคดี้ได้มาแสดงจริงๆอย่างที่วินเคยสัมภาษณ์ไว้เถอะ แต่หาทรงผมแล้วก็แคแรคเตอร์ที่ต่างจากพอลเยอะๆหน่อย เจิดชัวร์ ><
เพิ่งไปดูมาวันนี้ อยากบอกว่าหนังทำได้ดีมาก แม้จะเว่อวังอลังการก็เถอะ แต่ก็นะ นั่งดูอย่างเดียวไม่คิดอะไรเลยตอนนั้น กุขอมันส์ไว้ก่อน
ฉากจบนั้นแบบว่า ซึ้งเกินบรรยายจริงๆ เพื่อนอิฉันต่อมน้ำตานี้แตกมากมาย รู้สึกได้ถึงพอลจริงๆนะฉากนั้น เป็นการจากลาที่รู้สึกได้เลยว่า เราไม่เคยจากกันไปไหนเลยจริงๆ ความอบอุ่นทุกอย่างเทมาหมด คิดถึงพอลจริงๆ คิดถึงพอล 
https://www.youtube.com/watch?v=0aIo2dlGMvY
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google