ไม่ใช่ทุกคนที่ทำเลสิคได้
28 ส.ค. 58 14:36 น. /
ดู 1,498 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
โดยทั่วไปการตรวจดวงตาก่อนทำเลสิกได้แก่
วัดระดับสายตาสั้น สายตาเอียง สายตายาว ที่แน่นอน โดยเฉพาะผู้ใช้คอนแทคเลนส์ต้องงดการใช้คอนแทคเลนส์ชนิดแข็งติดต่อกัน 3 วันเต็มสำหรับแบบนิ่ม เนื่องจากการใช้คอนแทคเลนส์กดตาอยู่นานๆอาจเปลี่ยน ความโค้งของกระจกตาชั่วคราวทำให้วัดระดับสายตาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
ตรวจกระจกตาดูว่ามีโรคที่เป็นข้อห้ามในการทำเลสิกหรือไม่ วัดความโค้งของกระจกตาในบริเวณต่างๆอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีภาวะกระจกตาย้วยหรือไม่ ตลอดจนความหนาของกระจกตา
วัดความดันตาตรวจโรคต้อหิน หากมีโรคต้อหินอาจจะไม่เหมาะในการทำเลสิก
วัดขนาดรูม่านตาในที่มืด การยิงเลเซอร์ควรจะให้กว้างกว่าขนาดรูม่านตาเพื่อลดภาวะการเห็น แสงจ้าในเวลากลางคืน
ตรวจจอตาอย่างละเอียดเนื่องจากผู้ที่มีสายตาสั้นมากมักมีความผิดปกติของจอตาอาทิเช่น จุดรับภาพบนจอตาเสื่อม จอตาฉีกขาด จอตาบาง หากพบความผิดปกติควรแก้ไขก่อนมาทำเลสิก
บุคคลที่ไม่สมควรหรือไม่เหมาะที่จะทำเลสิกคือ
- บุคคลที่มีตาดีข้างเดียว การแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยแว่นตาจึงน่าจะปลอดภัยกว่าดังได้กล่าว แล้ว
ผู้มีประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆทางตาร่วมด้วยโดยเฉพาะบริเวณกระจกตา เป็นแผลที่กระจกตา ผิวตาดำไม่เรียบ เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง และ/หรือ ตาแห้ง
- โรคกระจกตาย้วย หรือกระจกตารูปกรวย (Keratoconus, โรคชนิดหนึ่งที่มีการเสื่อมของกระจกตาส่งผลให้กระจกตาบางและเป็นรูปกรวย) เป็นภาวะที่ห้ามทำเลสิกเนื่องจากพบอาการตาย้วยมากขึ้นจนกระจกตาเสียรูป ทำให้สายตามัวลงอย่างมากในเวลาต่อมาได้
CR PIC :: http://www.rx.co.th/
- หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคหลอดเลือด โรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) เช่น
โรคข้อรูมาตอยด์ โรคเอสแอลอี/โรคพุ่มพวง (SLE, Systemic lupus erythematosus) ฯลฯ
- ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักจะมีการสมานแผลของผิวกระจกตาที่ผิดปกติ อาจทำให้กระจกตาเปื่อยและรุนแรงทำให้สูญเสียสายตาได้ แม้แต่โรคเบาหวานก็อาจทำให้แผลหายช้า เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้
- ผู้ป่วยที่มีโรคทางกายเรื้อรัง ยาบางตัวอาจทำให้กระจกตาผิดปกติเช่น ยาสารเคมีรักษาโรค มะเร็ง หรือยาAmiodarone (ยารักษาโรคหัวใจเต้นผิดปกติ) ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดเป็นฝ้าขาวหลังทำเลสิกได้ง่าย
- ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากหรือโค้งน้อยเกินไป การทำเลสิกอาจมีผลคลาดเคลื่อนได้สูง
