เล่าประสบการณ์ WORK AND TRAVEL จากบทสัมภาษณ์ของนักศึกษา มข.

19 เม.ย. 58 19:41 น. / ดู 4,109 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เราเคยเขียนกระทู้ลงที่ dek-d แล้ว แต่ที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ที่สยามโซนเพราะคิดว่าในบอร์ดของสยามโซนเนี่ยมีวัยรุ่นเยอะ และคิดว่าคงจะมีคนที่กำลังสนใจจะไป WAT แน่นอนเลยมาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจอีกช่องทางนึงเนอะ
วันนี้เราจะมาแบ่งปันบทสัมภาษณ์ของนักศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่องประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ Work & Travel เราและเพื่อนๆในคณะได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจ็คของวิชาพหุวัฒนธรรม โดยเลือกเรื่องเอง และที่เราเลือกเรื่องนี้ก็เพราะว่ากำลังสนใจที่จะไปWATอยู่พอดี และที่นำมาเผยแพร่เนี่ยก็เพราะเราอยากส่งต่อข้อมูลต่างๆ เพื่อที่ให้คนที่กำลังสนใจที่จะไป WAT มาศึกษาข้อมูลกันก่อนที่จะไป WAT กันเนอะ

เริ่มที่บทสัมภาษณ์ของนักศึกษาคนแรกกันเลยนะคะ
นางสาวธนพร พิทักษ์เขื่อนขันธ์ หรือพี่มิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ทำไมถึงไป Work & Travel ?
พี่มีแรงจูงใจจากการที่อยากได้รับประสบการณ์ทางภาษาและการทำงานในต่างแดนจึงได้เข้าร่วมโครงการ WAT
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
ในด้านการเตรียมตัวของพี่ก็ไม่มีอะไรมากนักเพราะมีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนมาก่อนแล้ว ก็มีบางสิ่งที่ต้องเตรียมไปเป็นพิเศษคือ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ในการดำเนินชีวิต
งานที่เลือกทำ?
ตอนแรกพี่เลือกกับโครงการว่าจะทำงานในร้านอาหารเพราะว่าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการกิน เพราะคิดว่าทำงานในครัว ถ้าวันไหนกับข้าวเหลือก็จะสามารถห่อกลับไปกินได้ แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเพราะไปถึงก็ตกงานเลย พี่เลยได้เปลี่ยนงานไปทำงานที่ร้านกิ๊ฟช็อปและเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก ผู้คนไม่ค่อยออกมานอกบ้าน นายจ้างจึงเลือกที่จะไม่เปิดร้านทำให้ตกงานและขาดรายได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำ และยังมีผลกระทบทางด้านการกินอยู่ตามมาอีก ต่อมาพี่ก็พยายามหางานใหม่ จนได้งานเป็นคนขายชุดว่ายน้ำ ของเล่น และของฝาก ที่ร้าน Beach Wear ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยหนักและไม่ยากนัก ทำให้พี่ไม่ได้ประสบปัญหาในการทำงานและพี่ก็ยังชอบงานที่นี่มาก เพราะนายจ้างเข้าใจคนไทย ชอบนิสัยคนไทย ในด้านที่เราทำงานเก่ง ให้ทำอะไรก็ทำ
มี Culture shock มั้ย?
การไป WAT ครั้งนี้ ไม่เจอ Culture shock แต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นครั้งแรกที่เคยไปโครงการแลกเปลี่ยน ก็จะมีด้านวัฒนธรรมการกินที่อาเจนติน่าและวัฒนธรรมการแสดงความรัก คนที่นั่นจะทานแต่เนื้อกับเนย ซึ่งไม่ได้ทานแป้งเลย ทำให้กินได้ไม่เยอะเพราะไม่ชินกับรสชาติ จนทำให้น้ำหนักลดไปถึง 5 กิโลกรัม แล้วการแสดงความรักของคนที่นั่นจะชัดเจน และโจ่งแจ้งมาก ไม่ว่าจะเป็นภายในครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก ยิ่งถ้าเป็นคู่รัก เค้าจะแสดงออกกันทุกที่เลย อยากจู๋จี๋กันที่ไหนก็ทำ จูบกันในที่สาธารณะจนเป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะ
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมก็ได้แลกเปลี่ยนกับคนโรมาเนียในด้านมุมมองที่เค้ามีต่อคนไทย มีการปรับความคิดให้เข้าใจกันมากขึ้น�
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
อุปสรรคช่วงแรกก็จะเป็นสภาพอากาศที่หนาวมาก ด้วยความที่เราเป็นคนไทยจึงค่อนข้างที่ปรับตัวได้ยากและปัญหาเรื่องงานที่ช่วงแรกที่นายจ้างไม่สามารถรับเราเข้าทำงานได้ จึงทำให้พี่ว่างงานถึง 1 เดือนเต็ม พี่จึงต้องได้เปลี่ยนและงานใหม่เอง จำเป็นที่ต้องเดินหางานเป็นกิโล�
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
สุดท้ายนี้พี่ก็อยากจะแนะนำให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ให้เลือกองค์กรที่ดี ใส่ใจเรา ค้นหางานที่ตนเองชอบ เลือกรัฐที่ตนเองสนใจ ใครที่ต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ต่างประเทศก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะต้องลองสักครั้งในชีวิตค่ะ

