[Review Album] To Pimp A Butterfly-Kendrick Lamar รีวิวเดียวจบ

14 เม.ย. 58 23:11 น. / ดู 1,389 ครั้ง / 0 ความเห็น / 3 ชอบจัง / แชร์
ผีเสื้อ=สัญลักษณ์แห่งการหลุดพ้น

Title : To Pimp A Butterfly
Artist : Kendrick Lamar
Genre: Hip-Hop
Release Date : 15 March 2015
Executive Producer : Dr.Dre , Antony "Top Dawg " Tiffith


ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง ! ทักทายด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Kendrick Lamar แร็พเปอร์จากเมืองComptonที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ ต้องยอมรับเลยว่า อัลบั้ม 2ชุดที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Section .80 และ good kid m.A.A.d City ตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก สิ่งที่ทำให้ผลงานเพลงของKendrick เป็นที่น่าจดจำ นอกจากการแร็พที่ไหลเป็นน้ำและดุดัน นั่นก็คือ การวางคอนเซปต์ที่น่าสนใจในแต่ละอัลบั้มที่ทำออกมาได้น่าติดตามตั้งแต่แทร็คแรกจนถึงแทร็คสุดท้าย

Section.80 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเคนดริก การนำผู้ฟังไปสู่สังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุมากมาย ทั้งยาเสพติด เซกส์และความรุนแรง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในยุค80 ตัวเพลงค่อนข้างแปลกแหวกแนว ออกแนวอัลเทอเนทีพฮิพฮอพ ฟังไม่น่าเบื่อดีครับ

ส่วน GKMC คอนเซปต์ทำออกมาได้น่าติดตามมากๆ สะท้อนความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดอย่าง Compton ผ่านการเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ในสมัยวัยรุ่น ขโมยรถแวนของแม่ไปขับเล่น เพื่อที่จะไปซั่มสาวรายนึง แต่ภารกิจก็ดันสะดุดเมื่อเคนดริกไปเจอพวกเพื่อนๆเสียก่อน พาลพาไปทำอะไรที่เลยเถิดจนเกิดเรื่องบานปลาย นำมาซึ่งจุดจบอันน่าเศร้า GKMC จึงเป็นอัลบั้มที่ให้อะไรที่มากกว่าความเอนเตอร์เทน มันเป็นการนำเอากลิ่นอายความเป็น west coast hip hopกลับคืนมาด้วย  GKMC จึงเป็นอัลบั้มฮิพฮอพที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในเรื่องของเนื้อหาและดนตรี

จึงเป็นอะไรที่น่ากดดันมากพอสมควรสำหรับตัว Kendrick ที่จะต้องทำอัลบั้มชุดที่3 ให้ออกมาได้ดีกว่าหรือเท่ากับมาตรฐานที่ได้ตั้งไว้ใน2ชุดแรก สำหรับชุดที่3 To Pimp A Butterfly มีความแตกต่างจาก2ชุดแรกอยู่พอสมควรเลยล่ะ โดยเฉพาะภาคดนตรีไม่ได้เน้น gangsta hiphop จ๋าๆ ไม่ให้อารมณ์พลุ่งพล่านแบบ2ชุดก่อน แต่จะเน้นไปในทาง Hiphop ที่ผสมความเป็น Jazz Soul Neo-Soul Reggae เข้าถึงความเป็น Black Music มากขึ้น โดยรวมแล้วดนตรีพัฒนานะครับ เพิ่มความซับซ้อนให้ฟังยากบ้างง่ายบ้าง ส่วนเนื้อหาของเพลงพัฒนาไปในทางที่เป็นเพื่อชีวิตมากขึ้น จริงจัง หนักแน่น จิกกัดการเมืองและวงการเพลงอยู่พอสมควร ที่สำคัญเนื้อหาในแต่ละเพลงมีdetails ซ่อนอยู่มากมายเลยล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟังครั้งแรกแล้วไม่เก็ท เพราะชุดนี้ฟังยากกว่าชุดที่แล้วอย่างแน่นอน



