ถุงยางเปลี่ยนสีได้เมื่อสัมผัสเชื้อโรค

https://www.youtube.com/watch?v=gZlDLkMW7pk


นักเรียนกลุ่มหนึ่งได้รับรางวัลในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ TeenTech Award ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยที่สามารถตรวจจับเชื้อโรคที่เป็นพาหะของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้โดยให้ชื่อว่า S.T.EYE (เอส ที อาย)ซึ่งจะทำให้ถุงยางอนามัยเปลี่ยนสีไปจากเดิมเมื่อสัมผัสเข้ากับเชื้อเหล่านี้ สิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้เป็นของ แดเนียล อาลี อายุ 14 ปี, มูอาซ นาวาซ อายุ 13 ปี, และ ชีรัก ชาห์ อายุ 14 ปี นักเรียนจากสถาบัน ไอแซค นิวตัน ในแคว้นเอสเซ็กส์ของอังกฤษ ซึ่งเหตุผลที่คิดค้น S.T.EYE นั้นเพราะต้องการให้วิธีการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอนาคตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในรุ่นต่อๆไปเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อแบบไม่ตั้งใจและที่ตั้งใจไปด้วยในตัวและผู้ใช้สามารถตรวจหาได้เองแทนที่การไปสถานพยาบาลที่มีกระบวนการยุ่งยากนอกจากนั้นยังสร้างความรับผิดชอบให้เกิดแก่ผู้มีเชื้ออยู่แล้วไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นด้วย

ถุงยางอนามัย S.T.EYE จะมีชั้นเคลือบผิวแอนติบอดี้ที่จะทำปฏิกิริยากับแอนติเจนของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคและจะแสดงผลด้วยสีสันที่แตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเชื้อสีเขียวคือเชื้อคลามีเดียหรือเชื้อหนองในเทียมสีเหลืองคือเชื้อเริม และสีฟ้าคือเชื้อซิฟิลิสโดยมันยังทำปฏิกิริยากับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหูดที่อวัยวะเพศด้วยและ S.T.EYE ดูเหมือนจะเป็นโปรเจ็คต์เดียวของงาน TeenTech Award ที่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้และเกิดจากนักเรียนเป็นคนคิดค้นขึ้นซึ่งเด็กทั้ง 3 ชนะการประกวดในหมวดของสิ่งประดิษฐ์เพื่อสุขภาพพวกเขาได้รับเงินรางวัลจำนวน 5 หมื่น 3 พันบาทและจะเดินทางไปรับพระราชทานรางวัลจากเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์กที่พระราชวังบักกิ้งแฮมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้

แมกกี้ ฟิลบิน ซีอีโอผู้ก่อตั้งมูลนิธิ TeenTech สนับสนุนให้เด็กๆนำไอเดียออกมาจากห้องเรียนและนำมาเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ช่วยให้พวกเขาได้เห็นโลกกว้างของความคิดร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพนอกจากถุงยางอนามัยเปลี่ยนสีได้ของเด็กทั้ง 3 คนนี้แล้วยังมีสิ่งประดิษฐ์อีกหลายอย่างที่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้หากได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นในอนาคต เช่น รองเท้าชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างก้าวเดิน, เครื่องประดับติดผมที่เปลี่ยนสีให้เข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ และ eWaterTap อุปกรณ์ที่ช่วยให้ชาวชนบนในแอฟริกาได้จัดสรรน้ำและจัดการระบบน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา  :  http://mono29.mthai.com/program/%E0.........%B8%B7%E0%B9%88


.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องเบ็ดเตล็ด ...