The Last Five Years ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
7 พ.ค. 58 12:44 น. /
ดู 901 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
The Last Five Years ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"บทเพลงแด่ชีวิตรักของเรา"
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความนิยมของภาพยนตร์เพลง ที่มีต้นฉบับมาจากละครเวที ก็มากขึ้นจนมีให้เห็นกันแทบจะทุกปีเลยทีเดียว จากปีก่อนๆอย่าง Les Miserables และต้นปีนี้กับ Into the Woods ซึ่งทั้งสองภาพยนตร์ก็ค่อนข้างจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมหลายๆคนไม่ใช่น้อย
และคราวนี้ แอนนา เคนดริก นักแสดงสาวสวยผู้มีเสียงอันไพเราะ ก็กลับมารับบทในภาพยนตร์เพลงอีกครั้งหนึ่ง จากต้นปีที่เธอเพิ่งจะรับบทเป็นซินเดอเรลล่าใน Into the Woods ของดิสนีย์มาหมาดๆ
The Last Five Years เป็นภาพยนตร์ที่พาเราลงไปสำรวจชีวิตคู่ในเวลา 5 ปีของสองพระนาง เคธี่ กับ เจมี่ ผ่านอุปสรรค และปมปัญหามากมาย ที่อาจจบลงอย่างน่าเศร้า
สิ่งที่ดูจะเป็นแสงสว่าง ความหวัง และเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ต้องหนีไม่พ้นตัวนักแสดงอย่าง แอนนา เคนดริก เอง ตั้งแต่เสียงอันไพเราะ ยันการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ ซึ่งทำให้เราอยากที่จะเอาใจช่วยเธออยู่ตลอดเวลา
แต่ตัวภาพยนตร์ก็ดันมีปัญหาร้ายแรงอยู่หนึ่งประการ หรือ อาจจะพูดได้ว่าหลายประการ เพราะปัญหานี้ ก็คือทุกสิ่งๆทุกๆอย่างที่ฉายอยู่บนจอภาพยนตร์นั้นเอง
เนื่องจากทุกสรรพสิ่งบนจอภาพยนตร์มันจืดชืดไปหมด ตั้งแต่งานออกแบบฉาก เสื้อผ้า โปรดัคชั่นดีไซน์ที่ไร้สีสัน น่าเบื่อ หรือ การกำกับภาพที่ย่ำแย่ของภาพยนตร์ เพราะหลายๆมุมกล้องถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก ซ้ำยังขาดความคิดสร้างสรรค์ ที่แย่เข้าไปอีก ก็คือการเคลื่อนไหวของกล้องและตัวละคร ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากๆในภาพยนตร์ Into the Woods แต่ใน The Last Five Years การเคลื่อนไหวเหล่านี้กลับติดๆขัดๆ น่าเบื่อ และไร้ชีวิตชีวา ไม่แน่ใจว่าต้นตอปัญหาของหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเนื่องมาจากงบประมาณเพียงแค่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยหรือไม่ จึงเป็นเหตุทำให้ทุกๆสิ่งออกมาครึ่งๆกลางๆเช่นนี้
ถึงกระนั้นก็ตาม โชคยังดีที่บทเพลงอันไพเราะหลายๆเพลง และเคมีที่เข้ากันของทั้งสองนักแสดงหลักก็ช่วยพยุงตัวภาพยนตร์ให้น่าดู น่าติดตามได้อยู่บ้าง
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่น่านำมาครุ่นคิดจริงๆ ก็คือการเปลี่ยนถ่ายจากละครเวทีมาสู่ภาพยนตร์ของ The Last Five Years ซึ่งผู้เขียนได้ไปค้นหาข้อมูลมาภายหลังจากได้ชมภาพยนตร์ และก็ไปสะดุดกับจุดเด่นของ The Last Five Years ฉบับละครเวทีอยู่จุดหนึ่ง ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องอันแปลกใหม่ของมัน โดยในฉบับละครเวทีนั้นจะเล่าเรื่องผลัดกันไปมาของสองตัวละครหลัก เคธี่จะเริ่มเรื่องจากตอนฉากจบของเรื่องเล่าย้อนกลับมาตอนที่ทั้งสองคนเจอกันครั้งแรก ถ้านับเป็นตัวเลข การเล่าเรื่องของเคธี่ก็เหมือนนับ 10 ย้อนกลับมา 1