- ผู้ที่มีกระจกตาบางเกินไปด้วยเหตุที่การแก้ไขสายตาสั้นจะต้องฝานกระจกตาด้วยเลเซอร์ประ มาณ 10 ไมครอนในการแก้ไขสายตาสั้น 1 D หากกระจกตาบางอยู่แล้ว เมื่อฝานออกจะยิ่งบางลงๆ โดยทั่วไปถ้ากระจกบางลงมากจะทำให้กระจกตาไม่อาจคงรูปเหมือนปกติ เกิดภาวะกระจกตาย้วยซึ่งทำให้สายตามัวลงอย่างมากได้
- ข้อที่ห้ามทำเป็นอย่างยิ่งก็คือผู้ที่คาดหวังกับสายตาหลังทำมากเกินไป เนื่องจากหลังทำอาจ มีการสูญเสียบางอย่างเช่น สายตาเวลากลางคืนมองเห็นลดลง ตาสู้แสงไม่ได้/ตาแพ้แสง แสบตา ตาแห้งง่ายขึ้น
การดูแลตนเองการพบจักษุแพทย์หลังการทำเลสิกได้แก่
- ต้องระลึกไว้เสมอว่าหลังทำเลสิกสายตาจะคงที่หรือดวงตาจะกลับมาปกติ อาจใช้เวลานานถึงประมาณ 6 เดือน
- ปฏิบัติตามจักษุแพทย์และพยาบาลจักษุแนะนำอย่างถูกต้องเคร่งครัด
- ต้องพยายามไม่ขยี้ตา
- ป้องกันดวงตาในขณะนอนหลับตามจักษุแพทย์พยาบาลจักษุแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการกดทับดวงตาหรือแผลผ่าตัด
- หยอดตาและกินยาต่างๆตามจักษุแพทย์แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาต
- ไม่ใช้เครื่องสำอางใบหน้าและดวงตาจนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาต เพราะอาจเป็นสาเหตุให้สารเคมีเหล่านี้เข้าตาก่อการอักเสบติดเชื้อได้
- ระวังน้ำเข้าตาจึงไม่ควรว่ายน้ำหรือทำซาวนาหรือใช้อ่างอาบน้ำ
- เลือกเล่นกีฬาชนิดปลอดภัยต่อดวงตา ลดโอกาสเกิดการกระแทกดวงตา
- ไม่ขับรถจนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาตโดยเฉพาะการขับรถกลางคืน
- เมื่อเกิดความผิดปกติต่างๆกับดวงตาหรือกับสายตา รีบพบจักษุแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมงหรือฉุกเฉินตามคำแนะนำล่วงหน้าของจักษุแพทย์
ขอให้ทุกคนที่มีปัญหาสายคา มีทางออกในการกลับมาเห็นทุกอย่างดีดังเดิม ^_^
ตรวจกระจกตาดูว่ามีโรคที่เป็นข้อห้ามในการทำเลสิกหรือไม่ วัดความโค้งของกระจกตาในบริเวณต่างๆอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีภาวะกระจกตาย้วยหรือไม่ ตลอดจนความหนาของกระจกตา
วัดความดันตาตรวจโรคต้อหิน หากมีโรคต้อหินอาจจะไม่เหมาะในการทำเลสิก
วัดขนาดรูม่านตาในที่มืด การยิงเลเซอร์ควรจะให้กว้างกว่าขนาดรูม่านตาเพื่อลดภาวะการเห็น แสงจ้าในเวลากลางคืน
ตรวจจอตาอย่างละเอียดเนื่องจากผู้ที่มีสายตาสั้นมากมักมีความผิดปกติของจอตาอาทิเช่น จุดรับภาพบนจอตาเสื่อม จอตาฉีกขาด จอตาบาง หากพบความผิดปกติควรแก้ไขก่อนมาทำเลสิก
บุคคลที่ไม่สมควรหรือไม่เหมาะที่จะทำเลสิกคือ
- บุคคลที่มีตาดีข้างเดียว การแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยแว่นตาจึงน่าจะปลอดภัยกว่าดังได้กล่าว แล้ว
ผู้มีประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆทางตาร่วมด้วยโดยเฉพาะบริเวณกระจกตา เป็นแผลที่กระจกตา ผิวตาดำไม่เรียบ เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง และ/หรือ ตาแห้ง
- โรคกระจกตาย้วย หรือกระจกตารูปกรวย (Keratoconus, โรคชนิดหนึ่งที่มีการเสื่อมของกระจกตาส่งผลให้กระจกตาบางและเป็นรูปกรวย) เป็นภาวะที่ห้ามทำเลสิกเนื่องจากพบอาการตาย้วยมากขึ้นจนกระจกตาเสียรูป ทำให้สายตามัวลงอย่างมากในเวลาต่อมาได้