มาต่อกันที่คนที่สองกันเลยนะคะ
นางสาวสุภัชชา กาลวิบูลย์ หรือพี่ฟิล์ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น�

ทำไมถึงไป Work & Travel ?
เพราะโดยส่วนตัวพี่ฟิล์มชอบการผจญภัย พบเจออะไรใหม่ๆ�โดยได้ไปที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
พี่ฟิล์มได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างถี่ถ้วน พี่ฟิล์มได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งมีผู้พักอาศัยรวมกัน 12 คน จากหลากหลายเชื้อชาติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปัญหาในด้านการสื่อการบ้างในบางครั้ง ส่วนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันก็มีทั้งการพูดคุยกันแลกเปลี่ยนกัน และการทำอาหารร่วมกัน�
งานที่เลือกทำ?
การทำงานพี่ฟิล์มเลือกทำงานที่ร้าน MacDonald ซึ่งนายจ้างเป็นคนเข้มงวดในการทำงานมาก จึงทำให้เกิดความอึดอัดบ้างในเวลาทำงาน แต่ก็สามารถปรับตัวได้ในที่สุด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินชีวิตระหว่าง WAT ?
ปัญหาเรื่องการเงิน พี่ฟิล์มจึงแนะนำผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT ว่า ควรใช้เงินให้เป็น ไม่ควรฟุ่มเฟือยจนเกินไป เพราะจะทำให้เดือดร้อนได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ในเรื่องของภาษาอังกฤษ ไม่ควรไป WAT ที่แคลิฟอเนียร์ เพราะที่นั่นมีคนไทยอยู่เป็นจำนวนมาก หากไปอยู่อาจไม่ได้ฝึกการใช้ภาษาได้มากเท่าที่ควร�
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT นั้น ควรศึกษาข้อมูลให้มากๆ ทั้งเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง วัฒนธรรมหรือเรื่องของสภาพอากาศต่างๆ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้น

นายปกรณ์ พุฒิเสถียร หรือพี่อุ้ม นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยขอนแก่น�เคยเข้าร่วมโครงการ WAT ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐวิสคอนซิน เมืองวิสคอนซินเดลส์�

ทำไมถึงไป Work & Travel ?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยากเข้าร่วมโครงการนี้ก็คือ เราเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ ก็เลยอยากฝึกภาษาที่ใช้ได้จริงได้อยู่กับภาษานั้นจริงๆ ทำให้เราปรับตัวได้กับภาษานั้น แล้วก็พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านต่างๆ อย่างแท้จริง การที่อยู่กับเจ้าของภาษาจะทำไห้เราสื่อสารกับเขาได้อย่างรวดเร็ว �
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
เรื่องการเตรียมตัวก่อนไป พี่ได้ศึกษาสภาพอากาศของเมืองที่เราจะไปจะได้เตรียมเสื้อผ้าของเราที่จะใช้ได้อย่างถูกต้อง ดูโลเคชั่นของสถานที่ที่เราจะไปทำงานว่ามันอยู่ตรงไหน มันมีสถานที่อะไรที่สำคัญๆแถวนั้น เวลาไปเราจะได้ไม่ต้องตื่นตระหนก แน่นอนว่าเราต้องศึกษาวัฒนธรรมก่อนไปอยู่แล้วเพราะแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เพื่อไม่เกิดอาการ culture shock เราต้องศึกษาการใช้ชีวิตของประชากรเมืองนั้น มีอะไรสำคัญ อย่างตัวพี่ก็ศึกษาจาก วีดีโอจาก YouTube ครับ�
การปรับตัวระหว่าง WAT?
พี่ได้อาศัยอยู่กับรูมเมท ซึ่งช่วงแรกเป็นคนฟิลิปปินส์แต่ช่วงหลังเปลี่ยนเป็นคนไทยเพราะคนฟิลิปปินส์เขากรนดัง การปรับตัวในช่วงแรก คือการหัดฟังภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาเพราะมันแตกต่างจากที่เราฟังในห้องเรียนมาก ต้องค่อยๆตั้งใจฟัง แล้วก็มีการปรับตัวเรื่องอากาศ ซึ่งช่วงแรกที่ไปจะเป็นช่วง Spring ของเขาแต่อากาศยังหนาวอยู่ ซึ่งมีอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับอากาศใส่เสื้อผ้าหนาๆ อาการ culture shock นี่ไม่มีเลย เฉยๆมาก� โดยส่วนตัวเป็นคนชอบวัฒนธรรมประเทศอเมริกาอยู่แล้วด้วยจึงไม่ตกใจครับ
งานที่เลือกทำ?
สำหรับการทำงาน พี่เลือกทำร้านอาหารที่ชื่อว่า ร้าน Paul Bunyan's Northwood restaurant ที่เลือกร้านนี้ เพราะคิดว่าร้านอาหารทำไห้เราได้ฝึกภาษากว่างานทั่วไป ประสบการณ์การทำงาน ในช่วงแรกเป็นการทำงานที่หนักมากและมีความสับสน เพราะว่านายจ้างอยากให้เราทำงานทุกตำแหน่ง ทำให้ต้องจดจำรายละเอียดของงานในทุกแผนก นายจ้างเขาก็เป็นคนละเอียดมาก งานทุกอย่างต้องออกมาดีมากๆ ต้องสะอาด ได้มาตรฐาน
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
เรื่องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมก็มีการที่เราทำอาหารไทยให้เขากิน การสอนภาษาไทยเบื้องต้นเช่น การพูดสวัสดี การไหว้ เป็นต้น
อุปสรรคของการไป WAT?
อุปสรรคจากการเข้าร่วมโครงการก็มีเรื่อง ภาษาที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเราแล้วก็ค่าใช้จ่ายที่สูงในช่วงแรก�
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
โครงการ WAT เป็นโครงการที่ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากจะมีประสบการณ์ในชีวิตเยอะๆ แต่อยากฝากให้หาข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ บริษัทหรือว่าตัวงานที่เราเลือก ต้องเลือกให้ match กับตัวเราเอง ไม่ควรตามเพื่อน เพราะว่าเราอาจจะไม่ชอบแล้วก็ไม่อยากทำงานนั้นเลย
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _winda | 19 เม.ย. 58 19:42 น.

มาต่อกันที่สาวสวยคนที่ 4
นางสาวปุณยวีร์ บุญเรือง หรือพี่นิ้ง นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเคยเข้าร่วมโครงการ WAT ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่รัฐ North Carolina เมือง Carolina Beach�

ทำไมถึงไป Work & Travel ?
เพราะเห็นว่าปิดเทอมนานกว่าปกติถึง 6 เดือน และก็อยากฝึกภาษาอังกฤษเพราะเราเรียนเอกอังกฤษ
เตรียมตัวยังไงบ้าง ?
สำหรับการเตรียมตัวก่อนไป พี่ก็เตรียมทุกอย่างตั้งแต่ทำพาสปอร์ตใหม่ ทำวีซ่า เช็คค่าเงินต่างประเทศ รวมไปถึงเมืองที่เราจะไปอยู่ว่ามันเป็นยังไง อากาศ สภาพแวดล้อม อะไรพวกนี้ค่ะ�
การปรับตัวระหว่าง WAT?
ปรับตัวช่วงแรกสำคัญคือเรื่องอาหาร กินยากมาก เพราะพี่ไม่ชอบกินแฮมเบอเกอร์แต่ก็ต้องกิน เรื่องภาษาก็ยากค่ะ เพราะหูเรายังไม่ชินกับภาษาอังกฤษของที่โน่น ทางด้านเรื่องของ Culture shock ก็มีบ้างค่ะคือเวลาเรากินอาหาร Fast food เราชอบเอาไก่ไปจิ้มซอส ฝรั่งก็ชอบถามว่า ทำอะไร? ทำไมต้องจิ้มซอส? เพราะเพื่อนชาวต่างชาติที่ไปกินอาหารด้วยกันเขาไม่กินแบบพี่ค่ะ ส่วนเรื่อง homesick พี่ก็ไม่มีนะ สบายมาก พอถึงเวลาจะได้กลับไทยพี่ก็ไม่อยากจะกลับเลยค่ะ
การทำงาน?
การทำงานพี่เลือกทำงานที่ร้านอาหาร Fast food ค่ะ ชื่อร้าน Hardee's เพราะชอบกิน และก็คิดว่าน่าสนุกดี น่าจะได้คุยกับคนเยอะ พูดถึงเพื่อนรวมงานพวกเขาก็ดีค่ะ ใจดี คุยง่าย แต่นายจ้างดุและก็เป็นคนทำงานเร็ว เข้มงวด แต่เขาก็มีมุมใจดีอยู่บ้าง เพื่อนๆก็ดีค่ะชอบปาร์ตี้ ส่วนใหญ่จะอายุเท่าๆกันที่สนิทกัน สังคมที่นั้นก็ดี เจ้าของบ้านก็ใจดี พวกเขาทำเค้กวันเกิดให้พี่ด้วยค่ะ�
มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนต่างชาติที่ไป WAT เหมือนกับเรายังไงบ้าง?
กิจกรรมที่ทำส่วนใหญ่กับเพื่อชาวต่างชาติก็จะไปช็อปปิ้งซื้อของ ไปเที่ยวทะเลกัน และก็มีปาร์ตี้บ้างบางครั้งค่ะ สำหรับอุปสรรคจากการเข้าร่วมโครงการก็เป็นเรื่องของวัฒนธรรมการกินจากที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ ซึ่งได้รู้ว่าปกติชาวต่างชาติเขากินแบบไหน รวมถึงได้รู้ว่าในวันสำคัญๆ พวกเขาเขาทำอะไรกัน เช่น เทศกาลวัน Easter แล้วเราก็แบ่งปันวัฒนธรรมบ้านเราให้เค้ารู้ว่าวันสงกรานต์ บ้านเราทำอะไรกันบ้าง เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สนุกดีค่ะ และอุปสรรคอีกหนึ่งอย่างก็คือการปรับตัวเรื่องภาษาค่ะ พี่ฟังไม่ออก เพราะพี่ไม่เคยต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในชีวิตประจำวันค่ะ ใช้เวลาสักพักกว่าจะชินค่ะ�
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังสนใจจะไป WAT ?
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ WAT นะคะ พี่แนะนำให้ไปค่ะ ได้อะไรมากกว่าที่คิดและคุ้มมาก รีบไปกันนะคะ