ในขณะที่ตัวละคร เจมี่ เล่าเรื่องไล่ตามเวลาปกติ โดยเริ่มจากตอนที่สองคนเจอกันครั้งแรกมาสู่จุดสิ้นสุดของทั้งคู่ หรือก็คือนับเลข 1 ไปถึง 10 ตามปกติ และในแต่ละช่วงของแต่ละคน ตัวละครหลักทั้งสองตัวจะไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันอย่างตรงๆ(คิดง่ายๆว่าไม่มีการร้องเพลงร่วมกัน)อีกด้วย เช่นถ้าหากช่วงนี้เป็นช่วงของ เจมี่ ก็จะมีแต่เพียงเจมี่ที่ร้องเพลงเท่านั้น ส่วนเคธี่อาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในฉาก หรือถึงมีก็ไม่ได้ร้องเพลงร่วมกัน ยกเว้นฉากแต่งงานซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของเรื่องที่ทั้งคู่ดำเนินมาเจอกันพอดี
ซึ่งการเล่าเรื่องเช่นนี้ในฉบับละครเวที ก็ถูกนำมาใช้ในตัวภาพยนตร์เช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะมาทราบถึงการเล่าเรื่องเช่นนี้ในตอนหลังที่ได้ชมตัวภาพยนตร์รึเปล่า ถึงได้ทำให้รู้สึกว่าตัวผู้กำกับ ริชาร์ด ลาแกรฟเนสส์ ก็ยังเล่าเรื่องได้จืดชืดมากอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะมีแนวทางการเล่าที่แปลกใหม่เช่นนี้แล้วก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดใน The Last Five Years ก็คงจะหนีไม่พ้นการสอดแทรกเรื่องราวชีวิตรักอันแสนขมขื่น ความไม่เข้าใจกันของทั้งสองฝ่ายได้อย่างน่าติดตาม และเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่ยัดเยียด หรือพยายามเรียกน้ำตาจนน่ารำคาญเหมือนภาพยนตร์โรแมนติก/คอเมดี้ เรื่องอื่นๆ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นความจริงที่ว่าผู้สร้าง The Last Five Years ฉบับละครเวที เจสัน โรเบิรต์ บราวน์ ได้นำปัญหาการแต่งงานในชีวิตของตัวเองมาแต่งเป็นละครเวทีจริงๆ และความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ ก็ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงสุดท้ายอันแสนข่มขื่นที่ทั้งสองตัวละครหลักร้องพร้อมกันในตอนท้ายซึ่งมีชื่อเพลงว่า "ลาก่อน จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ / ฉันไม่อาจที่จะช่วยเธอได้ " (Goodbye Until Tomorrow / I Could Never Rescue You)
Final Score : [ 6.5 / 10 ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความนิยมของภาพยนตร์เพลง ที่มีต้นฉบับมาจากละครเวที ก็มากขึ้นจนมีให้เห็นกันแทบจะทุกปีเลยทีเดียว จากปีก่อนๆอย่าง Les Miserables และต้นปีนี้กับ Into the Woods ซึ่งทั้งสองภาพยนตร์ก็ค่อนข้างจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมหลายๆคนไม่ใช่น้อย
และคราวนี้ แอนนา เคนดริก นักแสดงสาวสวยผู้มีเสียงอันไพเราะ ก็กลับมารับบทในภาพยนตร์เพลงอีกครั้งหนึ่ง จากต้นปีที่เธอเพิ่งจะรับบทเป็นซินเดอเรลล่าใน Into the Woods ของดิสนีย์มาหมาดๆ
The Last Five Years เป็นภาพยนตร์ที่พาเราลงไปสำรวจชีวิตคู่ในเวลา 5 ปีของสองพระนาง เคธี่ กับ เจมี่ ผ่านอุปสรรค และปมปัญหามากมาย ที่อาจจบลงอย่างน่าเศร้า
สิ่งที่ดูจะเป็นแสงสว่าง ความหวัง และเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ต้องหนีไม่พ้นตัวนักแสดงอย่าง แอนนา เคนดริก เอง ตั้งแต่เสียงอันไพเราะ ยันการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ ซึ่งทำให้เราอยากที่จะเอาใจช่วยเธออยู่ตลอดเวลา
แต่ตัวภาพยนตร์ก็ดันมีปัญหาร้ายแรงอยู่หนึ่งประการ หรือ อาจจะพูดได้ว่าหลายประการ เพราะปัญหานี้ ก็คือทุกสิ่งๆทุกๆอย่างที่ฉายอยู่บนจอภาพยนตร์นั้นเอง