ทันทีที่แทร็คแรกอย่าง Wesley's Theory เปิดขึ้นมา เราจะได้ยินประโยค every nigger is a star ทิ้งไว้เป็นประโยคนัยสำคัญให้ได้คิดกันต่อ จากนั้น Jazz ก็ฟุ้งเข้าหูเลยล่ะครับท่าน  จังหวะกำลังดี ฟังแล้วรื่นหู  คลอด้วยเสียงของนักร้องรุ่นเดอะ Geoge Clington  เป็นเพลงเปิดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยที่มาของชื่อเพลงมาจากนักแสดงผิวสีอย่าง Wesley Snipes ที่โดนจับในข้อหาหนีภาษี น่าจะเป็นเพลงที่จิกกัดระบบการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลโดยอ้อมนะครับ ประมาณว่าศิลปินผิวสีโดนเอาเปรียบจากสังคมยังไม่พอ โดนชาร์จภาษีภาษีที่สูงเกินอีก เพลงนี้ได้ Flying Lotus มาproduce ให้

ต่อจากนั้นก็ต่อด้วยinterlude For Free? ตอนผมฟังครั้งแรกก็อุทานเลยว่า อะไรของมัน** ดนตรีออกแนวยั้วเยี้ยมากๆ แร็พก็ออกแนวประชดประชันเกิ๊น ฟังครั้งแรกแทบไม่เก็ทเลย ตอพอฟัง2-3ครั้งก็เอ่อเริ่มเก็ทล่ะ ประมาณว่าเคนดริกเริ่มหลงรักวงการบันเทิงแล้วล่ะครับ เพลงสั้นๆเสียดสีเย้ยหยันได้อย่างมีสีสันดีครับ

https://www.youtube.com/watch?v=hRK7PVJFbS8&spfreload=10


King Kunta แร็พสไตล์ฟังก์จังหวะชวนโยกโคตร ๆผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะชอบเพลงนี้อยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจที่เพลงนี้ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ล เนื้อหาตัดพ้อเพื่อนที่ทรยศ อิจฉาริษยา ถามหามิตรภาพที่แท้จริง

I remember you was conflicted, misusing your influence. Sometimes, I did the same

Institutionalized และ These Wall เป็นเพลงที่คู่ขนานกันครับ โดยเพลงแรกพูดถึงอำนาจของเงินตรา เพลงถัดมาก็เป็นเรื่องผู้หญิง การที่เคนดริกนั้นเริ่มมีชื่อเสียง 2 สิ่งนี้จะตามมาครับ หลงระเริงจนโดนมอมเมาจนแทบโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

institutionalized ได้Snoop Dogg มาร่วมแจมด้วย ป๋านูบแร็พมีเสน่ห์มากๆ ส่วน These Wall หวาบหวามใช้ได้ เปลี่ยนโทนดาร์กในช่วงท้าย ดูดีมีมิติ

Abusing my power full of resentment
Resentment that turned into a deep depression
Found myself screaming in a hotel room






Kendrick ได้เพิ่มระดับความยากด้วยเพลง u เพลงที่รวมของเด็ดไว้เพียบไม่ว่าจะเป็นแร็พแบบดิบๆ องค์ประกอบดนตรีที่ซับซ้อนสุดๆ โทนเพลงที่ดาร์กสร้างความอึดอัดสับสนให้กับคนฟังไม่น้อย ยังดีที่ช่วงครึ่งหลังของเพลงลดความอึดอัดได้บ้าง แร็พแบบเมาๆคลอด้วยดนตรีแจ๊ส kendrick เคยให้สัมภาษณ์ว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ยากที่สุดเท่าที่เคยทำมา โดยเนื้อหาตัดพ้อตัวเองที่หลงระเริงกับชื่อเสียง เงินทอง และเซกส์ จนรู้สึกท้อแท้ที่ไม่สามารถเป็นพี่ชายที่ดีให้กับน้องสาวได้ ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเธอตั้งท้องกับใครไม่รู้ ดั่งท่อนที่ว่า
Situation had stopped with your little sister bakin'
A baby inside, just a teenager, where your patience?
Where was your antennas, where was the influence you speak of?
You preached in front of 100,000 but never reached her
ฟังยากแต่เด็ดดวงของแท้