CR PIC :: http://www.rx.co.th/
- หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคหลอดเลือด โรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) เช่น
โรคข้อรูมาตอยด์ โรคเอสแอลอี/โรคพุ่มพวง (SLE, Systemic lupus erythematosus) ฯลฯ
- ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักจะมีการสมานแผลของผิวกระจกตาที่ผิดปกติ อาจทำให้กระจกตาเปื่อยและรุนแรงทำให้สูญเสียสายตาได้ แม้แต่โรคเบาหวานก็อาจทำให้แผลหายช้า เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้
- ผู้ป่วยที่มีโรคทางกายเรื้อรัง ยาบางตัวอาจทำให้กระจกตาผิดปกติเช่น ยาสารเคมีรักษาโรค มะเร็ง หรือยาAmiodarone (ยารักษาโรคหัวใจเต้นผิดปกติ) ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดเป็นฝ้าขาวหลังทำเลสิกได้ง่าย
- ผู้ที่มีกระจกตาโค้งมากหรือโค้งน้อยเกินไป การทำเลสิกอาจมีผลคลาดเคลื่อนได้สูง
- ผู้ที่มีกระจกตาบางเกินไปด้วยเหตุที่การแก้ไขสายตาสั้นจะต้องฝานกระจกตาด้วยเลเซอร์ประ มาณ 10 ไมครอนในการแก้ไขสายตาสั้น 1 D หากกระจกตาบางอยู่แล้ว เมื่อฝานออกจะยิ่งบางลงๆ โดยทั่วไปถ้ากระจกบางลงมากจะทำให้กระจกตาไม่อาจคงรูปเหมือนปกติ เกิดภาวะกระจกตาย้วยซึ่งทำให้สายตามัวลงอย่างมากได้
- ข้อที่ห้ามทำเป็นอย่างยิ่งก็คือผู้ที่คาดหวังกับสายตาหลังทำมากเกินไป เนื่องจากหลังทำอาจ มีการสูญเสียบางอย่างเช่น สายตาเวลากลางคืนมองเห็นลดลง ตาสู้แสงไม่ได้/ตาแพ้แสง แสบตา ตาแห้งง่ายขึ้น
การดูแลตนเองการพบจักษุแพทย์หลังการทำเลสิกได้แก่
- ต้องระลึกไว้เสมอว่าหลังทำเลสิกสายตาจะคงที่หรือดวงตาจะกลับมาปกติ อาจใช้เวลานานถึงประมาณ 6 เดือน
- ปฏิบัติตามจักษุแพทย์และพยาบาลจักษุแนะนำอย่างถูกต้องเคร่งครัด
- ต้องพยายามไม่ขยี้ตา
- ป้องกันดวงตาในขณะนอนหลับตามจักษุแพทย์พยาบาลจักษุแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการกดทับดวงตาหรือแผลผ่าตัด
- หยอดตาและกินยาต่างๆตามจักษุแพทย์แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาต
- ไม่ใช้เครื่องสำอางใบหน้าและดวงตาจนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาต เพราะอาจเป็นสาเหตุให้สารเคมีเหล่านี้เข้าตาก่อการอักเสบติดเชื้อได้
- ระวังน้ำเข้าตาจึงไม่ควรว่ายน้ำหรือทำซาวนาหรือใช้อ่างอาบน้ำ
- เลือกเล่นกีฬาชนิดปลอดภัยต่อดวงตา ลดโอกาสเกิดการกระแทกดวงตา
- ไม่ขับรถจนกว่าจักษุแพทย์จะอนุญาตโดยเฉพาะการขับรถกลางคืน
- เมื่อเกิดความผิดปกติต่างๆกับดวงตาหรือกับสายตา รีบพบจักษุแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมงหรือฉุกเฉินตามคำแนะนำล่วงหน้าของจักษุแพทย์
ขอให้ทุกคนที่มีปัญหาสายคา มีทางออกในการกลับมาเห็นทุกอย่างดีดังเดิม ^_^
แก้ไขล่าสุด 28 ส.ค. 58 14:39 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย WinXP
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google