เนื่องจากทุกสรรพสิ่งบนจอภาพยนตร์มันจืดชืดไปหมด ตั้งแต่งานออกแบบฉาก เสื้อผ้า โปรดัคชั่นดีไซน์ที่ไร้สีสัน น่าเบื่อ หรือ การกำกับภาพที่ย่ำแย่ของภาพยนตร์ เพราะหลายๆมุมกล้องถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก ซ้ำยังขาดความคิดสร้างสรรค์ ที่แย่เข้าไปอีก ก็คือการเคลื่อนไหวของกล้องและตัวละคร ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากๆในภาพยนตร์ Into the Woods แต่ใน The Last Five Years การเคลื่อนไหวเหล่านี้กลับติดๆขัดๆ น่าเบื่อ และไร้ชีวิตชีวา ไม่แน่ใจว่าต้นตอปัญหาของหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเนื่องมาจากงบประมาณเพียงแค่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยหรือไม่ จึงเป็นเหตุทำให้ทุกๆสิ่งออกมาครึ่งๆกลางๆเช่นนี้
ถึงกระนั้นก็ตาม โชคยังดีที่บทเพลงอันไพเราะหลายๆเพลง และเคมีที่เข้ากันของทั้งสองนักแสดงหลักก็ช่วยพยุงตัวภาพยนตร์ให้น่าดู น่าติดตามได้อยู่บ้าง
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่น่านำมาครุ่นคิดจริงๆ ก็คือการเปลี่ยนถ่ายจากละครเวทีมาสู่ภาพยนตร์ของ The Last Five Years ซึ่งผู้เขียนได้ไปค้นหาข้อมูลมาภายหลังจากได้ชมภาพยนตร์ และก็ไปสะดุดกับจุดเด่นของ The Last Five Years ฉบับละครเวทีอยู่จุดหนึ่ง ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องอันแปลกใหม่ของมัน โดยในฉบับละครเวทีนั้นจะเล่าเรื่องผลัดกันไปมาของสองตัวละครหลัก เคธี่จะเริ่มเรื่องจากตอนฉากจบของเรื่องเล่าย้อนกลับมาตอนที่ทั้งสองคนเจอกันครั้งแรก ถ้านับเป็นตัวเลข การเล่าเรื่องของเคธี่ก็เหมือนนับ 10 ย้อนกลับมา 1
ในขณะที่ตัวละคร เจมี่ เล่าเรื่องไล่ตามเวลาปกติ โดยเริ่มจากตอนที่สองคนเจอกันครั้งแรกมาสู่จุดสิ้นสุดของทั้งคู่ หรือก็คือนับเลข 1 ไปถึง 10 ตามปกติ และในแต่ละช่วงของแต่ละคน ตัวละครหลักทั้งสองตัวจะไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันอย่างตรงๆ(คิดง่ายๆว่าไม่มีการร้องเพลงร่วมกัน)อีกด้วย เช่นถ้าหากช่วงนี้เป็นช่วงของ เจมี่ ก็จะมีแต่เพียงเจมี่ที่ร้องเพลงเท่านั้น ส่วนเคธี่อาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในฉาก หรือถึงมีก็ไม่ได้ร้องเพลงร่วมกัน ยกเว้นฉากแต่งงานซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของเรื่องที่ทั้งคู่ดำเนินมาเจอกันพอดี
ซึ่งการเล่าเรื่องเช่นนี้ในฉบับละครเวที ก็ถูกนำมาใช้ในตัวภาพยนตร์เช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะมาทราบถึงการเล่าเรื่องเช่นนี้ในตอนหลังที่ได้ชมตัวภาพยนตร์รึเปล่า ถึงได้ทำให้รู้สึกว่าตัวผู้กำกับ ริชาร์ด ลาแกรฟเนสส์ ก็ยังเล่าเรื่องได้จืดชืดมากอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะมีแนวทางการเล่าที่แปลกใหม่เช่นนี้แล้วก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดใน The Last Five Years ก็คงจะหนีไม่พ้นการสอดแทรกเรื่องราวชีวิตรักอันแสนขมขื่น ความไม่เข้าใจกันของทั้งสองฝ่ายได้อย่างน่าติดตาม และเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่ยัดเยียด หรือพยายามเรียกน้ำตาจนน่ารำคาญเหมือนภาพยนตร์โรแมนติก/คอเมดี้ เรื่องอื่นๆ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นความจริงที่ว่าผู้สร้าง The Last Five Years ฉบับละครเวที เจสัน โรเบิรต์ บราวน์ ได้นำปัญหาการแต่งงานในชีวิตของตัวเองมาแต่งเป็นละครเวทีจริงๆ และความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ ก็ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงสุดท้ายอันแสนข่มขื่นที่ทั้งสองตัวละครหลักร้องพร้อมกันในตอนท้ายซึ่งมีชื่อเพลงว่า "ลาก่อน จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ / ฉันไม่อาจที่จะช่วยเธอได้ " (Goodbye Until Tomorrow / I Could Never Rescue You)
Final Score : [ 6.5 / 10 ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google