Alright แทร็คนี้ปลอบโยนความหนักหน่วงจากเพลงที่แล้วได้เป็นอย่างดี จังหวะ Neo-Soul ท่อนฮุกติดหูบวกกับกรูฟเท่ๆอันเป็นเอกลักษณ์ของ Pharrell Williams ช่วยให้เพลงไหลลื่นและลงตัว
ผมเชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบเพลงนี้

I didn't wanna self destruct
The evils of Lucy was all around me
So I went runnin' for answers




For Sale? Interlude อีกต่อนึงที่ดูเหมือนเป็นเพลงมากกว่า เพลงให้อารมณ์เรื่อยๆ ล่องลอย ชิวๆ ดูเหมือนว่าเคนดริกเริ่มคิดอะไรบางอย่างได้ (#ดึงสติกันหน่อยนะ คงจะเหมาะกับคำนิยามของเพลงนี้ เฮ้อ เฮ้อ) ดูเหมือนว่าเคนดริกเริ่มมองวงการเพลงต่างไปจากเดิมแล้วล่ะครับ

Until I came home

ดูเหมือนว่า part นี้เคนดริกกำลังหาทางสงบสติด้วยการกลับบ้าน กลับไปหาคนที่คุ้นเคยตามชื่อเพลง Momma แร็พสไตล์อาร์แอนด์บีฟังได้เรื่อยๆแล้วตบท้ายด้วยแร็พอันสนุกสนาน ถัดไปโทนเพลงเปลี่ยนไปในทางดาร์กขึ้นใน Hood Politics เนื้อหาจิกกัดการเมืองและวงการเพลงแร็พ

But that didn't stop survivor's guilt
Going back and forth
Trying to convince my self the stripes I earned
Or maybe how A-1 my foundation was
But while my loved ones was fighting
A continuous war back in the city
I was entering a new one




พาร์ทนี้ได้หยิบยกประเด็นเรื่อง เงิน เชื้อชาติ และความรุนแรง เริ่มจาก How Much A Dollar Cost แร็พกลิ่นอาย Jazz-soul มีความหนักแน่นมากๆ ได้James Fauntleroy มาร้องฮุกแจมเคลิ้มได้อีก Complexion (Zulu Love) พูดถึงประเด็นที่สบายๆเกี่ยวกับความรักที่ไม่แบ่งแยกเรื่องสีผิว ได้Rapsody แร็พปิดท้าย

https://www.youtube.com/watch?v=6AhXSoKa8xw&spfreload=10

The Blacker The Berry ซิงเกิ้ลที่สองเพลงโทนดาร์กส่งท้ายอัลบั้มชุดนี้ เคนดริกโยนประเด็นเรื่องอคติและการกระทำความรุนแรงที่มีต่อคนผิวสีที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้อย่างถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว ต่อด้วย You Ain't Gotta Lie แก้เลี่ยนซักนิด ฟังดูแล้วอาจไม่มีนัยสำคัญอะไรมาก แต่ฟังได้เรื่อยๆ ปล่อยผ่านไปไม่ได้อยู่ดี