นายพันธุ์เทพ นำสุวัฒน์ หรือพี่ตั้ง ว่าที่บัณฑิตคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์� สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พี่ตั้งเคยไปโครงการ�WAT�ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา,�รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี พ.ศ. 2557�
ปัจจัยที่ทำให้พี่ตั้งอยากไป WAT คือต้องการฝึกภาษา หาประสบการณ์ และเพื่อการท่องเที่ยว ก่อนการตัดสินใจ พี่ตั้งได้หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างถี่ถ้วน เพื่อเลือกบริษัทตัวแทนที่น่าเชื่อถือ ก่อนการเดินทางได้ตรวจเช็คเรื่องเอกสารและเวลาเดินทางอย่างรอบคอบ รวมไปถึงสิ่งของที่จำเป็น เช่น ยาประจำตัว หรืออาหารสำเร็จรูป� สำหรับการปรับตัวเรื่องเวลาแน่นอนว่าลำบากในช่วงแรก เพราะเวลาที่ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาแตกต่างกันมาก พี่ตั้งเลือกงานทำเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ Enchantment Resort เพราะอยากลองงานนี้ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ส่วนในเรื่องของอาหารการกินต่างและกิจกรรมต่างๆ พี่ตั้งใช้คติ� YOLO หรือ You only live once พี่ตั้งได้ทดลองอาหาร, เครื่องดื่ม และกิจกรรมต่างๆที่เพื่อนต่างชาติชักชวน แต่สิ่งที่ลองก็อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและปลอดภัย ปัญหาที่พบในการปรับตัวคือ โดยนิสัยส่วนตัวพี่ตั้งมักเป็นคนตรงๆ จึงทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนๆบ้าง แต่ก็ได้เรียนรู้และค่อยๆปรับตัวในช่วงหลังๆ ทำให้ไม่เกิดปัญหาและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อย่างแรกคือ เรื่องของภาษา เพราะทั้งเพื่อนร่วมงาน และรูมเมทต่างก็มาจากหลากหลายชนชาติเช่น อังกฤษ, จาไมกา, สเปน, ฟิลิปปินส์, บอสเนีย, จีน และกรีก ต่างคนจึงมีการนำภาษาของตนเองมาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน นอกจากการแลกเปลี่ยนภาษาแล้วยังมีการบอกเล่าเรื่องราวและวัฒนธรรมต่างๆของประเทศตนเองให้เพื่อนๆได้รับรู้ อีกทั้งยังมีการทำกิจกรรมร่วมกันเช่น ทำอาหาร เครื่องดื่ม นับว่าได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ�
พี่ตั้งยังบอกอีกว่า การได้เข้าร่วมโครงการ WAT นั้นได้อะไรกลับมามากกว่าประสบการณ์หรือเงิน นั่นก็คือ มิตรภาพจากเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้เรียนรู้ถึงการปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจนะคะ แล้วเราก็หวังว่ากระทู้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของทุกๆคน

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | mirandachi- | 27 มิ.ย. 58 18:28 น.

แปะๆ ขอบคุณ จขกท.มากค่ะที่แชร์ประสบการณ์ดีๆแบบนี้ 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google