Big Game ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
20 เม.ย. 58 16:30 น. /
ดู 1,026 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Big Game ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"ประธานาธิบดีบุกป่า"
ถือได้ว่าเป็นการกลับมาของกระแสภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ปีที่แล้วมีภาพยนตร์อย่าง Olympus has Fallen และ White House Down ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า Big Game ค่อนข้างจะเป็นภาพยนตร์ประธานาธิบดีที่แปลกทีเดียว
Big Game ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต้องไปตั้งแคมป์ในป่าตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แต่ในระหว่างนั้นเอง เครื่องบินของประธานาธิบดีก็ถูกโจมตีและตกลงในแถวป่าที่เขาอาศัยอยู่ เรื่องราวทุกอย่างจึงต้องมาพัวพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งความแปลกใหม่ของ Big Game ที่น่าจะสร้างความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ก็คือนอกจากมันจะเป็นภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดีแล้ว มันยังเป็นภาพยนตร์ที่นำเรื่องราวความเชื่อและประเพณีของวัฒนธรรมประเทศอื่น ซึ่งในที่นี้ก็คือ ฟินแลนด์ มาผสมผสานเทียบเคียงวัฒนธรรมกันได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เฉกเช่น ความเชื่อในการพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายอย่างแรงกล้า และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม น่าเสียดายที่ความแปลกใหม่นี้ ค่อนข้างจะถูกลบเลือนจนจางหายไปในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง และก็ถูกแทนที่ด้วยความซ้ำซากที่ดูจะเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยากในภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดี ที่มีจำนวนภาพยนตร์ประเภทนี้ที่มากมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ตัวละครร้ายที่เดิมๆ หรือ บทที่คาดเดาง่าย ซึ่ง Big Game ก็แทบจะไม่มีสิ่งใหม่ที่น่าสนใจมานำเสนอ หรือสร้างความโดดเด่นจากภาพยนตร์แนวเดียวกันเรื่องอื่นๆเลย
ที่น่าเสียดายเข้าไปอีก ก็คือการออกแบบฉากแอ็คชั่นไล่ล่า รวมทั้งการเล่าเรื่องทั้งหลาย ก็ดาษดื่น ไม่น่าสนใจ จนทำให้ไม่รู้สึกร่วมไปกับตัวภาพยนตร์ซักเท่าไรนักเลย ถึงแม้ว่าในด้านของสถานที่ถ่ายทำ และการกำกับภาพจะสวยงามมากๆก็ตาม โดยรวมจึงทำให้ Big Game เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนุกหรือตื่นเต้นมากนัก อารมณ์ประมาณดูได้เรื่อยๆมากกว่า
สิ่งที่ Big Game ดูเหมือนจะทำได้ดีที่สุด ก็คือในด้านของข้อคิดและประเด็นที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะพูดถึง เพราะมันน่าสนใจจริงๆ โดยเฉพาะ การนำเรื่องของการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง และความภาคภูมิในความเป็นชาย ซึ่งตัวภาพยนตร์นำด้านของเด็กหนุ่มผู้ซึ่งต้องพิสูจน์ตนเองต่อเผ่าและพ่อของเขา มาเปรียบเทียบกับ ประธานาธิบดีที่ภายนอกดูยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ แต่ภายในไม่เอาไหน ได้อย่างยอดเยี่ยม (ทำให้นึกถึงผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี สุดๆ)
ในท้ายที่สุดแล้ว Big Game ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่สามารถนำเสนอสิ่งแปลกและสดใหม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางด้านของมันที่น่าสนใจ แต่หลายๆด้านก็ยังคงซ้ำซากจำเจ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือฉากแอ็คชั่นต่างๆก็ยังไม่น่าตื่นเต้นพอที่จะทำให้เรารู้สึกอยากที่จะจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้เลย
Final Score : [ 6 / 10 ]
ถือได้ว่าเป็นการกลับมาของกระแสภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ปีที่แล้วมีภาพยนตร์อย่าง Olympus has Fallen และ White House Down ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า Big Game ค่อนข้างจะเป็นภาพยนตร์ประธานาธิบดีที่แปลกทีเดียว
Big Game ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต้องไปตั้งแคมป์ในป่าตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แต่ในระหว่างนั้นเอง เครื่องบินของประธานาธิบดีก็ถูกโจมตีและตกลงในแถวป่าที่เขาอาศัยอยู่ เรื่องราวทุกอย่างจึงต้องมาพัวพันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งความแปลกใหม่ของ Big Game ที่น่าจะสร้างความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ก็คือนอกจากมันจะเป็นภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดีแล้ว มันยังเป็นภาพยนตร์ที่นำเรื่องราวความเชื่อและประเพณีของวัฒนธรรมประเทศอื่น ซึ่งในที่นี้ก็คือ ฟินแลนด์ มาผสมผสานเทียบเคียงวัฒนธรรมกันได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เฉกเช่น ความเชื่อในการพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายอย่างแรงกล้า และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม น่าเสียดายที่ความแปลกใหม่นี้ ค่อนข้างจะถูกลบเลือนจนจางหายไปในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง และก็ถูกแทนที่ด้วยความซ้ำซากที่ดูจะเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยากในภาพยนตร์ไล่ล่าประธานาธิบดี ที่มีจำนวนภาพยนตร์ประเภทนี้ที่มากมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ตัวละครร้ายที่เดิมๆ หรือ บทที่คาดเดาง่าย ซึ่ง Big Game ก็แทบจะไม่มีสิ่งใหม่ที่น่าสนใจมานำเสนอ หรือสร้างความโดดเด่นจากภาพยนตร์แนวเดียวกันเรื่องอื่นๆเลย
ที่น่าเสียดายเข้าไปอีก ก็คือการออกแบบฉากแอ็คชั่นไล่ล่า รวมทั้งการเล่าเรื่องทั้งหลาย ก็ดาษดื่น ไม่น่าสนใจ จนทำให้ไม่รู้สึกร่วมไปกับตัวภาพยนตร์ซักเท่าไรนักเลย ถึงแม้ว่าในด้านของสถานที่ถ่ายทำ และการกำกับภาพจะสวยงามมากๆก็ตาม โดยรวมจึงทำให้ Big Game เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนุกหรือตื่นเต้นมากนัก อารมณ์ประมาณดูได้เรื่อยๆมากกว่า
สิ่งที่ Big Game ดูเหมือนจะทำได้ดีที่สุด ก็คือในด้านของข้อคิดและประเด็นที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะพูดถึง เพราะมันน่าสนใจจริงๆ โดยเฉพาะ การนำเรื่องของการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง และความภาคภูมิในความเป็นชาย ซึ่งตัวภาพยนตร์นำด้านของเด็กหนุ่มผู้ซึ่งต้องพิสูจน์ตนเองต่อเผ่าและพ่อของเขา มาเปรียบเทียบกับ ประธานาธิบดีที่ภายนอกดูยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ แต่ภายในไม่เอาไหน ได้อย่างยอดเยี่ยม (ทำให้นึกถึงผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี สุดๆ)
ในท้ายที่สุดแล้ว Big Game ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่สามารถนำเสนอสิ่งแปลกและสดใหม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางด้านของมันที่น่าสนใจ แต่หลายๆด้านก็ยังคงซ้ำซากจำเจ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือฉากแอ็คชั่นต่างๆก็ยังไม่น่าตื่นเต้นพอที่จะทำให้เรารู้สึกอยากที่จะจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้เลย
Final Score : [ 6 / 10 ]
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google