https://www.youtube.com/watch?v=8aShfolR6w8&spfreload=10

i ซิงเกิ้ลแรกที่ฟังง่ายมากที่สุดแล้วในอัลบั้มชุดนี้ ตอนที่ปล่อยเพลงนี้ออกมาครั้งแรก ผมเองก็แอบเสียวเหมือนกันครับว่า เคนดริกจะเข้าสู่เมนสตรีม ทำเพลงแร็พตลาดๆแล้วรึเนี่ย เพลงดูเป็นมิตรกับวิทยุมากๆ แต่เคนดริกก็แก้ขัดได้ด้วยการทำเป็นอัลบั้มเวอร์ชั่น ที่เป็นการร้องสดสลับกับskit ที่เคนดริกกำลังห้ามคนตีกันเพราะเรื่องที่**กระทบกระทั่งนิดๆหน่อยๆ โดยเคนดริก แร็พ acapella N-E-G-U-S เป็นการปิดท้ายให้ทุกคนนั้นได้หยุดทะเลาะกันเสียที เพื่อไม่ให้สูญเสียพี่น้องชาวผิวสีไปมากกว่านี้ (ขออธิบายคำว่า Negus นิดนึง มันเป็นภาษาเอทิโอเปียที่แปลว่า Black King โดยเคนดริกอยากให้คนผิวสีทุกคนเลิกใช้คำว่า Nigga เพื่อลดการสร้างศัตรูซึ่งกันและกัน แล้วหันมาใช้คำว่า Negus แทน )
ข้าพเจ้ารู้สึกชอบ i ในเวอร์ชั่นนี้อยู่ไม่น้อย นอกจากจะครื้นเครงแล้ว มันเป็นแทร็คที่มาเติมเต็มความรู้สึกรักตัวเองได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เคนดริกใส่ความเนื้อน้อยต่ำใจไว้ซะเยอะในหลายๆแทร็คที่ผ่านมา

ปิดท้ายด้วยแทร็คยาว 12นาทีอย่าง Mortal Man ที่ถามหาความซื่อสัตย์ของแฟนเพลงที่มีต่อเขาดั่งท่อนฮุกที่ว่า When shit hit the fan, is you still a fan? และเชิดชูสรรเสริญผู้นำทางการเมืองอย่าง Nelson Mandela , Martin Luther King Jr. และ Malcolm X

A war that was based on apartheid and discrimination
Made me wanna go back to the city and tell the homies what I learned
The word was respect
Just because you wore a different gang colour than mine's
Doesn’t mean I can’t respect you as a black man
Forgetting all the pain and hurt we caused each other in these streets
If I respect you, we unify and stop the enemy from killing us
But I don’t know, I’m no mortal man, maybe I’m just another nigga




หลังจากต่อกลอนจบแล้ว เคนดริกก็ได้ชุบชีวิตราชาเพลงแร็พ 2Pac ขึ้นมาอีกครั้ง นับว่าเป็นการสร้างความท้าทายให้กับสาวกเดนตาย 2Pac อย่างแรง ที่มาของเสียง 2Pac มาจากบทสัมภาษณ์ในปี1994 ในรายการวิทยุ Swedish radio show P3 Soul ซึ่งเสมือนว่า เคนดริกกำลังพูดคุยกับ 2Pacในนิมิตแห่งความฝันอยู่ ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับเทคนิค Hologram ที่ใช้ในคอนเสิร์ตรวมดาวฮิพฮอพ Dr.Dre Snoop Dogg ที่เคยชุบชีวิต 2Pacให้มาอยู่ร่วมเวทีมาแล้ว
ข้าพเจ้าเองก็ได้สืบทราบที่มาของชื่ออัลบั้มดั้งเดิมก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น TPAB อย่าง Tu Pimp A Caterpillar ซึ่งมีนัยยะว่า TUPAC นั่นเอง

การเดินทางตลอด 79 นาทีก็ได้สิ้นสุดเสียที มาถึงการสรุปภาพรวมของอัลบั้มเสียที
อัลบั้ม To Pimp A Butterfly ชุดนี้ภาคดนตรีก็ดาร์กแบบไม่เลี่ยนจนเกินไป ฮิพฮอพแจ๊สเคล้ากับโซลได้อย่างลงตัว มีการจัดเรียงแทร็คได้อย่างลงตัวมากๆ ทุกๆเพลงนั้นมี hint ทิ้งไว้เกือบทุกเพลงผ่าน กลอนของเคนดริกที่พูดกรอกหูปิดท้ายแทบจะทุกเพลง ตอนแรกผมก็รำคาญนะแต่กลอนนี้ใส่ hint บ่งบอกทิศทางของคอนเซปต์ในเพลงถัดไปนั่นเอง มันทำให้เราได้เห็น self development ทางความคิดของตัวศิลปินแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ผ่านบทเรียนที่เรียกว่า ประสบการณ์ของชีวิต ว้าว ! อัจฉริยะโคตรๆใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งภาคเนื้อหาและภาคดนตรีจริงๆ จุดนี้ทำให้อัลบั้มชุดนี้มีความเป็นเอกภาพสูง นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมชอบผลงานชุดนี้โคตรๆ  อัลบั้มชุดนี้จึงเป็นอัลบั้มที่ฟังแบบผ่านๆไม่ได้เลยล่ะครับ เพราะท่านเองอาจจะไม่เก็ทเลยว่า อัลบั้มชุดนี้มันมีดีอย่างไร ตัวศิลปินต้องการจะสื่อสารอะไรให้กับคนฟังกันแน่ คุณต้องฟังตั้งแต่ต้นจนจบทั้งอัลบั้มครับ

แต่มันคงไม่เหมาะแน่ถ้าคุณจะฟังอัลบั้มชุดนี้เพื่อความผ่อนคลาย อันนี้ต้องบอกกันตรงๆ เพราะเนื้อหาค่อนข้างดาร์กและหนักหน่วงเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ต้องเห็นใจในตัวเคนดริกอยู่เหมือนกันครับ ที่ผ่านเรื่องร้ายๆในชีวิตมาเยอะ สังคมเมือง compton บ้านเกิดของเคนดริก อย่างที่รู้ๆกันว่าย่ำแย่ขนาดไหน พอเข้ามาในวงการบันเทิงแล้วก็ต้องรับมือกับอคติในเรื่องสีผิว ด้านมืดของชื่อเสียงอีก มันก็ต้องระบายผ่านเพลงเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคุณเข้าใจก็เยี่ยมเลยครับ คุณได้ฟังอัลบั้มฮิพฮอพที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหนุ่มคนนี้แล้ว



บอกสรรพคุณมาหมดแล้ว หลายคนอาจจะงงว่าทำไมเคนดริกต้องเปรียบเปรยกับผีเสื้อด้วยล่ะ ? อันนี้ผมขอตีความเองนะครับ ก่อนที่จะมาเป็นผีเสื้อที่สวยงามต้องผ่านภัยอันตรายเยอะ ก็ต้องเป็นไข่ หนอนผีเสื้อ ดักแด้ และแตกออกมาเป็นผีเสื้อ ในระยะที่เป็นหนอนผีเสื้อ มันคือศัตรูสำคัญของพืช เพราะมันกินเกือบตลอดเวลา ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่กำลังมีชื่อเสียงที่อยากครอบครองทุกสิ่ง ทั้งเงินทอง นารี โดยไม่คำนึงถึงสังคมรอบข้างเลย ส่วนผีเสื้อก็คงจะเป็นตัวแทนแห่งการหลุดพ้นจากวงจรอุบทว์เหล่านั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเสียเลยกว่าที่เคนดริกจะผ่านจุดๆนั้นมาได้  สิ่งที่เคนดริกได้ทิ้งไว้คือคำถามที่ว่า

เราอยู่ในสถานะไหนกันแน่ระหว่างผีเสื้อหรือหนอนผีเสื้อ น่าคบคิดได้อีก

Top Track : Ahhhhhhh เลือกไม่ถูกเหมือนกัน ทุกแทร็คมันเชื่อมโยงกัน จะบอกได้มั้ยว่าชอบทุกเพลงจริงๆ

Give 10/10 (Perfect , Flawless)




Thanks For Reading
See Ya


All Album Review by Istyle yo! [กระทู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี]
แก้ไขล่าสุด 9 ก.ค. 58 14:09 | เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google